ผมได้ไปเยี่ยมชมนาฬิกาตุ๊กตุ๊กถึงแหล่งกำเนิดเลยครับ ปรากฏว่านาฬิกายี่ห้อนี้อยู่ในร้านอัญมณีชื่อ “Tabtim Dreams” ซอยสีลม 11 ครับ ผมมีโอกาสพูดคุยกับ คุณสายไหม สาเดกี กรรมการผู้จัดการ เจ้าของและผู้ออกแบบนาฬิกาตุ๊กตุ๊ก คุณสายไหมเล่าให้ผมฟังว่า หลังจากเธอเรียนจบด้าน Gemology (ดูแร่ หิน เพชร พลอย) เพื่อน ๆ ส่วนใหญ่จบแล้วจะไปทำงานในห้องแล็บกันหมด มีแต่เธอที่สนใจเรื่องของเพชร พลอย และทับทิม เพราะอยากจะอยู่วงการอัญมณี หลังจากเรียนจบ คุณสายไหมบินไปดูงานต่างประเทศ เช่น ฮ่องกง และ บาเซล (สวิสเซอร์แลนด์) มีความรู้สึกว่าทำไมไม่มีอัญมณีชุดไหนที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นไทยในเวทีโลกได้เลย เรื่องนี้เก็บไว้ในใจมาตลอด
ผ่านไป 20 กว่าปี กิจการร้านอัญมณีของคุณสายไหมเริ่มลงตัว จึงกลับมาคิดถึงสิ่งที่ค้างอยู่ในใจ แล้วเธอก็คิดได้ว่า การแสดงความเป็นไทยในเครื่องประดับไม่จำเป็นต้องออกมาในรูปของเพชรพลอยเท่านั้น แต่แสดงออกจากสิ่งอื่นที่อยู่บนเรือนร่างก็ได้ คุณสายไหมสนใจนาฬิกา จึงเริ่มร่างสิ่งที่ตัวเองคิดไว้ลงบนกระดาษ เธอบอกว่าพอเริ่มคิดเกี่ยวกับความเป็นไทย ก็มีเรื่องราวออกมานับร้อยแบบจนคืนนั้นนอนตีสาม เพราะมีทั้งเรื่องวัตถุ อาหาร สถานที่ ดอกไม้ กีฬา วัฒนธรรม ชีวิตความเป็นอยู่ แตะเรื่องใด ก็ได้ภาพ พอนึกถึงจังหวัดไหน ก็จะมีรูปขึ้นมา เช่น นึกถึงชลบุรีก็จะมีประเพณีวิ่งควาย นึกถึงจังหวัดเลยก็จะมีประเพณีผีตาโขน รวมไปถึงตลาดน้ำ สงกรานต์ งานวัด ตั๊กแตนต่อยมวย ฯลฯ ในปัจจุบันมี Collection เรื่องราวความเป็นไทยถึง 50 เรื่อง (ใน 1 เรื่อง จะทำนาฬิกาเพียง 99 เรือนเท่านั้นและได้จดลิขสิทธิ์ไว้ทั้งหมดแล้ว)
ผมสอบถามว่าใครคือศิลปินที่วาดงานน่ารักนี้ คุณสายไหมบอกว่าไม่ได้ใช้ศิลปินที่มีชื่อเสียง แต่เป็นหลาน ๆ ของเธอที่เรียนจบมหาวิทยาลัยศิลปากร โดยเธอจะเล่าเรื่องราวของภาพให้ฟัง พร้อมกับดูตำแหน่งต่าง ๆ ในภาพ แล้วให้หลานวาดในคอมพิวเตอร์ บางแบบต้องทำใหม่หลายรอบ แต่บางแบบใช้เวลาไม่นาน ส่วนที่พิเศษก็คือ ลวดลายบนหน้าปัดเป็นงานกึ่งงานมือ แผ่นของหน้าปัดนาฬิกาเป็นโลหะเงิน ทุกเรือนลงยา มีทั้งแบบเทพื้นคล้ายการพิมพ์สมัยใหม่และแบบวาดมือตัดขอบ มีการขุดเนื้อให้เป็นร่องและเดินเส้นทอง ซึ่งขั้นตอนนี้ติดต่อหาร้านทำนาฬิกาทั่วประเทศ แต่ไม่มีใครยอมทำให้ จนในที่สุดมีอยู่เจ้าเดียวที่อยากทำโปรเจคท์นี้ด้วยกัน แล้วงานออกมาดี
คุณสายไหมเลือกรูปทรงตัวเรือนค่อนข้างใหญ่เพื่อให้หน้าปัดมีพื้นที่ในการวาดและเล่าเรื่องราวความเป็นไทยได้ มีทั้งรุ่นยาวและรุ่นสั้น ตัวเลขบนหน้าปัดก็จะไม่เหมือนกัน เช่น มีเลข ๓ ตัวเดียวบ้าง หรือเป็นเลขไทย ๑๒ กับ ๖ แต่ละเรือนจะมีความแตกต่าง ส่วนสายนาฬิกาทำจากหนังวัวแท้ปั๊มลายจระเข้ คุณสายไหมบอกว่าเธอไม่ใส่ชื่อแบรนด์ลงบนนาฬิกา แต่จะแอบซ่อนโลโก้ในตำแหน่งอื่นแทน เช่น ปลายเข็มวินาทีและเม็ดมะยม ผมเอามาเพ็งดูใกล้ ๆ มีรูปรถตุ๊กตุ๊กบนนั้นจริง ๆ ด้วยครับ
พูดถึงชื่อ “ตุ๊กตุ๊ก” ผมถามว่าทำไมต้องใช้ชื่อนี้ คุณสายไหมบอกว่าอยากได้แบรนด์ที่เป็นชื่อไทย จำง่าย พูดแล้วก็นึกถึงเมืองไทยได้เลย “ตุ๊กตุ๊ก” ติด Top10 ของชื่อที่เลือกมา แล้วก็มานั่งพิจารณาทีละชื่อ จนมาถึง “ตุ๊กตุ๊ก” ที่ดูมีมาดของนักเลงบนท้องถนน ดูสนุกหน่อย แต่มีความรู้ดี อาสาพานักท่องเที่ยวไปได้ทุกที่ รู้เรื่องราวต่าง ๆ ของเมืองไทย และการออกเสียง “ตุ๊กตุ๊ก” จะคล้าย ๆ เสียงเข็มนาฬิกาที่เดิน “ติ๊กต่อก” คุณสายไหมออกแบบโลโก้เอง ให้เป็นลายเส้นของรถที่มีล้อหน้าโต แล้วมีเข็มนาฬิกา โดยใช้สโลแกนว่า "TUKTUK นาฬิกาหัวใจไทย ใส่แล้วยิ้มได้"
ส่วนตัวเครื่องด้านใน คุณสายไหมบอกผมว่า ตอนคิดจะทำนาฬิกา ต้องเลือกระบบ movement ที่ดีที่สุดในโลก มองไว้สองประเทศคือ ญี่ปุ่นหรือสวิตเซอร์แลนด์ ในที่สุดคุณสายไหมเลือกเครื่อง Ronda จากสวิตเซอร์แลนด์ที่มีต้นทุนสูงหน่อย แต่มีความแม่นยำเที่ยงตรงที่สุด ส่วน Body เป็น Stainless Steel ใช้ได้นานเป็นร้อยปี ไม่มีลอกและดำ
หลังจากคิดแบบและลองผิดลองถูกในการทำนาฬิกามาตลอด 3 ปีครึ่ง จนเมื่อทุกอย่างลงตัว TUKTUK ได้ทำการตลาดกับต่างประเทศก่อน มีการลงโฆษณาในแมกกาซีนและบนสายการบิน มียอดสั่งซื้อจากฮ่องกง สิงคโปร์เข้ามา โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นจะชอบนาฬิกาเรื่องราวของเมืองไทยมากที่สุด มีรุ่น “ปลากัด” ที่ขายดีเป็นพิเศษเพราะคนญี่ปุ่นนิยมเลี้ยงปลากัดของไทย คุณสายไหมเสริมว่าในแต่ละเรือนจะมีการเขียนเรื่องราวประกอบให้ด้วย ทำเป็น 3 ภาษา (ไทย จีน อังกฤษ) เพื่อให้ลูกค้าเข้าใจว่ารูปนั้นคืออะไร มีความหมายอย่างไร
และเมื่อเดือนที่ผ่านมา “ตุ๊กตุ๊ก” เพิ่งได้รับรางวัล Bangkok Brand 2020 ของกรุงเทพมหานคร ถือเป็นการส่งประกวดครั้งแรก โดยส่งนาฬิกาไปแค่เรือนเดียวแล้วได้รับรางวัลเลย คุณสายไหมเล่าว่า “เชอรี่” พนักงานขายนาฬิกาของ “ตุ๊กตุ๊ก” เห็นโปสเตอร์การประกวด จึงนำนาฬิกาไปส่งประกวดด้วยตัวเอง พอเจ้าหน้าที่รับสมัครถามว่าจะส่งเรือนไหนเพื่อเข้าประกวด น้องพนักงานเห็นชื่องานว่า Bangkok Brand จึงหยิบนาฬิการุ่น “บางกอกอลเวง” แล้วนำเสนอว่าในนาฬิกามีภาพยักษ์ ลิง เสาชิงช้า กล้วยหอม และรถตุ๊กตุ๊ก สื่อเรื่องราวความเป็นไทย แล้วเธอก็ส่งนาฬิกาเข้าประกวดและได้เข้ารอบ จนในที่สุดเป็น 1 ใน 40 แบรนด์ที่ได้รับรางวัล
ผมถามถึงนาฬิกาเรือนโปรดของคุณสายไหม เธอบอกว่ารุ่น “เด็กจุกขี่ควาย” เพราะเป็นลายแรกที่เธอออกแบบ คุณสายไหมบอกว่า พอจะเริ่มออกแบบ ก็นึกถึงเพลง “นกเอี้ยงเอย มาเลี้ยงควายเฒ่า” ภาพและตำแหน่งของสิ่งต่าง ๆ อยู่ในหัวของเธอมาตลอดว่ามีควายอยู่ตรงไหน เด็กจุกกำลังขี่ควาย และมีนกเอี้ยงมาเกาะ พอทำตัวเรือนนาฬิกาเสร็จ ก็เหมือนภาพที่เธอคิด จึงภูมิใจมาก
ถ้าใครสนใจอยากดูนาฬิกาแนวเก๋ ๆ เท่ ๆ ไทย ๆ ไม่ซ้ำใคร ลองมาเลือกชมเลือกซื้อนาฬิกาตุ๊กตุ๊กได้ โดยค้นหาใน Google Maps พิมพ์ว่า “Tuk Tuk Bangkok Watch” แล้วจะพบกับนาฬิกาสวยละลานตา ซื้อแล้วแถมสายนาฬิกาซิลิโคนสีสวยเผื่อไว้เปลี่ยนอีก 2 เส้นและได้ข้าวไรซ์เบอรี่ด้วยครับ หรือซื้อออนไลน์ได้ที่ https://www.facebook.com/TukTukbangkokwatch
……………………………………..
คอลัมน์ : ก้อนเมฆเล่าเรื่อง
โดย “น้าเมฆ”
ความเห็น 0