โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

บอกคนใกล้ตัวอย่างไรเมื่อเขาทำให้เราไม่โอเค - หมอเอิ้น พิยะดา

THINK TODAY

เผยแพร่ 03 เม.ย. 2562 เวลา 09.00 น.

เวลาคุณมีเรื่องไม่สบายใจคุณทำอย่างไร? บางคนกิน บางคนนอน บางคนเที่ยว หรืออื่นๆอีกมากมาย

แต่สำหรับเรื่องที่สำคัญมากๆแล้ว ความไม่สบายใจมักไม่ค่อยบรรเทาจนกว่าจะได้ระบายกับใครสักคน

ยิ่งถ้าเขาคนนั้นเป็นคนสำคัญและมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาให้กับเราได้ ยิ่งเป็นทางออกที่ดีงาม

แต่น้อยคนนักที่จะเลือกการบอกกล่าวความในใจนั้น

บางคนไม่แน่ใจว่าควรพูดไหม

บางคนอยากพูดแต่ไม่รู้จะพูดอย่างไร

บางคนพูดไปแล้วกลัวอีกฝ่ายไม่รับฟัง

แต่ที่หนักสุดน่าจะเป็นปฏิกิริยาของคนฟังที่หลายต่อหลายครั้งเราอาจรู้สึกว่ายิ่งทำให้เครียดมากขึ้น

บางครั้งจากแค่ความไม่เข้าใจกลายเป็นความขัดแย้ง

จนสุดท้ายเราต้องกลับมาเก็บระเบิดเวลาเข้ามาไว้ในหัวใจดังเดิม

 ยิ่งอ่านมีใครที่หัวใจยิ่งห่อเหี่ยวบ้างคะ

แต่ข่าวดีคือ!! หมอยากจะบอกว่าเรามีวิธีในการสื่อสารกับคนข้าง ๆเมื่อเรารู้สึกเครียดหรือทุกข์ใจ

โดยเขารับฟังและมีท่าทีดีต่อใจเราได้ มีเหตุการณ์ตัวอย่างจากชีวิตจริง

หมอขอตั้งชื่อเรื่องนี้ว่า “การสื่อสารของสามีที่ฟังกี่ทีก็อึ้ง” 

มีวันหนึ่งหมอต้องทำรายการ live เพื่อตอบปัญหา

เรามีอุปสรรคในการ live มากมาย ทั้งเน็ตกระตุก ไฟตก ฝนพรำ

แต่หมอกลับรู้สึกว่าเป็นการ live ที่สนุกและมีชีวิตชีวาที่สุดของตัวเองจากที่ทำมาหลายครั้ง

หลัง live เสร็จรีบเก็บข้าวของเพราะกลัวสามีจะรอ 

ทันทีที่เจอหน้ากัน ประโยคแรกที่สามีเอ่ยด้วยสีน่าท่าทางที่จริงจังคือ

“เวลา live คุณไม่ควรจะปล่อยผม เพราะคุณเป็นคนไม่แต่งหน้าอยู่แล้ว มันดูโทรมมาก”

ฟังแล้วก็ตอบรับด้วยคำว่า “เหรอ” รู้สึกอึ้ง งง กับความรู้สึกภายในของตัวเองที่เกิดขึ้น

เมื่อหยุดนิ่งกับตัวเองสักพักจึงรู้ว่า

อ๋อ!! เสียใจ ข้างในใจบอกแบบนั้น

เลยลองเช็คความรู้สึกด้วยการถามตัวเองว่า “นี่แกเป็นคนว่าไม่ได้เหรอวะ?”

แต่ไม่ใช่แฮะ เหมือนมีความหมายของการเสียใจซ่อนอยู่

ในขณะที่เสียใจกับคำพูดเราก็ยังสัมผัสได้ถึงความหวังดีที่สามีส่งมาด้วย

แล้วเราก็กลับบ้านไปด้วยกันแบบเงียบ งง และเพลีย

ขณะนั่งรถ หมอเกิดความเข้าใจบางอย่างกับความรู้สึกดีที่ซ่อนอยู่ในคำตำหนิของสามี

“เธอกำลังอยากจะบอกฉันว่า ฉันรวบผมดูดีกว่าปล่อยผม และเธอหวังดีอยากให้ฉันดูดี ใช่รึเปล่า?”

สามีตอบแบบอัตโนมัติทันทีว่า “ใช่แล้ว”

“เอ่อแล้วเพราะอะไรไม่บอกแบบนี้แต่แรก?”

คำถามนี้เหมือนจะทำให้สามีได้ฉุกคิดอะไรบางอย่าง

ความอึ้งของเราทั้งสองดีขึ้นมาครึ่งหนึ่ง

แต่เหมือนคนถ่ายท้องไม่สุด

ยังค้างคาอะไรหนอ? หมอคิดในใจ

พลังงานความนิ่งของเรา อยู่ๆ สามีก็มีท่าที

อ่อนโยนลงแล้วถามว่า“งอนเหรอ?”

เพียงสองคำนี้เหมือนเป็นคำถามที่เปิดช่องทางการมีความรักความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นระหว่างเรสองคน

อีกครึ่งที่ยังค้างในใจคือ เราอยากพัฒนาการสื่อสารระหว่างกัน เพื่อที่เราจะได้เป็นกำลังใจให้กัน เพราะเป็นประเด็นสำคัญของการใช้ชีวิตคู่และหากไม่ทำความเข้าใจกันก็จะเป็นปัญหาซ้ำซากที่บั่นทอนความสัมพันธ์ของเรา

หมอเลือกที่จะบอกความในใจกับสามี

"สังเกตไหมว่าหลายครั้งเธอพูดในด้านที่ไม่ดีก่อนทั้งที่เจตนาดีอย่างครั้งนี้" 

ฉันรู้ว่าเธอหวังดี และฉันอยากให้ความหวังดีของเธอส่งมาถึงฉันได้โดยไม่มีอะไรมาบิดเบือน

การพูดด้านไม่ดีก่อนหลายครั้งมันทำให้ความหวังดีมาไม่ถึง

เป็นไปได้ไหมถ้าเราจะพูดถึงข้อดีหรือให้กำลังใจกันก่อน

"ก่อนที่เราจะเตือนเพื่อให้ดีขึ้น เราจะได้เป็นกำลังใจให้กัน"

สามีพยักหน้าเบาเบาอย่างเห็นด้วย แล้วเราสองคนก็กลับมามีรอยยิ้มให้กัน

“ขอบคุณนะคะที่รับฟัง”

สถานการณ์ขึ้นรถไฟเหาะตีลังกาทางอารมณ์เมื่อครู่ หมอจึงอดไม่ได้ที่จะมานั่งบันทึกและลองถอดบทเรียน

กระบวนการสื่อสารที่เกิดขึ้นเพราะรู้สึกว่าเหตุการณ์ 20 นาทีที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ช่างมีความหมาย

มี 3 ขั้นตอนใหญ่ในการสื่อสารปัญหากับคนใกล้ตัวประกอบด้วย

เตรียมตัว Warm up

1. ช้าลงเพื่อสังเกตว่าฉันรู้สึกอย่างไรกันแน่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น?

เช่น ฉันรู้สึกเสียใจ

2. ยอมซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกและความต้องการของตัวเอง ( การเห็นความหมายของความรู้สึกจะทำให้เราเห็นปัญหาชัดขึ้น)

3. มองหาความปรารถนาดีที่ซ่อนอยู่ของอีกฝ่ายให้เจอ ถ้าไม่เจอนั้นคือเป้าหมายที่เราต้องค้นหา

4. ตั้งลำก่อนพูดด้วยการเตือนตัวเองเสมอว่า ไม่มีใครอยากเป็นคนผิด

5. ลองตั้งคำถามกับตัวเองแล้วลองตอบมุมตัวเองก่อน ( จะช่วยบรรเทาอารมณ์ในการสื่อสารก่อนสื่อสารจริง)

Action

1. มองตาคู่สนทนา ( แสดงความตั้งใจในการสื่อสารเพื่อแก้ปัญหา)

2. บอกความรู้สึกแท้จริงภายในตัวเองอย่างซื่อตรง บอกเป้าหมายของการพูดซึ่งเป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย

3. หากมีการพูดแทรกเราต้องกล้าที่จะขอให้รับฟังให้จบ

4. อนุญาตให้เกิดความเงียบ เพื่อให้ต่างคนต่างได้ทบทวน

5. เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายพูดความในใจเช่นกัน โดยเราเองก็ยินดีรับฟัง

Cool Down

1. เราได้พูดแล้วรู้สึกดีขึ้นอย่างไร

2. คู่สนทนารู้สึกอย่างไร

3. ขอบคุณคู่กรณีของเราที่รับฟังความในใจของเราและร่วมมือที่จะหาทางออกของปัญหาร่วมกัน ( เพราะการที่เราพูดความรู้สึกด้านลบที่เกิดขึ้นในใจเราก็เป็นการสะกิดความรู้สึกของเค้าเช่นกัน)

เหตุการณ์นี้แม้จะดูเล็กน้อยแต่มันก็ทำให้ความรักและความสัมพันธ์ของเรามั่งคงมากขึ้น เข้าใจกันง่ายขึ้น ปัญหาใหม่ๆจากต้นตอเดิม ๆ ลดน้อยลง

เราทุกคนสามารถสื่อสารด้วยความโปร่งใสและเข้าใจกับคนใกล้ตัวได้

เพราะการสื่อสารเป็นทักษะที่เราทุกคนฝึกฝนได้

Youtube : https://youtu.be/owLlWmzREtk ดื่มกาแฟอย่างไรให้เป็นประโยชน์

https://youtu.be/dY6g1L9eABA ดริปกาแฟดูแลใจกันเถอะ

Page FB ดีต่อใจ โดย หมอเอิ้น พิยะดา : https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10156783544953550&id=306538978549

IG : https://www.instagram.com/earnpiyada/

Website : http://www.earnpiyada.com/

ติดตาม หมอเอิ้น พิยะดา Unlocking Happiness : https://www.youtube.com/watch?v=LDFG_ZwSL5E&feature=youtu.be

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0