เร่งตรวจสอบ 200 บริษัท ย่านรัชดา-ห้วยขวาง-เยาวราช ถูกร้องมี ‘นอมินี’ สูง
แห่ร้อง 1203 พณ. เผย 7 วัน 17 ราย ถูกมิจฉาชีพหลอก ยกเหตุโควิดดันธุรกิจเปลี่ยนมือ เสี่ยงเจอนอมินี แหล่งท่องเที่ยว
เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ภายหลังกระทรวงพาณิชย์ เปิดสาย “แจ้งข่าวมิจฉาชีพ 1203” เพื่อรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนและผู้ประกอบการที่ถูกหลวกลวงติดต่อทางโทรศัพท์และ Line โดยแอบอ้างเอกสาร และเว็บไซต์เกี่ยวกับกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานในกระทรวงพาณิชย์ มาได้ 7 วัน พบว่า มีผู้ร้องเรียนมาถึง 17 ราย ในจำนวนนี้ 15 ราย เกี่ยวข้องกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ใน 3 เรื่องหลัก คือ แอบอ้างเป็นนิติบุคคล แอบอ้างเป็นข้าราชการกรมแล้วให้อัพเดตข้อมูล และหลอกให้อัพโหลดข้อมูลตัวบุคคล อีก 1 เรื่องเกี่ยวกับกรมการค้าภายใน หลอกให้อัพเดตข้อมูลโครงการธงฟ้า และอีก 1 เรื่อง หลอกให้อัพเดตข้อมูลส่วนบุคคล เกี่ยวกับโครงการเราเที่ยวด้วยกัน
“ได้ส่งเรื่องให้แต่ละกรมได้ตรวจสอบ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอน ขณะเดียวกันจะหารือแต่ละกรมเพื่อหาวิธีการปิดกั้นในเรื่องข้อมูลที่มักถูกกลุ่มมิจฉาชีพเอาไปแสวงหาประโยชน์และหลอกลวงจนประชาชนเสียหาย อย่างข้อมูลนิติบุคคลที่มีการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะตามกฎหมาย ต้องมาดูว่าปิดกั้นได้อย่างไร หรือ การอัพเดตข้อมูลจะทำความเข้าใจอย่างไรว่าไม่ได้เป็นการอัพเดตโดยหน่วยงานนั้นๆ ภายใน 3 สัปดาห์นี้จะชัดเจน ซึ่งยอมรับ 7 วัน มีร้องผ่านสายด่วน 1203 ถึง 17 ราย มองว่าค่อนข้างมาก ดังนั้น เราต้องดูว่าจะปิดประตูส่วนใดที่จะเป็นช่องมิจฉาชีพได้ก็จะเร่งดำเนินการ ซึ่งต้องดูว่าไม่ขัดต่อระเบียบและกฎหมายของแต่ละหน่วยงานด้วย” นายนันทพงษ์กล่าว
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบข้อมูลบริษัทที่มีการถือหุ้นโดยต่างชาติประมาณ 200 บริษัทในย่านที่ถูกระบุว่ามีนอมินีสูง ทั้งเยาวราช ห้วยขวาง สัมพันธวงศ์ รัชดาภิเษก โดยส่วนใหญ่มีชาวจีนถือหุ้น กรมพัฒนาธุรกิจการค้ากำลังคัดกรองและตรวจสอบตามกฎหมายการประกอบการของคนต่างด้าว ทั้งทางเอกสาร และลงพื้นที่ตรวจสอบที่ตั้ง
สำหรับการออกตรวจสอบนอมินีในพื้นที่ต่างจังหวัด ล่าสุดต้นเดือนกุมภาพันธ์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบในภาคเหนือ โดยเฉพาะเชียงใหม่และตรวจสอบ 26 ราย ที่แจ้งจดตั้งบริษัทไว้กับกรมและมีต่างชาติถือหุ้น ที่ประกอบธุรกิจภาคบริการและเกี่ยวกับภาคท่องเที่ยว เช่น ร้านอาหาร บริษัทนำเที่ยว สปา เป็นต้น พบว่าในจำนวน 26 ราย แบ่งเป็น 15 ราย ยังเปิดกิจการตามปกติ และอยู่ในขั้นตอนตรวจเอกสารต่างๆ ตามที่กฎหมายกำหนด อีก 6 ราย ปิดที่ทำการ แต่ได้สอบถามประชาชนใกล้เคียงได้รับการยืนยันว่ายังไม่ปิดกิจการ ซึ่งกรมจะทำหนังสือถึงผู้ประกอบการดังกล่าวเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง อีก 2 ราย เจอผู้ประกอบการและได้รับเอกสารตามกฎหมายครบถ้วน และอีก 3 ราย เปิดดำเนินการแต่เปลี่ยนผู้ประกอบการรายอื่นแทน ซึ่งต้องตรวจสอบว่ามีการแจ้งยกเลิกกิจการหรือไม่
“หลายกิจการปิดตัว จากผลกระทบโควิดระบาด หรือมีการเปลี่ยนมือให้รายอื่นทำกิจการต่อ ซึ่งก็ต้องลงในรายละเอียดว่าแจ้งปิดตามกฎหมายแล้วหรือไม่ และผู้ประกอบการใหม่ มีพฤติกรรมเป็นนอมินีหรือไม่ ที่กรมพัฒนาธุรกิจตรวจสอบจะเป็นนิติบุคคลและตรวจตามกฎหมายผู้ประกอบการต่างด้าว ส่วนบุคคลธรรมดาที่ทำผิดกฎหมายและมาทำธุรกิจต้องห้ามของคนไทย กรมพัฒนาธุรกิจไม่อาจตรวจสอบได้ แต่สามารถตรวจสอบได้ตามเส้นทางการเงิน โดยในเดือนมีนาคมนี้ กรมพัฒนาธุรกิจจะลงพื้นที่ตรวจสอบนอมินีในแหล่งท่องเที่ยวภาคใต้” แหล่งข่าวระบุ
ความเห็น 0