เคยคิดไหม..ว่าโลกนี้มันอยู่ยาก มองไปทางไหนก็มีแต่ความเจ็บปวด ผิดหวัง และไม่เป็นไปตามต้องการ แต่..สิ่งเหล่านี้แหละคือสัจธรรมของโลก ไม่มีใครหรืออะไร เป็นไปอย่างที่เราต้องการได้ คนทุกคนต้องเรียนรู้ที่จะผิดหวัง เสียใจกันทั้งนั้น ซึ่งความไม่ได้ดั่งใจเหล่านี้แหละที่จะนำไปสู่การยอมรับความจริง
เพราะการยอมรับ เป็นหนทางที่ดีที่สุดที่จะเข้าใจความเจ็บปวดทุกรูปแบบ โดยเฉพาะบางครั้งอะไรที่เจ็บ ๆ ก็สร้างบทเรียนให้เรามากมาย..บทเรียนที่จะเป็นประสบการณ์อันล้ำค่าซึ่งเราจะไม่มีวันลืมเสียด้วย
1. ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์
หลายคนไม่เข้าใจว่าความรักกับความทุกข์เป็นของคู่กัน ไม่งั้นคงไม่มีคำพูดที่ว่า “ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์” แต่ถึงจะมีสัจธรรมแบบนี้ คนเราก็ยังขวนขวายหาความรัก พยายามที่จะมีความรัก และคาดหวังว่า “รัก” จะมีแต่สิ่งสวยงามตลอดเวลา ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว “รัก” มักมาพร้อมกับความคาดหวัง ความทุกข์ และการยึดมั่น ถือมั่นที่ไม่สิ้นสุด
คนที่ไม่ยอมรับ และไม่พยายามทำความเข้าใจก็จะตกเป็นเครื่องมือของความรัก พาลให้ผิดหวัง เสียใจ อกหัก รักคุดวนไปเวียนมาเหมือนตกอยู่วังวนอะไรสักอย่าง แต่คนที่เข้าใจความรัก เข้าใจว่ามีรักก็ย่อมมีทุกข์ ก็จะรักอย่างมีสติ รักโดยรู้ว่าอาจมีความทุกข์แสนสาหัสรออยู่ เมื่อเข้าใจ ยอมรับได้ก็จะไม่เจ็บนาน
2. ความผิดหวังเป็นธรรมดาของโลก
คนทุกคนต้องประสบพบเจอกับความผิดหวังด้วยกันทั้งนั้น แต่ก็มักจะยอมรับมันไม่ได้อยู่เสมอ แม้จะรู้ว่า “เมื่อไม่คาดหวังก็ไม่ผิดหวัง” ก็ตาม เพราะคนเราชอบหมกมุ่นอยู่กับตัวเอง เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง ทุกอย่างต้องเป็นไปตามที่ฉันต้องการ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่เลย โลกไม่ได้หมุนรอบตัวเรา เป็นเราต่างหากที่ต้องเข้าใจความจริง เข้าใจความเป็นไปของโลก และยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นว่าความผิดหวังนี่แหละ คือเรื่องธรรมดาที่สุดที่เราต้องพบเจออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
3. เหรียญมีสองด้านเสมอ
ไม่ใช่เฉพาะเหรียญที่มีสองด้านเสมอ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ยังมีอีกหลายมุมมองให้เราได้เรียนรู้อีกมาก เหมือนกับประโยคที่ว่า “สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม คนหนึ่งตาแหลมคม มองเห็นดาวอยู่พราวพราย” คือคนสองคนนี้มองไปในช่องเดียวกัน แต่กลับเลือกที่จะเห็นคนละอย่าง และทำให้เกิดความรู้สึก ความทุกข์ ความสุข หรือพฤติกรรมที่แตกต่างกัน
จริง ๆ แล้วเรามีสิทธิที่จะเลือก “ทุกข์” หรือ “สุข” ได้ด้วยตัวเอง เราก็แค่ต้องเลือกว่าเราจะเอาความทุกข์เข้าตัว หรืออยู่อย่างมีความสุขก็แค่นั้น ของแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่เลือกยาก แต่หลายคนกลับไม่รู้จักวิธีเลือกมอง เลือกคิด และเลือกที่จะทำ เอาตัวเองไปผูกกับคนอื่นหรือสิ่งอื่น จนลืมไปว่าเราเองนี่แหละที่เลือกทำให้ตัวเองเป็นทุกข์หรือเจ็บปวดไปกับอะไรที่ไม่เป็นเรื่องเอาเสียเลย
4. ไม่มีสูตรสำเร็จสำหรับอะไรเลย
ไม่แปลกที่เราจะเรียนรู้จากความสำเร็จของคนอื่น แต่ไม่ใช่ทุกอย่าง ทุกเรื่องที่สามารถนำมาใช้กับชีวิตเราได้ สูตรความสำเร็จของคนหนึ่ง อาจไม่ใช่สำหรับอีกคน เพราะชีวิตใครก็ชีวิตมัน เราแค่ต้องเรียนรู้และประยุกต์ใช้ในแบบของเรา จะมัวแต่ลอกเค้าหมด ก็เป็นได้แค่การก็อปปี้ที่นอกจากจะไม่เหมือนแล้ว ยังเอาไปใช้จริงไม่ได้ด้วย
ทางที่ดีต้องมีสูตรสำหรับตัวเอง สูตรที่คุณเป็นผู้คิดค้นขึ้นมาเอง ซึ่งผ่านการลองผิดลองถูก และรับรองมาตรฐานมาแล้วด้วยตัวคุณเอง สูตรแบบนี้เท่านั้น ถึงจะเรียกว่าสูตรสำเร็จ
5. โอกาสเป็นของคนที่ไขว่คว้า
หลายคนไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า “โอกาส” คืออะไร ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน “โอกาส” คือ ช่วงเวลาหรือจังหวะที่เหมาะสม ซึ่งคีย์เวิร์ดจะอยู่ที่คำว่า “เหมาะสม” เพราะฉะนั้นคำตอบที่บอกได้ว่าช่วงเวลาหรือจังหวะนั้น ๆ เหมาะสมหรือไม่ ก็คือตัวเรานั่นเอง
เราไม่สามารถบอกได้ว่าโอกาสจะมาถึงเมื่อไหร่ ตอนไหน อย่างไร สิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือการทำตัวเองให้พร้อม ให้เหมาะสมเมื่อโอกาสนั้นมาถึง บางคนไม่พร้อมอะไรสักอย่าง พอมีโอกาสเข้ามาก็รับเอาไว้ไม่ได้ ทำให้พลาดอะไรดี ๆ ไป เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญก็คือต้องคว้าโอกาสนั้นไว้ให้ได้ ด้วยการทำตัวเองให้พร้อม ต้องเพิ่ม ต้องเติมอะไร ตรงไหนก็ไปเพิ่มซะ เมื่อโอกาสมาถึงจะได้ไม่พลาดอีก
และเมื่อพร้อม! ก็ไม่จำเป็นต้องรอโอกาสอีกต่อไป เพราะคนที่พร้อมจะรู้จักสร้างหรือหาโอกาสให้ตัวเอง โดยไม่ต้องรอให้ใครหยิบยื่นให้
6. ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีดวง
หลายคนเอาชีวิตของตัวเองไปผูกติดกับดวง ทั้งที่ความจริงแล้วดวงก็คือกรรมในอดีตชาติที่เราได้เคยทำไว้นั่นแหละ คนที่เคยทำกรรมดีไว้มาก ก็ส่งผลให้ดวงดีมาก ส่วนคนที่เคยทำกรรมชั่วมาตลอด ก็ไม่แปลกที่จะไม่มีดวงเอาเสียเลย เพราะฉะนั้นไม่ใช่ทุกคนที่จะดวงดี ของแบบนี้ขึ้นอยู่กับบุญธรรมกรรมแต่งของแต่ละคนนั่นเอง
แต่กรรมในอดีตก็เป็นแค่ส่วนเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งเท่านั้นที่กำหนดว่าดวงของคุณจะเป็นอย่างไร จริง ๆ แล้วส่วนหลักที่สำคัญที่สุดก็คือกรรมที่ทำไว้ในปัจจุบันต่างหาก ถ้าทำกรรมดีไว้มาก ๆ ก็ส่งผลให้ชีวิตดี ดังนั้นคนดวงดีก็คือคนที่หมั่นสร้างกรรมดีนั่นเอง
7. สารพัด How to ง่าย ๆ มีแค่ในหนังสือเท่านั้น
หลายคนน่าจะคุ้นเคยกับ How to หรือวิธีการง่าย ๆ ที่จะนำไปสู่อะไรสักอย่างกันเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ การบรรยายในหัวข้อต่าง ๆ หรืออะไรก็ตามที่มันง่ายเกินจริงที่ทั้งคนเขียนและคนพูดออกมาบอกแล้วว่าเป็นทฤษฎีที่ง่ายและดี สามารถพาทุกคนไปสู่ความสำเร็จได้แม้จะหลับตาข้างหนึ่งก็ตาม
อย่าลืมว่าไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ คนที่ทำสำเร็จจริงไม่เคยบอกว่ามันง่าย ทุกอย่างมีขั้นมีตอน ต้องผ่านปัญหาอุปสรรคมากมาย ต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะประสบความสำเร็จอะไรสักอย่าง และเมื่อสำเร็จแล้วก็ใช่ว่าจะรักษาความสำเร็จนั้นไว้ได้ตลอด คนที่คิดว่ามันจะง่ายมักเป็นผู้พ่ายแพ้เสมอ แต่คนที่รู้คุณค่าและใช้เวลาพิสูจน์เท่านั้นจึงรู้ว่าความสำเร็จที่แท้จริงรสชาติเป็นอย่างไร
8. บางครั้ง..บางปัญหาก็ไม่ได้มีไว้แก้
เราทุกคนแทบจะถูกสอนกันมาตั้งแต่เด็กว่าเมื่อเจอปัญหาต้องรีบแก้ ต้องก้าวข้ามผ่านปัญหาอุปสรรคเหล่านั้นไปให้ได้อย่างรวดเร็ว แต่ในโลกของความเป็นจริง บางครั้งปัญหาก็ไม่ได้มีไว้แก้ แถมบางปัญหาแก้ไม่ได้ด้วยซ้ำ สิ่งที่เราทำได้อาจแค่อยู่กับปัญหาอย่างเข้าใจ หรือค่อย ๆ รอ ค่อย ๆ แก้ไปอย่างช้า ๆ แต่มีประสิทธิภาพก็เป็นได้
