โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

อะไรจะเกิดเมื่อ เฟด หั่นดอกเบี้ย ? เปิดผลกระทบทั่วโลก ตั้งแต่ค่าเงิน จนถึงทองคำ

การเงินธนาคาร

อัพเดต 18 ก.ย 2567 เวลา 14.53 น. • เผยแพร่ 18 ก.ย 2567 เวลา 07.53 น.

เปิดผลกระทบทั่วโลก เมื่อ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดดอกเบี้ย เผยกระทบทุุกภาคส่วน ตั้งแต่ ธนาคารกลางต่าง ๆ ตลาดสกุลเงิน จนถึง ราคาสินค้าโภคภัณฑ์

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใกล้เข้าสู่วงจรการผ่อนคลายนโยบายการเงิน โดยตลาดคาดการณ์ด้วยความมั่นใจว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ในการประชุมนโยบายวันนี้ (18 ก.ย.) ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวจะไม่ได้ส่งผลกระทบแค่ในสหรัฐ แต่จะสร้างแรงกระเพื่อมไปทั่วโลก

การถกเถียงกันยังคงดำเนินต่อไปว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกจะมากเพียงใดและโดยรวมแล้วอัตราดอกเบี้ยจะลดลงเท่าใด โดยตลาดทั้งคาดการณ์ว่าจะปรับลดลง 0.25% หรือมากถึง 0.50% และเมื่อการเลือกตั้งสหรัฐกำลังจะมาถึง นักลงทุนทั่วโลกและบรรดาธนาคารกลางต่าง ๆ ทั่วโลกก็เริ่มมีความกังวลเรื่องความไม่แน่นอน และมุ่งเป้าไปที่เฟดเป็นหลัก เพื่อเป็นแนวทางและหวังว่าเศรษฐกิจสหรัฐผ่านพ้นภาวะถดถอยอย่างได้ราบรื่น

นายเคนเนธ โบรวซ์ Kenneth Broux หัวหน้าฝ่ายวิจัยองค์กรตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและอัตราดอกเบี้ยของธนาคารโซซิเอเต้ เจเนเรล (Societe Generale) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่แน่ใจว่าวงจรดังกล่าวจะเป็นเช่นไร และอาจจะเหมือนกับช่วงปี 2538 ที่อัตราดอกเบี้ยลดลงเพียง 0.75% หรือเหมือนปี 2550-2551 ที่อัตราดอกเบี้ยลดลงมากถึง 5%

สำหรับแนวโน้ม ผลกระทบและปัจจัยความเป็นไปได้ต่าง ๆ นั้น สำนักข่าวรอยเตอร์ได้สรุปไว้ในประเด็น ๆ หลัก ดังต่อไปนี้

เฟดคือผู้นำและโลกมักเคลื่อนไหวตามเฟด

ในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ ยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าที่คาดไว้ นักลงทุนจึงตั้งคำถามว่า หากเฟดยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมในปีนี้แล้วละก็ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และ ธนาคารกลางแคนาดา (BOC) จะสามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้มากเพียงใด ซึ่งนักลงทุนกังวลว่าหากธนาคารกลางเหล่านี้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากเกินไป สกุลเงินของธนาคารเหล่านี้อาจอ่อนค่าลงได้ และจะส่งผลให้แรงกดดันด้านราคาเพิ่มสูงขึ้น

ในขณะนี้ ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ซึ่งนับเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ภูมิภาคที่มีเศรษฐกิจอ่อนแอกว่าสหรัฐ และบรรดาผู้ค้าต่างก็คาดหวังให้ธนาคารกลางอื่น ๆ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเช่นเดียว เพื่อตอบสนองต่อความคาดหวังต่อว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ความคาดหวังเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในยุโรปนั้นต่ำกว่าในสหรัฐ เนื่องจาก ECB และธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ยังคงมีท่าที่ระมัดระวังเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ

ความยืดหยุ่นทั่วโลก

อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงของสหรัฐ อาจทำให้ธนาคารกลางในบรรดาตลาดเกิดใหม่มีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการผ่อนปรนนโยบายของตนและกระตุ้นการเติบโตภายในประเทศ โดยจากการสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์พบว่า ธนาคารกลางของตลาดเกิดใหม่เกือบครึ่งหนึ่งจากทั้งหมด 18 แห่ง ได้แก่ บราซิล จีน อินโดนีเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ เม็กซิโก รัสเซีย แอฟริกาใต้ ตุรกี ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อิสราเอล สาธารณรัฐเช็ก ฮังการี โปแลนด์ โคลัมเบีย และชิลี ได้เริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงก่อนหน้าเฟดแล้ว โดยการปรับลดส่วนใหญ่เกิดขึ้นประเทศแถบในละตินอเมริกาและประเทศกำลังพัฒนาในยุโรป

อย่างไรก็ตาม ความผันผวนและความไม่แน่นอนที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ได้เพิ่มความซับซ้อนให้กับสถานการณ์ดังกล่าว นายจั่ง เหงียน หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินเชื่อตลาดเกิดใหม่ระดับโลกของธนาคารบีเอ็นพี พาริบาส์ (BNP Paribas) กล่าวว่า การเลือกตั้งสหรัฐจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อเรื่องนี้ เนื่องจากนโยบายการคลังที่แตกต่างกันอาจทำให้วงจรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมีความซับซ้อนมากขึ้น และอาจจะเห็นเฟดดำเนินการตอบโต้ในลักษณะพิเศษมากขึ้น

การเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐ

บรรดาประเทศต่าง ๆ ที่คาดหวังว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด จะทำให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง และทำให้สกุลเงินของตนเองแข็งค่าขึ้น อาจเผชิญกับความผิดหวัง โดย เจพีมอร์แกน (JPMorgan) ระบุว่า ในความเป็นจริงแล้ว เงินดอลลาร์สหรัฐได้แข็งค่าขึ้น หลังจากที่เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรก รวม 3 ครั้ง จากทั้งหมด 4 ครั้งที่ผ่านมา

อัตราส่วนเพิ่มและส่วนลดของสกุลเงินหลัก เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ

ธนาคารกลางยุโรป (ECB) - ยูโร

  • สิ้นปี 2568 : -1
    • ปัจจุบัน : -2

ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) - เยน

  • สิ้นปี 2568 : -4
    • ปัจจุบัน :-3

ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) - ปอนด์สเตอร์ลิง

  • สิ้นปี 2568 : -1
    • ปัจจุบัน : -1

ธนาคารกลางแคนาดา (BOC) - ดอลลาร์แคนาดา

  • สิ้นปี 2568 : -1
    • ปัจจุบัน : -2

ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) - ฟรังก์สวิส

  • สิ้นปี 2568 : -3
    • ปัจจุบัน : -3

ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) - ดอลลาร์ออสเตรเลีย

  • สิ้นปี 2568 : -1
    • ปัจจุบัน : -2

ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) - ดอลลาร์นิวซีแลนด์

  • สิ้นปี 2568 : -1
    • ปัจจุบัน : -2

ธนาคารกลางสวีเดน (Riksbank ) - โครนาสวีเดน

  • สิ้นปี 2568 : -2
    • ปัจจุบัน : -3

อนาคตของเงินดอลลาร์สหรัฐจะขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนของสหรัฐเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ เป็นส่วนใหญ่ โดยจากผลสำรวจของรอยเตอร์ พบว่าช่องว่างในอัตราแลกเปลี่ยนของ เยนและฟรังก์สวิส ซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย อาจแคบลงอย่างมากภายในสิ้นปี 2568 ขณะที่ปอนด์สเตอร์ลิงและดอลลาร์ออสเตรเลียอาจได้เปรียบเหนือดอลลาร์สหรัฐเล็กน้อย

เศรษฐกิจเอเชียยังคาดการณ์ล่วงหน้าว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยสกุลเงินต่าง ๆ เช่น วอน บาท และริงกิต ต่างก็ปรับตัวสูงขึ้นในเดือนก.ค.และส.ค. นอกจากนี้ หยวนยังฟื้นตัวจากการอ่อนค่าอย่างหนักเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในปีนี้

การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ

การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นโลกที่เพิ่งหยุดชะงักลงเนื่องจากความกังวลด้านการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐ อาจจะฟื้นตัวขึ้นได้อีกครั้ง หากกิจกรรมทางเศรษฐกิจสหรัฐได้รับการกระตุ้นจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง และอาจช่วยหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐได้ อีกทั้งจะส่งผลดีต่อเอเชียเช่นกัน แม้ว่าดัชนีนิกเกอิของญี่ปุ่นจะร่วงลงมากกว่า 10% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนก.ค. เนื่องมาจากเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นและการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

นายเอ็มมานูเอล เฉา หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์หุ้นยุโรปของธนาคารบาร์เคลย์ (Barclays) กล่าวว่า ในช่วงแรก ๆ ของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของสหรัฐนั้น ความผันผวนในตลาดจะเกิดขึ้น เนื่องจากนักลงทุนจะกังขาถึงการตัดสินใจของธนาคารกลางต่าง ๆ แต่หากมีการปรับอัตราดอกเบี้ยโดยไม่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ตลาดก็มักจะฟื้นตัวได้เอง และธนาคารจะสนับสนุนภาคส่วนที่ได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง เช่น อสังหาริมทรัพย์และสาธารณูปโภค

ผลกระทบต่อตลาดโลหะหลัก

สำหรับสินค้าโภคภัณฑ์ที่เป็นโลหะพื้นฐาน เช่น ทองแดง อาจได้รับประโยชน์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด และสำหรับโลหะพื้นฐานแล้ว ปัจจัยสำคัญคือแนวโน้มของอุปสงค์และการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่ราบรื่น โดยอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงและดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง จะทำให้ต้นทุนในการถือครองและการซื้อโลหะลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโลหะที่ซื้อขายด้วยเงินสกุลเงินอื่น ซึ่งอาจกระตุ้นอุปสงค์ได้

ส่วนโลหะมีค่า เช่น ทองคำ ก็อาจทำกำไรได้เช่นกัน โดยทองคำซึ่งมักจะได้ประโยชน์จากผลตอบแทนที่ลดลงเนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ซื้อทองเพื่อการลงทุนและเก็งกำไร มักจะทำผลงานได้ดีในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยลดลง แต่แม้ว่าราคาทองคำจะสูงเป็นประวัติการณ์ แต่การเก็งกำไรในทองคำเป็นไปด้วยความระมัดระวัง

บทสรุป

การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่คาดว่าจะเกิดขึ้นนั้นจะส่งผลกระทบไปทั่วโลก โดยส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน ตั้งแต่สกุลเงินไปจนถึงสินค้าโภคภัณฑ์ ในขณะที่ธนาคารกลางทั่วโลกปรับนโยบายของตน ภูมิภาคที่มีเศรษฐกิจอ่อนแออาจได้รับความโล่งใจบ้าง ขณะที่ตลาดเกิดใหม่ก็จะมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการกระตุ้นการเติบโตในประเทศ

อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐและแนวทางที่แตกต่างกันของธนาคารกลางอาจนำไปสู่ความไม่แน่นอน ซึ่งนำไปสู่การตอบสนองที่แตกต่างกันในแต่ละตลาด นอกจากนี้แล้ว แม้จะมีการคาดหวังว่าดอลลาร์ที่สหรัฐจะอ่อนค่าลง แต่ก็อาจไม่เกิดขึ้นจริงตามที่คาดไว้ ซึ่งอาจจำกัดข้อได้เปรียบหรือการแข็งค่าขึ้นของสกุลเงินบางสกุล แม้ว่าตลาดในเอเชียจะได้รับผลกระทบในเชิงบวกแล้วก็ตาม

โดยรวมแล้ว แม้ว่าตลาดอาจเผชิญกับความผันผวนในช่วงแรก ๆ ของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟด แต่การปรับอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางรอบที่ประสบความสำเร็จ โดยไม่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย อาจก่อให้เกิดความหวังใหม่ ๆ ได้ โดยภาคส่วนสำคัญหลายภาคส่วน เช่น อสังหาริมทรัพย์ สาธารณูปโภค และโลหะ มีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์จากภูมิทัศน์เศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงดังกล่าว

อ้างอิง : reuters.com

📌 อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องกับ สถานการณ์รอบโลก ทั้งหมด ได้ที่นี่ 📌

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...