โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

10 ข้อคิด ว่าด้วยปัจจุบันขณะ | พศิน อินทรวงค์

พศิน อินทรวงค์

เผยแพร่ 19 ก.ย 2562 เวลา 08.35 น.

1. ในปัจจุบันขณะ มิได้มีความเจ็บช้ำ เพราะความเจ็บช้ำ ดังภาพฉายในกระดานสีขาว เราแยกตัวออกจากกระดานสีขาวแล้ว เราเฝ้ามองภาพนั้น รับรู้อย่างแผ่วเบา เรารู้สึก แต่ความรู้สึกนั้นมิได้เคลื่อนสู่ความรู้สึก

2. ในปัจจุบันขณะ เราย่อมเห็นท้องฟ้า แสงแดด อย่างที่เป็น เรากระโดดตัวลอย ตื่นเต้นกับสิ่งรอบตัว เหมือนเด็กน้อยเห็นผีเสื้อกางปีก สิ่งต่าง ๆ ที่เคยได้เห็นมาแล้วนับร้อยนับพันครั้ง กลับกลายเป็นสิ่งใหม่อย่างน่าประหลาดใจ โลกช่างงดงามอะไรเช่นนี้

3. ในปัจจุบันขณะ เรามิได้เป็นใครที่ไหนเลย เรากลายเป็นเราที่เราเป็นอยู่แล้ว มิต้องใช้ความพยายามใด ๆ ที่จะเป็นบางสิ่ง คือช่วงเวลาที่เรายุติการสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้ตนเอง คือช่วงเวลาที่เราล้มเลิกการไล่ล่าตนเอง อยู่ร่วมกับตนเองอย่างสันติ

4. ในปัจจุบันขณะ มิได้มีความกลัวเกรงใด ๆ ต่อความไม่แน่นอน มันไม่ใช่การยอมรับความไม่แน่นอนด้วยซ้ำ แต่มันคือการตระหนักชัด ว่าเรานั่นเองคือตัวตนของความไม่แน่นอน ความไม่แน่นอนไม่สามารถทำลาย ทำร้ายเราได้ ความไม่แน่นอนกลายเป็นบ้าน เหมือนเรามีเรือเป็นบ้าน เราคือชาวเรือ เกิด ใช้ชีวิต และเติบโตอยู่บนเรือ เรือกำลังโต้คลื่น และคลื่นลูกใหญ่กำลังซัดเรือ แต่สองเท้าของเรากลับเดินอยู่บนเรือด้วยความราบเรียบ

5. ในปัจจุบันขณะ ดอกไม้กับเรามิได้แยกจากกัน อะไร ๆ ก็สดใสสวยงามไปหมด แม้ซากหมาเน่าก็ยังงดงามได้ ตัวเรา ดอกไม้ ซากหมาเน่าคือสิ่งเดียวกัน เราเป็นทั้งเราเช่นเดิมในระดับปัจเจก ขณะเดียวกัน เราก็เป็นทุกสิ่งในระดับสากล เรามีความเป็นเรา และเรามีความเป็นทุกสิ่งในขณะเดียวกัน

6. ในปัจจุบันขณะ ทุกอย่างผสาน หลอมรวม เรารู้สึกถึงเสียงหัวใจ และรับรู้ได้ในลมหายใจ เสียงหัวใจ และลมหายใจมิได้แยกจากนั้น คือสิ่งเดียวกัน รวมกันเป็นชีวิตที่กว้างใหญ่ไพศาล คำว่าชีวิตนี้ เป็นทั้งเวลา ทั้งวัตถุ ทั้งความรู้สึก ทั้งการเคลื่อนไหว และหยุดนิ่ง ความหยุดนิ่งคือลมหายใจเข้าออก และเสียงหัวใจเต้น

7. ในปัจจุบันขณะ มิได้หนัก แต่เบา ไม่มีเรื่องใดเป็นเรื่องหนักหนา แม้แต่ความตายก็ยังอ่อนโยนยิ่ง เมื่ออยู่ในเวลาปัจจุบัน ความมืดจะกลายเป็นความสว่าง มันสว่างด้วยความมืด มิได้สว่างด้วยแสง

8. ในปัจจุบันขณะ ความเข้าใจมลายหาย ไม่มีสิ่งใดให้สงสัย ทุกอย่างคลี่คลายด้วยความรู้สึก เรามิได้รู้ไปเสียทุกเรื่อง ความโง่เขลายังคงอยู่ แต่ความปรารถนาในความเฉลียวฉลาดกลับเลื่อนหาย การตอบคำถามจึงไม่สำคัญ ปัญญาจึงไม่สำคัญ เพียงตระหนักชัดในสิ่งที่กำลังดำเนิน เราเป็นสิ่งนั้น เป็นสิ่งที่กำลังดำเนินอยู่

9. ในปัจจุบันขณะ เรากำลังท่องเที่ยว เรากำลังเห็นโลกผ่านสิ่งเล็ก ๆ รู้จักเพื่อนมนุษย์ผ่านใจตน รู้จักภูเขาทุกลูกผ่านหินก้อนเล็ก ๆ มหาสมุทรกว้างใหญ่ไหลผ่านเราด้วยเลือดในกาย โลกกำลังเคลื่อนที เรากำลังเดินทางท่ามกลางความนิ่งเงียบ มันรวดเร็วแต่ไร้การเคลื่อนไหว

10. ในปัจจุบันขณะ คำพูดและการสื่อสารไม่สำคัญเลย ความเข้าใจก็ไม่สำคัญ คำอธิบายใด ๆ กลายเป็นบ้าใบ้ ความไม่รู้กลับกลายเป็นสิ่งประเสริฐยิ่งกว่าความรู้ แกนกลางของการเห็นจริงมิใช่ความรู้ แต่คือความรู้สึกตื่น เมื่อเราตื่นจากความงุนงง เราย่อมได้ยินเสียงทุกเสียง ได้กลิ่นหอมกรุ่นของสายลม และก้อนดิน รู้สึกถึงความร้อนของสายฝน และความเย็นของไฟ ภาษามิอาจข้ามผ่าน ความรู้สึกเช่นนี้มิอาจรักษาครอบครอง ทำได้เพียงเปิดประตูเรือนใจไว้

วันหนึ่งทั้งหมดมาสู่เรา วันหนึ่งทั้งหมดเคลื่อนไปจากเรา เราเป็นเพียงผู้เฝ้ามองโดยไม่ตัดสิน จักรวาลช่างรื่นรมย์…

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0

ความเห็น 11

  • ooy013
    สภาวตามธรรมชาติ ผู้ใดเห็น ผู้นั้นย่อมเห็นธรรม
    20 ก.ย 2562 เวลา 05.02 น.
  • ไม่มีความรู้เรื่องที่นายเขียน อ่านแล้วไม่เข้าใจ แค่อ่านข้อเดียวก็มึนแล้ว ขอบใจนะ
    20 ก.ย 2562 เวลา 03.39 น.
  • JunePiphu
    ด้วยความเคารพนะครับคุคุณเขียนอะไรของคุณก็ไม่รู้คนเราไม่เหมือนกันนะครับอย่างเช่นข้อหนึ่งมันดูไร้ความรับผิดชอบมากและขออื่นๆและขออื่นๆก็ความหมายเหมือนกันเพียงแต่เปลี่ยนวิธีเขียนสรุปก็คืออยู่ชิวชิวปล่อยมันไปที่ผมไม่ชอบก็คือแสดงถึงความไม่ต้องรับผิดชอบในปัจจุบันเลื่อนลอยมากๆเลยฟังพระเทศน์ยังเห็นภาพอะไรมากกว่านี้อีกนี่นี่คือความรู้สึกส่วนตัวของผมนะครับถ้าไม่พอใจก็ขอโทษด้วย
    20 ก.ย 2562 เวลา 02.52 น.
  • Big’bright
    เชี่ยไรวะเนี่ย เพ้อเจ้อ
    20 ก.ย 2562 เวลา 02.39 น.
  • Narumit
    ต้องเก็บไปพิจารณาอย่างน้อยอาจทำฉุกคิดได้
    20 ก.ย 2562 เวลา 02.38 น.
ดูทั้งหมด