ภายในห้องอันมืดมิดที่ไม่อาจมองเห็นแสงใด ๆ นอกจากความมืดแล้ว ยังมีความเงียบที่ทำให้ไม่ได้ยินเสียงใด ๆ ด้วย หากเราถูกจับขังภายในห้อง เราจะมองไม่เห็น และไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย
ต่อเมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง สายตาของเราเริ่มปรับตัว ประสาทสัมผัสทางหูของเราก็เช่นกัน เราจะเริ่มมองเห็น เราจะเริ่มได้ยิน ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ห้องเท่าเดิม ความมืดเท่าเดิม ความเงียบเท่าเดิม แต่ทำไมเราจึงมองเห็น ได้ยิน สัมผัสได้ถึงสิ่งที่เคยปกปิด
สิ่งนี้คืออะไร มันคือปาฏิหาริย์กระนั้นหรือ เทวดาที่แสนขี้เกียจกำลังช่วยเรากระนั้นหรือ เปล่าเลย ! มันคือวิวัฒนาการแห่งการอยู่รอด มนุษย์จะไม่ตายเพราะเรื่องโง่ ๆ เร็วเกินไป เพราะการปรับตัวเพื่อความอยู่รอด มีอยู่ในสัญชาตญาณของเราทุกผู้
เศรษฐีที่รู้จักรอคอยจะไม่มีวันตายเพราะการล้มละลาย วันแรกที่เขาหมดสิ้นทุกอย่าง อาจเป็นวันที่เขาเจ็บ แต่ถ้าหากเขาไม่ฆ่าตัวตายเสียก่อน อดีตเศรษฐีผู้นั้นก็จะเคยชินกับสิ่งที่ต้องเผชิญ ร่างกายของเขาจะปรับตัวให้เข้ากับความยากลำบากจิตใจของเขาจะปรับเปลี่ยนให้สามารถรองรับการเอารัดเอาเปรียบที่คนชนชั้นกลางต้องพบเจอ
เพราะโลกใบนี้เต็มไปด้วยความสวยงามและโสมม ในปริมาณที่ผกผัน ขึ้นลงรายวันตามเหตุปัจจัย ร่างกายจิตใจของสิ่งมีชีวิต จึงถูกออกแบบให้สามารถปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ แม้แต่กระเพาะอาหารของเรายังยืดหดได้ตามอุปนิสัยการกิน
ก่อนที่เราจะหันไปข้างหลัง ก่อนที่เราจะมองไปข้างหน้า และก่อนที่เราจะมองไปรอบตัว ก่อนที่เราจะมองไปยังห้วงเวลาทั้งสามคือ อดีต อนาคต และปัจจุบัน
ขอจงระลึกรู้และเตือนตนเองไว้เสมอว่า ถ้าเราไม่รีบร้อนผูกคอตายเพราะปัญหาเร็วเกินไปนัก จิตวิญญาณของเรา ก็จะปรับเปลี่ยนให้ตัวเราอยู่รอดในทุกสถานการณ์ไม่มีข้อยกเว้น!!!
ป.ล. ไม่ว่าคุณกำลังเผชิญปัญหาใด ๆ อย่าเพิ่งท้อ อย่าเพิ่งยอมแพ้ ขอให้เชื่อ โลกนี้มีคนมากมายที่คอยให้กำลังใจเราอยู่เสมอจากที่ไหนสักแห่ง เป็นกำลังใจให้สู้ชีวิตกันต่อไปครับ