ทันหุ้น –สู้โควิด –BTS เผยผู้โดยสารเพิ่มขึ้นกว่า 50% จากปกติราว 7-8 แสนเที่ยวคนต่อวัน พร้อมคาดรายได้จากธุรกิจรถไฟฟ้างวดปี 63/64 ที่ 3.38 หมื่นล้านบาท วางงบลงทุนก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู สีเหลือง สีเขียวส่วนต่อขยาย กว่า 2.6 หมื่นล้านบาท รอเซ็นอู่ตะเภา-มอเตอร์เวย์ภายในเดือนมมิถุนายน-กรกฎาคมนี้ ฟากโบรกชี้ยังมีข่าวดีรออยู่เพียบ เคาะพื้นฐาน 14.70 บาท
นายสุรยุทธ ทวีกุลวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่สายการเงิน บริษัทบีทีเอสกรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เปิดเผยว่าสำหรับงวดปีบัญชี 2563/2564 (เม.ย.63-มี.ค.64) คาดว่าจะมีรายได้จากธุรกิจรถไฟฟ้าจากราว 33,800 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นรายได้ที่มาจากการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลือง ราว 20,000 ล้านบาท, รายได้จากการให้บริการติดตั้งงานระบบและจัดหารถไฟฟ้า (E&M) ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายเหนือและใต้ ประมาณ 6,000 ล้านบาท,
รายได้จากการรับจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) ประมาณ 5,200 ล้านบาท เติบโตขึ้นกว่า 40% และยังจะรับรู้รายได้จากเงินลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท (BTSGIF) ประมาณ 2,600 ล้านบาท และคาดว่าปีนี้จะใช้เงินลงทุนในธุรกิจรถไฟฟ้าจำนวน 26,000 ล้านบาท
*จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดี ภาพรวมจำนวนผู้โดยสารได้ทยอยกลับมาแล้วในต้นเดือนพฤษภาคม โดยขณะนี้จำนวนยอดผู้ใช้บริการได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% หรือเฉลี่ย 3.5-4 แสนเที่ยวคนต่อวัน จากปกติที่มีผู้โดยสารราว 7-8 แสนเที่ยวคนต่อวัน และคาดว่าในเดือนกรกฎาคมจะยอดผู้โดยสารมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงใกล้การเปิดภาคเรียน แต่ส่วนตัวเลขทั้งปียังไม่สามารถประเมินได้จากสถานการณ์ขณะนี้ทำให้การคาดการณ์ตัวเลขล่วงหน้าเป็นไปได้ยาก
ส่วนโครงการอื่นๆ เช่น โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน – นครราชสีมา (M6) และสายบางใหญ่ – กาญจนบุรี (M81) คาดว่าจะลมนามสัญญาได้ในเดือนกรกฎาคมนี้ โครงการนี้บริษัทมีสัดส่วนการถือหุ้นที่ 40% ส่วนโครงการสนามบินอู่ตะเภาคาดว่าจะลงนามได้ในเดือนมิถุนายนนี้ โครงการนี้บริษัทมีสัดส่วนการถือหุ้นที่ 35%
*ชะลอลงทุน เคอรี่
ส่วนธุรกิจมีเดียก็ยังมีการเติบโตที่ดี แม้ว่าสื่อนอกบ้านจะลดลงไปบ้านในช่วงที่ผ่านมา แต่กลุ่มบริษัทได้มีการปรับโครงสร้างการทำธุรกิจมีเดียให้มีความชัดเจนมากขึ้น และสร้าง Synergy ในกลุ่มบริษัทด้วย ขณะเดียวกันบริษัทไม่มีแผนที่จะเข้าซื้อหุ้นบริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด หลังจากที่ทาง บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI ในฐานะบริษัทย่อยได้เข้าทำการถือหุ้น เคอรี่ เอ็กซ์เพรส แล้วประมาณ 23% มองว่าเป็นสัดส่วนที่เหมาะสมแล้ว
นอกจากนี้การที่ทาง BTS ประกาศเรื่องของการขอเพิ่มทุนจดทะเบียนแบบมอบอำนาจทั่วไป (general mandate) จำนวนไม่เกิน 1,100 ล้านหุ้น ซึ่งเป็นการขอผู้ถือหุ้นไว้ เพื่อรองรับการลงทุน ทำให้ไม่ต้องใช้กระแสเงินสดหากมีการลงทุนเกิดขึ้น ทั้งนี้ปัจจุบันยังไม่ได้มีเป้าหมายจะใช้สำหรับการลงทุนด้านใด และยังไม่ได้มีการเจรากับใคร
*ข่าวดีรอ-พื้นฐาน 14.70 บ.
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุถึง BTS ว่า คาดการณ์กำไรหลักบางๆ ในไตรมาส 1/2563 (เม.ย.- มิ.ย.63) ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน และไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากกำไรที่แย่ลงของทุกธุรกิจ (E&M, BTSGIF, VGI,U-City, และธุรกิจอื่นๆ) ซึ่งได้รับประผลกระทบจาก COVID-19 ยกเว้นธุรกิจ O&M ที่กำไรน่าจะยังคงเติบโต เนื่องจากมีการเปิดสถานีใหม่
อย่างไรก็ตามเมื่อการระบาดของ COVID-19 ถูกควบคุมได้แล้ว (คาดว่าภายในเดือนมิถุนายน) กิจกรรมต่างๆในประเทศน่ากลับมาใกล้เคียงระดับปกติคาดว่าธุรกิจส่วนใหญ่ของ BTS (E&M, BTSGIF, และ VGI) จะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้คาดว่าก าไรจะเติบโตจากไตรมาสก่อนหน้า ทั้งในไตรมาส 2/2563(กรกฎาคม-กันยายน) และในไตรมาส 3/2563 (ตุลาคม-ธันวาคม) โดยยังคงประมาณการกำไรหลักปี 2563 (เมษายน 2563-มีนาคม 2564) ไว้ไม่เปลี่ยนแปลงที่ 2.8 พันล้านบาท
ขณะที่คำแนะนำการระบาดของ COVID-19 จะส่งผลกระทบต่อกำไรของ BTS เพียงระยะสั้นเท่านั้น โดยมองว่ายังมีข่าวดีรออีกมากในอนาคต ทั้งการคลี่คลายการปิดเมือง, การเซ็นสัญญาโครงการอู่ตะเภา, และการเปิดประมูลโครงการขนส่งสาธารณะโครงการใหม่ โดยเรื่องราวเหล่านี้จะหนุนให้ตลาดปรับคาดการณ์กำไรและราคาเป้าหมายขึ้น รวมทั้งสร้างผลบวกเชิงจิตวิทยาต่อราคาหุ้นด้วย ยังคงแนะนำ “ซื้อ” เป้าหมายพื้นฐาน 14.70 บาท
ความเห็น 0