โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ย้อนดู 3 คดี 'จ้วงแทง' ชวนสั่นประสาทจาก 3 ประเทศ - พุธนี้คดีสยอง

LINE TODAY ORIGINAL

เผยแพร่ 08 ธ.ค. 2563 เวลา 19.35 น. • หลานสาวน้าป๋อง

'พุธนี้คดีสยอง' สัปดาห์นี้ เราขอพาทุกคนไปย้อนดูคดีจ้วงแทงที่เคยเกิดขึ้นและเขย่าขวัญคนทั้งโลก 

3 เคสจาก 3 ประเทศนี้คือตำนานที่ใคร ๆ ก็ภาวนาขออย่าให้ประวัติศาสตร์เกิดซ้ำรอยอีกครั้ง…

'จิตรลดา' กับคดีบุกแทงเด็กหญิงที่โรงเรียนเซนต์โยฯ - พ.ศ. 2548

หนึ่งในคดีสยองขวัญที่เป็นตำนานของประเทศไทยเกิดขึ้นในปีพ.ศ. 2548 เป็นเช้าวันศุกร์ธรรมดา ๆ ที่โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนแวนต์ ที่เด็ก ๆ ทยอยกันมาเข้าเรียนเหมือนทุก ๆ วัน แต่ไม่มีใครทันสังเกตเห็นว่ามีหญิงสาววัยกลางคนที่เดินปะปนเข้ามากับกลุ่มผู้ปกครองแอบเข้ามาภายในรั้วของโรงเรียน และที่น่ากลัวไปมากกว่านั้นคือเธอมาพร้อมกับมีดพก 3 เล่มและความมุ่งหวังที่จะสังหาร

จิตรลดา คือผู้ต้องหาในคดีนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือเธอโดนตรงปรี่ไปยังเด็กนักเรียนจากทางด้านหลังและแทงเข้าร่างของเด็กน้อยอย่างไม่ยั้ง ทั้งโรงเรียนแตกตื่น คุณครูพาลูกศิษย์วิ่งหนีเข้าไปหลบอยู่ในห้องเรียน คนที่หนีไม่ทันก็กลายเป็นเหยื่อของมือมีดไป ซึ่งหลังจากก่อเหตุเสร็จเรียบร้อยจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 4 คน จิตรลดาก็นั่งมอเตอร์ไซค์หนีไปแล้วเปลี่ยนชุดกับทำลายหลักฐาน

การจับกุมตัวเกิดขึ้นในวันต่อมา มีพลเมืองดีโทรแจ้งตำรวจว่าพบบุคคลหน้าตาคล้ายมือแทงมาสมัครงานที่ร้านอาหาร ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถปิดคดีได้อย่างรวดเร็ว จิตลดาให้การว่าเธอได้ยินเสียงจากสวรรค์สั่งให้เธอจัดการอะไรสักอย่างกับคนแขกและคนจีนซึ่งเธอเชื่อว่าคนกลุ่มนี้จะเข้ามาฉกฉวยผลประโยชน์จากคนไทยไป ทำให้เธอเล็งเป้าหมายเป็นเด็กนักเรียนที่มีเชื้อสายอินเดียและจีนเท่านั้น 

ศาลวินิจฉัยว่าจิตรลดามีอาการป่วยทางจิตเรื้อรังและสั่งจำคุกเป็นเวลา 8 ปี ข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น แต่เนื่องจากว่าเธอให้การรับสารภาพเลยลดโทาให้ครึ่งหนึ่ง เหลือเพียง 4 ปี หลังจากที่เธอพ้นโทษ จิตรลดาถูกส่งตัวไปบำบัดรักษาอาการทางจิตต่อ เธอกลับไปพักฟื้นที่บ้านในปีพ.ศ. 2556 ก่อนจะก่อเหตุอีกครั้งเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา ครั้งนี้เหยื่อมีอายุแค่ 5 ขวบและเสียชีวิตจากการถูกกระหน่ำแทง…

<i>รูปจาก Wikipedia / By 40fifw0 - Own work, Public Domain, https://commons.wikimedia.org/w/index.php?curid=5113229</i>
รูปจาก Wikipedia / By 40fifw0 - Own work, Public Domain, https://commons.wikimedia.org/w/index.php?curid=5113229

การโจมตีในคุนหมิง - พ.ศ. 2557

วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลาประมาณ 21.20 น. ณ สถานีรถไฟคุนหมิงซึ่งเป็นสถานีหลักของเมือง มีกลุ่มคนร้ายสวมเสื้อสีดำประมาณ 10 คน กระจายตัวไปทั่วบริเวณของสถานี ทั้งออฟฟิศขายตั๋ว โถงส่วนกลาง หรือแม้แต่ตามชานชาลา แล้วโจมตีผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมาโดยการแทงด้วยมีดยาว

เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายในไม่ถึง 10 นาทีมีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บอาการสาหัสจากการถูกจ้วงแทงเข้าที่อวัยวะสำคัญ พยานเหตุการณ์บอกว่าคนร้ายโจมตีอย่างไร้ความปราณี พวกเขาไม่เลือกเหยื่อแต่ทำร้ายทุกคนที่อยู่ขวางหน้า มีรายงานว่าผู้บาดเจ็บที่อายุน้อยที่สุดคือเด็กอายุประมาณ 5 ขวบ

หน่วย SWAT รุดกำลังเข้าไปยังพื้นที่เกิดเหตุและวิสามัญฆาตกรรมคนร้ายทั้งหมด 4 ราย คนอื่น ๆ ถูกจับกุมในเวลาต่อมา ส่วนข้อสันนิษฐานของการก่อเหตุก็คือปัญหาความขัดแย้งที่ตึงเครียดระหว่างจีนกับชนกลุ่มน้อยอุยกูร์

<i>ภาพจาก YouTube</i>
ภาพจาก YouTube

'ซาโทชิ อูเอมัตสึ' ฆ่าเพื่อสร้างโลกที่ดีกว่า - พ.ศ. 2559

เหตุการณ์ที่สร้างความหดหู่ใจให้กับชาวญี่ปุ่นเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้วเกิดขึ้นในจังหวัดคานางาวะ มีมือมีดบุกเข้าไปในสถานดูแลคนพิการแล้วแทงดะจนมีคนเสียชีวิตทั้งหมด 19 คน บาดเจ็บสาหัสอีก 26 คน

ภายหลังทราบตัวฆาตกรว่าเขาคืออดีตพนักงานที่เคยทำงานอยู่ที่สถานดูแลแห่งนี้ ชื่อว่า นายซาโทชิ อูเอมัตสึ โดยก่อนที่เขาจะตัดสินใจก่อเหตุทั้งหมด ซาโทชิได้เขียนจดหมายเอาไว้ฉบับนึง ส่งไปถึงรัฐบาลของเขาด้วย ใจความสำคัญบอกว่าเขาสามารถฆ่าคนพิการได้มากถึง 470 คน และ "มันคงฟังดูแปลกแต่ผมฝันถึงโลกที่ไม่มีผู้พิการทางสมอง และโลกที่คนที่พึ่งพาตัวเองไม่ได้จะได้รับการจบชีวิตอย่างสงบ"

วันที่ 26 กรกฎาคม 2559 ซาโทชิบุกเข้าไปที่สถานดูแลแล้วเริ่มลงมือกระหน่ำแทงผู้พิการทั้งหลายจากอาคารหนึ่งไปสู่อีกอาคาร เขาจับเจ้าหน้าที่ 2 คนมัดมือมัดเท้าแล้วกักเอาไว้เพื่อที่จะได้ก่อเหตุได้อย่างสะดวกและเมื่อซาโทชิได้แทงจนหนำใจแล้ว 2 ชั่วโมงต่อมา เขาก็เดินทางไปที่สถานีตำรวจเพื่อเข้ามอบตัว มีถุงใส่อาวุธที่เต็มไปด้วยคราบเลือดติดตัวเขาไปด้วยและเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พบมีดอีกเล่มในรถของเขาที่จอดเอาไว้ด้านนอก

วันที่ 30 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา หลังจากการพิพากษามาอย่างยาวนาน คดีนี้ถูกปิดอย่างสมบูรณ์ด้วยโทษขั้นสูงสุด ศาลตัดสินประหารชีวิตซาโทชิด้วยข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา พยายามฆ่า กักขังหน่วงเหนี่ยว และบุกรุกสถานที่ราชการ

อ้างอิง

เว็บไซต์ไทยรัฐ

เว็บไซต์เดลินิวส์

เว็บไซต์ BBC

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0