เกาะติด "ดาวโจนส์" ร่วงติดต่อกัน 9 วัน ดิ่งนานที่สุดในรอบ 46 ปี ตลาดจับตาประชุมเฟดวันนี้ ลุ้น Santa Rally
วันที่ 18 ธันวาคม 2567 สำนักข่าว CNBC รายงานว่า ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลงติดต่อกัน 9 วัน โดยปิดตลาดเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.2567 ลดลง 0.61% ถือเป็นการร่วงลงติดต่อกันมากที่สุดในรอบ 46 ปี หรือยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2521
ขณะที่ดัชนี S&P 500 ลดลง 0.39% และ Nasdaq Composite ลดลง 0.32% ด้านดัชนี Stoxx 600 ของภูมิภาคยุโรปร่วงลง 0.42% โดยได้รับแรงกดดันจากหุ้นธนาคารที่ร่วงลง 1.4% อย่างไรก็ตามหุ้นเทคโนโลยีของยุโรปสวนทางดัชนีอื่เพิ่มขึ้น 0.61%
ตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายวันที่ผ่านมานั้น เนื่องจากตลาดกำลังติดตามธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประชุมนโยบายทางการเงินในวันที่ 17-18 ธันวาคม 2567 แม้จะมีอัตราเงินเฟ้อที่คงที่และตลาดแรงงานที่ยืดหยุ่น โดยคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% แต่การสำรวจความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถาม 27 คน ซึ่งประกอบด้วยนักเศรษฐศาสตร์ นักยุทธศาสตร์ และผู้จัดการกองทุนของ CNBC แสดงให้เห็นว่ามีเพียง 63% เท่านั้นที่คิดว่านี่เป็นการเคลื่อนไหวที่ถูกต้องสำหรับเฟด
ด้านหุ้น Nvidia และ Broadcom ปรับลดลงพร้อมๆ กัน ส่วนหุ้น Broadcom ร่วงลง 1.2% ในการซื้อขายเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.2567 โดยพบว่าหุ้นเข้าสู่เขตการปรับฐาน เนื่องจากหุ้นร่วงลง 10% (หรือมากกว่านั้น) จากราคาปิดสูงสุดตลอดกาล
นอกจากนี้ยังมีความเคลื่อนไหวจากจากกระแสข่าววงในว่า ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อย่างนิสสัน มอเตอร์ และฮอนด้า มอเตอร์ กำลังพิจารณาการควบรวมกิจการ ทั้งสองบริษัทยังวางแผนที่จะนำ มิตซูบิชิ มอเตอร์ เข้ามาร่วมด้วย ซึ่งนิสสันถือหุ้นอยู่ 24% ทำให้กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดภายใต้บริษัทโฮลดิ้งในที่สุด
ขณะที่ Santa Rally เป็นปรากฏการณ์ที่ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นในช่วง 5 วันทำการสุดท้ายของปี และ 2 วันแรกในเดือนมกราคม เมื่อการประชุมของเฟดสิ้นสุดลงในวันนี้ และหากไม่มีเซอร์ไพรส์ที่ไม่พึงประสงค์ ตลาดก็พร้อมที่จะต้อนรับซานตาคลอสและเฉลิมฉลองวันหยุด
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่กดดันดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์มากที่สุด คือUnitedHealth ซึ่งส่งผลให้ดัชนีลดลงมากกว่าครึ่งหนึ่งในช่วง 8 วันที่ผ่านมา Yun Li จาก CNBC กล่าวว่า บริษัทประกันสุขภาพแห่งนี้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่ Brian Thompson ซีอีโอของบริษัท ถูกยิงเสียชีวิต รวมถึงมีการเทขายหุ้นในอุตสาหกรรมนี้ด้วย
David Russell หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การตลาดระดับโลกของ TradeStation กล่าวว่า “วอลล์สตรีทเริ่มตระหนักแล้วว่าการที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอาจไม่ส่งผลดีต่อหุ้นอย่างที่หลายคนคาดหวัง กลุ่มการเงินและกลุ่มอุตสาหกรรมต่างก็กระโจนเข้าหาชัยชนะของเขา แต่ตอนนี้อาจต้องเผชิญกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและความไม่แน่นอนของการค้า ขณะที่ภาคการดูแลสุขภาพต้องเผชิญกับความเสี่ยงทางการเมืองครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา”
นอกจากนี้ดัชนีดาวโจนส์อาจร่วงลงติดต่อกัน แต่แนวโน้มไม่สูงมาก โดยดัชนีอยู่ห่างจากจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์เพียง 3.6% และค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วันยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
อ้างอิง : finance.yahoo.com
ความเห็น 1
สหดล ปิยะภาณี
ดาวโจรปล้นแหลก
57 นาทีที่แล้ว
ดูทั้งหมด