09.00 INDEX รูปธรรม การเมือง ที่แปรเปลี่ยน จากสุทิน คลังแสง รังสิมันต์ โรม
ไม่ว่าการเคลื่อนไหวของ นายสุทิน คลังแสง ในฐานะรัฐมนตรี
ไม่ว่าการเคลื่อนไหวของนายรังสิมันต์ โรม ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ มีบทบาท ทรงความหมาย
มิใช่เพราะในฐานะรัฐมนตรีหรอกหรือ
ทั้งที่กองทัพบก ทั้งที่กระทรวงกลาโหม ต้องปู “พรมแดง”รองรับ พร้อมกับจัดแถวทหารกองเกียรติยศอย่างสมบูรณ์ ครบถ้วน
มิใช่เพราะในฐานะประธานคณะกรรมาธิการหรอกหรือทำให้ นายรังสิมันต์ โรม สามารถเดินทางไปพบผบ.ทหารสูงสุด ผบ.ทหารบก ผบ.ตำรวจแห่งชาติ ได้อย่างเท่าเทียม
สังคมชอบมองไปที่เดือนพฤษภาคม 2567 เมื่ออำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรีของสมาชิกวุฒิสภา ต้องสิ้นสุดและหมดไปจากรัฐธรรมนูญ
ขณะเดียวกัน ก็มองข้ามบทบาทและความหมายอันเกิดขึ้นจากการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม 2566 บนฐานแห่ง 14 กว่า ล้านของพรรคก้าวไกล บนฐานแห่งกว่า 10 ล้านของพรรคเพื่อไทย
ทั้งๆที่การเปลี่ยนแปลงสามารถเห็นได้ สัมผัสได้จากกรณีของ นายสุทิน คลังแสง จากกรณีของ นายรังสิมันต์ โรม ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม การเมืองไทยก็ไม่เหมือนเดิม
ความโลดโผนอย่างยิ่งนอกเหนือจากกรณีที่ นายสุทิน คลังแสง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือ นายรังสิมันต์ โรม เป็นประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคง
นั่นก็คือ การเปลี่ยนแปลงอันเนื่องแต่สถานการณ์ในวันที่ 22 สิงหาคม
ซึ่งเป็นผลสะเทือนจากการเลือกตั้งเดือนพฤษภาคม
นั่นก็คือ พรรครวมไทยสร้างชาติลงมติเลือกแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย
นั่นก็คือ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ขานชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในวันเดียวกันกับการเดินทางกลับบ้านของนายทักษิณ ชินวัตร สิ้นสุดการเร่ร่อนอยู่ต่างประเทศอันเป็นผลจากรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549
ต้องยอมรับว่าเมื่อ นายทักษิณ ชินวัตร สามารถกลับประเทศได้อย่างชนิดที่เรียกว่า “เท่ๆ”อะไรก็เกิดขึ้นได้ในทางการเมือง
ที่พรรคก้าวไกลเสนอคำขวัญว่า“กาก้าวไกล ประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิม” จึงเห็นได้ตั้งแต่ผลการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม ปรากฏออกมา
แม้ว่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะมิใช่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
ก็ต้องยอมรับว่าการมาของนายเศรษฐา ทวีสิน แตกต่างไปจากการดำรงอยู่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างสิ้นเชิง
ไม่ว่าเมื่ออยู่ในทำเนียบรัฐบาล ไม่ว่าเมื่ออยู่ในมหานครโตเกียว
ยิ่งกรณีของ นายสุทิน คลังแสง
ยิ่งกรณีของ นายรังสิมันต์ โรม
ยิ่งน่าตื่นตลึงเป็นทบเท่าทวีคูณ