หากมองในเชิงรูปแบบ บทบาทของคณะกรรมการการเลือกตั้ง บทบาทของศาลรัฐธรรมนูญ ต่อ”คดีเงินกู้ ๑๙๑ ล้านบาท”ของพรรค อนาคตใหม่
๒ องค์กรอิสระนี้ดำรงอยู่ในสถานะอันเป็น “ฝ่ายรุก” เป็น “ฝ่ายลงมือกระทำ”อย่างเด่นชัดในฐานะ “โจทก์”
พรรคอนาคตใหม่ คือ เหยื่อ คือ จำเลย
เป็นเหยื่อเพราะมีโอกาสถูกยุบพรรค เป็นเหยื่อเพราะมีโอกาสที่กรรมการบริหารพรรคจะถูกตัดสิทธิทางการเมือง และบางคนอาจต้อง ติดคุกติดตะรางด้วยซ้ำไป
กระนั้น หากสำรวจ “พื้นที่” ทางด้านการเคลื่อนไหวก็ไม่แน่ว่าฝ่ายของพรรคอนาคตใหม่จะอยู่ในสถานะ “ตั้งรับ”หรือ “ถูกกระทำ”
ตรงกันข้าม กลับเริ่มมีกระแสโต้กลับในลักษณะ”รุก”มากยิ่งขึ้น
นับแต่คณะกรรมการการเลือกตั้งรับคำร้องอันเกี่ยวกับพรรคอนาคตใหม่ขึ้นมาไต่สวน นับแต่ผลการไต่สวนลงเอยด้วยการส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญภายใต้ข้อเสนอว่าน่าจะมีการยุบพรรค ตัดสิทธิ
ได้เกิดความคิด ๒ กระแสเกิดขึ้นและดำรงอยู่ในพื้นที่ข่าวโดยอัต โนมัติ
กระแส ๑ โน้มเอียงไปทางต้องการให้ยุบพรรคอนาคตใหม่
กระแส ๑ โน้มเอียงไปทางไม่ต้องการให้เกิดการยุบพรรคอนาคตใหม่
ในเบื้องต้นความโน้มเอียงอย่างแรกครอบครอง”พื้นที่”
แต่ยิ่งใกล้วันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ เด่นชัดมากยิ่งขึ้นว่าความโน้มเอียงอย่างหลังกลับมีการเคลื่อนไหวและได้รับความสนใจเป็นอย่างสูงในทางสังคม
ทำท่าว่าจะยึดครองและกลายเป็น”กระแสหลัก”ด้วยซ้ำไป
ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ของสื่อกระแสหลัก สือเก่า ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่สื่อกระแสรอง สื่อใหม่
ปรากฏ ๒ ความคิดนี้เกิดขึ้น ดำรงอยู่อย่างคึกคัก
นี่เป็นสภาพที่ไม่เคยสัมผัสในห้วงแห่งการพิจารณาคดียุบพรรค ไทยรักไทย หรือแม้กระทั่งในห้วงแห่งการพิจารณาคดียุบพรรคพลังประชาชน
แต่เห็นและสัมผัสได้ในห้วงแห่งการพิจารณาคดียุบพรรคอนาคต ใหม่
นี่คือปรากฏการณ์ที่เป็นสัญญาณใหม่ในทางการเมือง