โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

จากเด็กนิเทศฯ สู่การเป็นบิวตี้อินฟลูเอนเซอร์และเจ้าของธุรกิจ 4 แบรนด์ ยืนหนึ่ง! คุยกับ 'ไอซ พาดี้'

INTERVIEW TODAY

เผยแพร่ 13 ต.ค. 2564 เวลา 19.47 น. • @mint.nisara

ไฮไลต์

  • การผันบทบาทจากการเป็นบิวตี้บล็อกเกอร์สู่การเป็นเจ้าของธุรกิจถึง 4 แบรนด์ ไอซ พาดี้ เริ่มต้นทุกโปรเจกต์ด้วยความชอบและขับเคลื่อนการทำงานของเธอด้วยแพสชั่น
  • การเริ่มต้นธุรกิจของเธออาจไม่เหมือนกับวิธีปกติที่มีการทำแผนธุรกิจอย่างจริงจัง แต่ไอซเรียนรู้ทุกอย่างไปพร้อมกับการทดลองทำ ความใจป้ำ สัญชาตญาณ และแพสชั่นคือสิ่งที่ทำให้ธุรกิจต่าง ๆ ของเธอเดินมาถึงจุดนี้ในปัจจุบันได้

จากบิวตี้บล็อกเกอร์สาวที่มักจะปรากฏตัวในเสื้อผ้าสีสันสดใส ต่างหูคู่ฟรุ้งฟริ้ง รอยยิ้มที่แจกความสุข และคอนเทนต์ที่ชวนให้ทุกคนอารมณ์ดี สู่การเติบโตในวงการ ก้าวกระโดดมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์แถวหน้าของเมืองไทย และล่าสุดกับหมวกใบใหม่ของการเป็นนักธุรกิจหญิงไฟแรงที่ดูแลโปรเจกต์ต่าง ๆ ถึง 4 โปรเจกต์ด้วยกัน 

เธอที่เรากำลังจะพูดถึงคนนี้ก็คือ ไอซ พาดี้-ภาวิดา ชิตเดชะ นั่นเอง ซึ่งโดยปกติแล้วทุกคนอาจได้สัมผัสถึงตัวตนของสาวไอซผ่านทางคอนเทนต์ต่าง ๆ ของเธอ แต่ในวันนี้ INTERVIEW TODAY จะพาคุณผู้อ่านมารู้จักกับอีกมุมหนึ่งของ 'ไอซ พาดี้' ในบทบาทของผู้บริหารและพูดคุยถึงเรื่องมุมมองเกี่ยวกับธุรกิจกันบ้าง เชื่อได้ว่าบทความนี้น่าจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับหลาย ๆ คนได้ไม่น้อยเลยล่ะ!

4 โปรเจกต์ที่กำลังถือ กับจุดเริ่มต้นที่เกิดขึ้นเพราะ 'ความชอบ'

"ตอนนี้ไอซกำลังดูอยู่ทั้งหมด 4 อย่างค่ะ อย่างแรกก็คือเป็น ICE PADIE ในฐานะคอนเทนต์ครีเอเตอร์ อย่างที่ 2 คือแบรนด์บิวตี้ไลฟ์สไตล์ที่ชื่อว่า Happy Sunday มี Icecream เป็นโปรเจกต์ที่ 3 ทำโปรดักชั่นให้กับเหล่ายูทูบเบอร์กับแบรนด์ต่าง ๆ และโปรเจกต์สุดท้ายก็คือ คุณนาย-Khunnai เป็นสื่อออนไลน์สำหรับผู้หญิงที่ทำร่วมกับพี่แป้ง Kirarista และพี่ฟ้าพิชญภา เป็นคอมมิวนิตี้ของ พส นส (พี่สาว น้องสาว) ที่ช่วยเหลือเกื้อกูล แบ่งปันสิ่งดี ๆ ต่อกันค่ะ"

นี่คือคำตอบของสาวไอซ เมื่อเราถามเธอว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่บ้าง ทางผู้เขียนลองจินตนาการภาพของตัวเองทำงานพร้อมกัน 2 อย่างก็ว่าเหนื่อยแย่แล้ว แต่การรันโปรเจกต์ที่แอกทีฟไปพร้อม ๆ กัน 4 อย่าง คงไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน ซึ่งพอสอบถามถึงจุดเริ่มต้นของการเริ่มจับธุรกิจของสาวไอซแล้ว คำตอบของเธอก็คือความชอบส่วนตัวล้วน ๆ

View this post on Instagram

A post shared by HAPPY SUNDAY ☀️☁️ (@happysunday.official)

"ธุรกิจแรกจริง ๆ ต้องเล่าว่าตอนนู้น ก่อนที่ Happy Sunday จะเกิด ไอซเคยทำแบรนด์ที่ชื่อว่า Magic Mesh ค่ะ สินค้าคือเทปตาข่ายสำหรับติดตาสองชั้น ยุคนั้นทำคลอมากับการบิวตี้บล็อกเกอร์ คือธุรกิจ 1 เป็นบิวตี้บล็อกเกอร์อีก 1 เราก็คิดในใจว่าอะไรรอดฉันก็เอาอันนั้นล่ะ และปรากฏว่าการเป็นบล็อกเกอร์ก็ได้เฉิดฉายมากกว่า Magic Mesh แบรนด์ก็เลยค่อย ๆ ริบหรี่หายไป ซึ่งจริง ๆ แล้วทุกอย่างมันดีหมดเลยนะ ของก็ขายดีมาก ๆ แต่เราโฟกัสกับงานบล็อกเกอร์มากกว่าเพราะตรงนั้นก็ใช้เวลาเยอะในการคุยกับกล้อง ทำคอนเทนต์ต่าง ๆ

View this post on Instagram

A post shared by HAPPY SUNDAY ☀️☁️ (@happysunday.official)

โคจรกลับมาอีกทีกับการทำแบรนด์ของตัวเองก็คือตอนที่เป็น Happy Sunday ที่มาที่ไปมันเริ่มต้นได้ยังไง ก็คือมันเริ่มต้นจากความชอบของตัวเรานั่นแหละ เราเป็นคนที่ชอบความสวยความงามจากก้นบึ้งของหัวใจ และก็ได้ลองผลิตภัณฑ์มาเยอะแต่ยังรู้สึกว่า เฮ้ย มันยังพอมีช่องว่างอยู่ ซึ่งมันก็มาจากอินเนอร์ของเราที่ชอบของน่ารักปุ๊กปิ๊ก แล้วก็ชอบใช้ของดี ๆ แต่ทีนี้พอมันเป็นของที่หน้าตาน่ารักปุ๊กปิ๊ก ส่วนใหญ่คุณภาพจะไม่ค่อยดี ของดีก็คือจะต้องเป็นแบรนด์หรูหรา แพ็กเกจสีดำ สีทองไปเลย ซึ่งทำไมก็ไม่รู้ ของน่ารัก ๆ สีชมพู ฟ้า เขียวจะดีบ้างไม่ได้หรอ แบรนด์ก็เลยเกิดจากอินเนอร์นี้เลยที่บอกกับตัวเองว่า ฉันนี่แหละที่จะทำให้ของหน้าตาน่ารักมีความดีอยู่ข้างในด้วย"

ทำธุรกิจแบบไม่มีแผนธุรกิจ

หนึ่งในความเซอร์ไพรส์ที่ได้รู้จากการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ก็คือตอนที่สาวไอซเริ่มต้นลงทุนสร้างแบรนด์ เธอไม่ได้วางแผนธุรกิจหรือ Business Plan แต่อย่างใด และการที่แบรนด์เติบโตมาได้ไกลถึงขนาดนี้ก็เพราะแพสชั่นของเธอล้วน ๆ

"คำเมื่อกี้ที่คุณน้องพูดมาเลยค่ะ Business Plan คำนี้คือคีย์เวิร์ด ซึ่งประเด็นคือเราไม่มี! ไอซจบนิเทศมา การบริหารคืออะไร เทรนด์ธุรกิจคืออะไร เราไม่เคยเรียนเรื่องการสร้างธุรกิจหรือบริหารเลยแต่เราเรียนการแสดง เราเลยความยิ่งใหญ่เข้าว่า คือทุกอย่างต้องสวย ต้องดูดี ไอซต้องบอกตามตรงว่า Happy Sunday อะ ไม่ได้เกิดจากนักธุรกิจแต่เป็นเด็กหญิงคนหนึ่งซึ่งอยากทำของที่เธอชอบ ถ้าเพื่อนชอบ เพื่อนก็ซื้อตาม เพราะฉะนั้นคำว่าแผนธุรกิจไม่ได้อยู่ในแพลนของเราเลยตั้งแต่ต้น และการทำธุรกิจในตอนแรกของไอซมันเลยจะงง ๆ นิดนึง

ช่วง 2 ปีแรกเป็นช่วงที่เราลงเงินเต็มที่กับมันมาก ๆ ไม่เห็นผล ไม่คืนทุน ไม่เป็นไร เพราะเรามีความสุขที่จะได้ทำ ความสุขเกิดขึ้นตอนที่เราเห็นผลิตภัณฑ์ออกมาแบบ ฮุ้ย มันน่ารัก กำไรไม่ได้เป็นเม็ดเงินเลยแต่เป็นความรู้สึกกรี๊ดกร๊าดของตัวเองที่เกิดขึ้นระหว่างทางล้วน ๆ แต่เราก็ค่อย ๆ เรียนรู้ระหว่างทางว่า เฮโหล แก มันจะคิดอย่างนั้นไม่ได้เว้ย เพราะเรามีลูกน้อง มีค่าใช้จ่ายที่แบกรับอยู่ ต้องมีแพลนการออกไอเทมใหม่ ระบบการจัดการต่าง ๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราได้เรียนรู้ระหว่าง 2 ปีแรก เหมือนย่อเอาหลักสูตรเรียนบริหาร 4 ปีมาให้เลย"

บทเรียนสำคัญที่ได้เรียนรู้จากการทำแบรนด์

"ที่ไอซเล่ามาก่อนหน้า อาจจะฟังดูเหมือนทุกอย่างราบรื่นมาโดยตลอดเวลาหลายปีที่ทำแบรนด์มา แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย ปัญหามันเยอะมาก ปัญหาเข้ามาทุกทาง ถ้าถามว่าอะไรคือปัญหาหลัก เราจะตอบได้ว่าไม่มีเลยเพราะปัญหามันมีในทุกขั้นตอนและทุกวัน! ทั้งเรื่องไทม์ไลน์ในการออกสินค้า การพัฒนาสินค้า คนที่จะทำงาน การส่งของ แพ็กเกจจิ้ง การสื่อสาร มาร์เกตติ้ง สต็อกสินค้า การวางขาย ทุกอย่างที่พูดมานั้นล้วนแล้วเป็นปัญหาหมดเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรคือปัญหาหลักเพราะมันเป็นปัญหาที่สำคัญหมดเลย แต่หน้าที่ของเราในฐานะเจ้าของแบรนด์และนักธุรกิจก็คือการจัดการสิ่งที่เกิดขึ้นและคลี่คลายมันไปทีละอย่างในแต่ละวัน ซึ่งความโชคดีคือเรายังไม่เคยเจอปัญหาใหญ่แบบที่แก้ไม่ได้ แต่ถ้ามีอยู่เรื่องเดียวที่เกินความควบคุมของเราแล้วก็คือการก็อปปี้ของ ซึ่งมาจากปัจจัยภายนอกจริง ๆ

อีกอย่างเลยที่เรียนรู้ก็คือต้องคิดเงินบ้าง ต้องคิดถึงกำไรบ้างล่ะ เพราะพอเราทำด้วยความรักความชอบ เรื่องเงินมาทีหลัง ในระยะยาวมันอาจจะไม่ยั่งยืน พอเข้าปีที่ 3 เราเริ่มรู้ตัวแล้วว่าหลายล้านแล้วนะ ไหนนะที่ควรจะต้องกลับคืนมา ซึ่งพอเอาเข้าจริงเงินมันเป็นสื่อกลางที่จะเป็นต้นทุนให้เราไปต่อยอดและเติบโตขึ้นได้ เป็นสื่อกลางที่จะทำให้เราขยายทีมได้ เลยอยากบอกกับตัวเองในตอนนั้นว่าให้คิดถึงตัวเงินบ้าง แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ก็ต้องขอขอบคุณ ICEPADIE แหละมั้งที่ขยันหาเงินให้กับ Happy Sunday ในช่วงแรก เพราะต้นทุนก็คือตัวเราเอง แล้วก็ต้องขอบคุณในความบ้าของตัวเองที่กล้าลงเงินไปเยอะ ๆ กล้าลุยด้วย ซึ่งที่เราเรียนรู้อีกอย่างก็คือการเป็นนักธุรกิจได้ควรมีความใจป้ำ กล้าได้กล้าเสียเช่นกัน ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่เราตั้งใจจะมีนะ แต่ด้วยความที่แบรนด์นี้เป็นสิ่งที่เราชอบมาก ๆ เลยตั้งใจทำออกมาให้ดีที่สุดค่ะ"

View this post on Instagram

A post shared by ICEPADIE PHAVIDA (@icepadie)

ความแตกต่างจากธุรกิจอื่น ๆ ที่มีการวางเป้าว่าทุก ๆ 3 ปี หรือ 5 ปี จะต้องเติบโตให้ได้กี่เปอร์เซนต์ แต่สำหรับไอซแล้ว เธอไม่ได้วางเป้าหมายที่ตึงเครียดให้กับแบรนด์แบบนั้น…

"ถ้าตอบแบบตรง ๆ ก็คือไอซไม่เคยคิดเหมือนกันว่ามันจะมาได้ไกลขนาดนี้ ไม่ได้มองภาพว่ามันจะใหญ่ขนาดนี้ คือส่วนตัวไอซ มีคติประจำตัวที่ว่า Happy Everyday มีความสุขในทุก ๆ วัน เราอยากทำสิ่งที่เราชอบ เพราะฉะนั้นจุดเริ่มต้นคือเราชอบ เราอยากทำไง ไอซก็ปล่อยให้มันค่อย ๆ โตไปเรื่อย ๆ แล้วอีกอย่างคือไอซกลัวว่าถ้าเราวางแพลนไว้ให้ว่ามันจะไปได้ไกลถึงแค่นี้ กลัวว่ามันจะมากไปหรือน้อยไป เราเลยไม่เคยลิมิตความฝันหรือเป้าหมายของตัวเองเลย ไม่เคยบอกว่าความสำเร็จของฉันเป็นแบบนี้ ที่ยิ่งใหญ่ของเราคือแบบนี้ เพราะฝันของเรามันไปต่อได้เรื่อย ๆ และโตขึ้นตลอด"

รันวงการธุรกิจสายคอนเทนต์

นอกจากการทำคอนเทนต์สำหรับช่องยูทูบของตัวเองแล้ว อีกหนึ่งธุรกิจที่อยู่ภายใต้การบุกเบิกของสาวไอซ พาดี้ ก็คือบริษัทที่รับทำโปรดักชั่นให้กับคนดังสายยูทูเบอร์ที่มีชื่อว่า Icecream ซึ่งไอซเล่าให้เราฟังว่าจริง ๆ แล้วโปรเจกต์นี้คือการต่อยอดจากสิ่งที่เธอทำเป็นเวลาเนิ่นนานและใช้ประสบการณ์ทุกมิติมาใส่ไว้ในงานนี้เลย

"Icecream คือการต่อยอดและเกิดจากความที่ว่าไอซเป็นอินฟลูเอนเซอร์ เป็นบล็อกเกอร์มาประมาณ 5 ปีเต็ม ๆ พอเข้าปีที่ 6 เราก็มานั่ง Reflect กับตัวเองว่าที่ผ่านมามาไม่ง่ายเลย มีอะไรที่เราเรียนรู้มาเยอะมากเลย และรู้สึกว่าอาชีพนี้ก็ยังคงเป็นอาชีพใหม่ ย้อนกลับไป 10 ปี คนคงไม่เข้าใจว่ายูทูเบอร์คืออะไร อินฟลูเอนเซอร์คืออิหยังวะ ตอนแรก ๆ ที่เรามาทำตรงนี้ก็ต้องเล่าให้พ่อแม่ฟังว่าไอซทำงานได้จริง ๆ นะ ไม่ต้องห่วงลูก ลูกหาเงินกินข้าวจากสิ่งนี้ได้จริง ๆ (หัวเราะ) เราก็เลยรู้สึกว่าด้วยความที่ดีเทลมันมีค่อนข้างเยอะมาก และมีคนที่อยากเข้ามาทำอาชีพนี้ก็เยอะมากขึ้น หลายคนส่งมาขอคำแนะนำจากไอซว่าถ้าอยากเป็นยูทูเบอร์ต้องทำยังไงดี ซึ่งพอเราอธิบายในรายละเอียด บางคนก็อาจจะไม่เห็นภาพ เราก็เลยปิ๊งไอเดียว่า เออ งั้นเอาตัวเธอมาเลย เดี๋ยวฉันทำให้ เลยกลายมาเป็นที่มาของ Icecream ที่ทำโปรดักชั่นตั้งแต่ต้นจนจบให้กับคนที่อยากทำช่องยูทูบเป็นของตัวเอง

View this post on Instagram

A post shared by ICEPADIE PHAVIDA (@icepadie)

จุดเริ่มต้นอีกทางของ Icecream Production มาจากตัวเราเองด้วยที่คิดว่าถ้าเราตัวคนเดียวก็จะทำงานได้ประมาณนี้ เหมือนเรารู้ลิมิตของตัวเอง แล้วมันก็เกิดคำถามขึ้นว่าแล้วถ้าฉันเหนื่อยล่ะ แล้วถ้าฉันแก่แล้วล่ะ ถ้าเรามีลูก พอเราโตขึ้นก็ต้องหาลู่ทางอื่น ๆ ให้กับตัวเอง เลยอยากเอาความรู้ที่เรามา ประสบการณ์ที่เราสะสมมา เอามาแชร์ให้กับคนที่เขาต้องการแล้วมันสร้างเป็นธุรกิจได้มันก็คงจะดีเนอะ ซึ่งคนแรกที่ไอซกับทีมได้ดูแลก็คือน้องจีน่า อันนา ส่วนพี่หวานเจี๊ยบและบ้านของพี่หวานเจี๊ยบทั้งหมดก็จะเป็นยุคต่อมา เป็นยุคที่โควิดนำพา ได้ทำงานด้วยกัน เจอกัน คุยกันบ่อยแล้วแกก็บอกว่าอยากหาคนช่วยทำคอนเทนต์ ซึ่งไอซก็ค่อนข้างไม่มั่นใจเพราะเราเพิ่งเริ่มมาก ๆ แต่พี่หวานเจี๊ยบก็เซย์เยสกับเรา บอกว่าเราลองไปพร้อม ๆ กัน ก็เลยสานต่อให้ Icecream โตขึ้นมาก ๆ ในปีนี้ด้วย 

เราไม่ได้จำกัดแค่ดารานะ ตอนนี้ก็เริ่มมีแบรนด์ต่าง ๆ ที่สนใจอยากให้เราทำงานให้ Icecream ก็เลยรับบทเป็นคนที่ให้คำแนะนำและผลิตคอนเทนต์ให้ ซึ่งมันมาไกลถึงการทำโฆษณาออนไลน์ให้กับแบรนด์แล้วค่ะ! ตอนแรกก็ไม่แน่ใจอย่างแรงว่าเขาเอาอะไรมาเชื่อใจและมันกดดันมาก ๆ แต่พอได้รับความช่วยเหลือจากสามีที่เป็นช่างภาพมืออาชีพช่วยเติมความเป็นศิลปะเข้าไป เราทำได้และทำสำเร็จออกมาอย่างสวยงาม มันก็เป็นการก้าวข้ามขีดจำกัดอีกอย่างของเราซึ่งไม่คิดว่าจะทำได้เหมือนกันนะ"

การเริ่มต้นจากการเป็นบล็อกเกอร์สู่การต่อยอดทำธุรกิจต่าง ๆ มีข้อเสียบ้างไหม

"มีนะ อย่างแรกเลยก็คือเราก็จะไม่รู้วิธีที่จะทำ Business Plan ไง เราก็จะทำทุกอย่างเพื่อสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภค เพื่อความสุขของเราและเขาโดยที่ไม่ได้คิดถึงเม็ดเงินเลย เพราะมองว่าทุกคนคือเพื่อน เราไม่ได้จะมาเอาประโยชน์อะไรจากเขาเลย ซึ่งอย่างที่บอกไปก็คือการทำธุรกิจมันก็ต้องคิดถึงตรงนี้บ้าง

อีกข้อก็คือเรื่องของความคาดหวัง พอเรามีชื่อเสียงมาแล้ว มันจะมีความคาดหวังที่คนรอบ ๆ ตัววางไว้ให้กับเราเยอะมาก อันนี้เป็นดาบสองคมจริง ๆ คือมันมีทั้งคนที่รักและสนับสนุนเราจริง แต่ว่าก็มีคนที่จับตามองว่าเธอน่ะจะไปรอดหรือเปล่าไอซ พาดี้ ซึ่งเราก็ต้องทำทุกอย่างให้ออกมาสมกับความคาดหวัง และที่จริงมันเป็นความกดดันตัวเองล้วน ๆ เลย เราก็ต้องดีลกับต่อมความคิดมากของตัวเอง คิดกับตัวเองให้จบแล้วมูฟต่อ"

"การเป็นนักธุรกิจทำให้ ไอซ พาดี้ โตขึ้นมาก" 

ประโยคที่สรุปการเติบโตของ ไอซ พาดี้ ในวงการธุรกิจ จากการที่ค่อย ๆ คลำทางโดยใช้หัวใจนำ จนมาถึงขั้นที่ทุกแบรนด์ของเธอมีลูกค้าที่ติดใจใช้บริการอยู่อย่างสม่ำเสมอ สร้างคุณภาพใหม่ให้กับวงการ และที่สำคัญคือมีทีมที่ทำงานเป็นบริษัท สาวไอซบอกว่าการทำโปรเจกต์เหล่านี้ทำให้เธอโตขึ้นมาก ๆ

"ในการทำธุรกิจเราจะต้องดูแลคน ต่างจากตอนที่เป็นแค่คอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่เราเป็น All in One ทั้งนักแสดง ผู้กำกับ คนตัดต่อ เป็นหน้า เป็นผม เป็นสไตลิสต์ ทุกอย่างจบในตัวเรา พอเป็นธุรกิจมันไม่ใช่แค่เราคนเดียวแล้ว แต่มันจะอยู่ที่คำถามว่าไอซคิดยังไง แล้วไอซจะสื่อสารคนอื่นให้เข้าใจตรงกันยังไง และจัดการคนที่จะช่วยทำงานให้เราอย่างไร มันคือ People Management ที่วางคนในตำแหน่งหน้าที่ที่ถูกต้อง ทำให้เขาทุกคนสามารถทำงานด้วยกันได้อย่างผาสุก และอีกอย่างที่ทำให้ไอซโตขึ้นก็คือการจากลา มีคนที่เข้ามาแล้วก็จากไปอยู่ตลอดเวลา แต่บริษัทและสิ่งที่เราจะทำมันยังต้องอยู่ต่อ เราก็ต้อง Stay Strong ต้องมั่นคงกับจุดยืนของเรา วันก่อนยังเพิ่งพูดเองว่ารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแม่พลอยในสี่แผ่นดิน ผ่านมาหลายยุคหลายสมัยแต่เรายังคงต้องรันวงการต่อไป

[View this post on Instagram

](https://www.instagram.com/p/CO-SsAmFgrK/?utm_source=ig_embed&utm_campaign=loading)

A post shared by ICEPADIE PHAVIDA (@icepadie)

ตอนนี้เป้าหมายในชีวิตของเราเปลี่ยนไปนะ แต่ก่อนเราโฟกัสแต่ที่ตัวเอง หน้าผมฉันจะต้องสวยเป๊ะ เป้าหมายจะอยู่ที่ตัวเราอย่างเดียวจริง ๆ ตอนที่เป็นอินฟลูเอนเซอร์อะเนาะ แต่ตอนนี้สิ่งที่เราหวังและอยากคีพไปเรื่อย ๆ คือการทำให้บริษัทไปได้ไกล บริษัทในที่นี้ไม่ใช่แค่ตัวธุรกิจหรือไอซอย่างเดียว แต่หมายถึงน้อง ๆ ในทีมด้วย ไอซรู้สึกว่าถ้าไอซไม่โต น้องก็จะไม่โต เพราะฉะนั้นเราเลยอยากโตไปให้ได้ไกลที่สุดเพื่อที่ว่าคนที่อยู่ในทีม เขาจะได้โตไปไกลพร้อม ๆ กับเราด้วย อยากเห็นเขามีความสุขในชีวิต ได้สิ่งที่เขาอยากได้ ได้มีชีวิตที่ดีที่เขาอยากเป็น ไอซเลยพยายามจะทำทุกอย่างให้มันแข็งแรงเพื่อที่ทีมที่เข้ามาทำงานกับเรา เป็นครอบครัวของเราเขาจะได้โตไปด้วยได้

#ฝากร้าน

สำหรับ Happy Sunday บอกเลยว่าจะเขย่าวงการมาก เพราะคอลเลกชั่นใหม่ปีหน้ากำลังจะออกแบบเรียงแถวเยอะมากกก ทั้งบิวตี้ และคอลเลกชั่นที่คอลแลบกับ Disney 

สำหรับ Icecream ก็กำลังจะมีช่องใหม่ ซึ่งเธอคนนี้เป็นสาวแห่งยุคเลย ที่ทุกคนรู้จักและน่าจะกำลังติดตามอยู่ นั่นก็คือ คุณอูน Diamond Grain แล้วก็จะมีพี่ออม สุชาร์ ที่เราทำช่องให้อีกคน 

ส่วน คุณนาย-Khunnai ก็มีคอนเทนต์สำหรับคุณผู้หญิงต่าง ๆ จะมีการไลฟ์ทุกวันพุธเป็นรายการคล้าย ๆ ผู้หญิงถึงผู้หญิงและแคมเปญใหญ่ในปีหน้าด้วย 

และสำหรับ ICE PADIE นอกจากคอนเทนต์ในช่องแล้วตอนนี้ก็มีงานละครที่กำลังออนแอร์อยู่ด้วย (กรี๊ด) ซีรีส์เรื่อง “รักวุ่นวายยัยตัวป่วน” ออนแอร์ช่อง 3 HD 23.00-00.00 น. ทุกวันศุกร์เสาร์ค่ะ 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0