ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท (WTI) ปิดซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ของสหรัฐ เมื่อวานนี้ (7 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น พุ่งขึ้นกว่า 4 ดอลลาร์ เนื่องจากตลาดยังคงขานรับ กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) และชาติพันธมิตร หรือโอเปคพลัส มีมติปรับลดกำลังการผลิตครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 2 ปี
ราคาน้ำมันดิบ WTI กำหนดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน พุ่งขึ้น 4.19 ดอลลาร์ หรือ 4.7% ปิดที่ 92.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) กำหนดส่งมอบเดือนธันวาคม พุ่งขึ้น 3.5 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 97.92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ในรอบสัปดาห์นี้ น้ำมันดิบ WTI มีราคาพุ่งขึ้นถึง 16.5% ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์ พุ่งขึ้น 15%
ตลาดยังคงได้แรงหนุน จากการที่กลุ่มโอเปคพลัส มีมติเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (5 ต.ค.) ลดกำลังการผลิตน้ำมันลง 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป เพื่อหนุนราคาในตลาด
บรรดานักวิเคราะห์ด้านพลังงานของคอมเมิร์ซแบงก์ รีเสิร์ช ชี้ว่า โอเปคพลัสตัดสินใจปรับลดการผลิต เพื่อป้องกันไม่ให้มีปริมาณน้ำมันส่วนเกินในไตรมาส 4 ของปีนี้ หลังก่อนหน้านี้ความวิตกเกี่ยวกับความต้องการน้ำมัน ท่ามกลางแนวโน้มที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย และการแข็งค่าขึ้นอย่างมากของเงินดอลลาร์ จนทำให้ราคาน้ำมันดิบร่วงลงในช่วงสิ้นเดือนกันยายน แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2565
อ่านข่าวเพิ่มเติม