เปิดสาเหตุ หน.ด่านกักกันสัตว์ ถูกยิงเสียชีวิต ขณะลงพื้นที่ตรวจห้องเย็นนำเข้าหมูเถื่อน

เปิดสาเหตุ หน.ด่านกักกันสัตว์ เสียชีวิต ขณะลงพื้นที่ตรวจห้องเย็นนำเข้าหมูเถื่อน เสี่ยห้องเย็นไม่ยอม เอาชิ้นเนื้อไปตรวจ ชักปืนกระหน่ำยิงดับคาที่

จากกรณีนายสราวุฒิ ประจวง หัวหน้าด่านกักกันสัตว์เพชรบูรณ์ กรมปศุสัตว์ ถูกยิงเสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบห้องเย็นหรือสถานที่เก็บเนื้อสัตว์และซากสัตว์ ในวันที่ 11 ตุลาคม 2566 นั้น

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง ด่วน! ‘สราวุฒิ ประจวง’ หน.ด่านกักกันสัตว์เพชรบูรณ์ ถูกยิงเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 11 ตุลาคม 2566 ร.ต.อ.พิทักษ์ ดีแซง รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.บ้านกลาง จ.เพชรบูรณ์ ได้รับแจ้งมีเหตุคนถูกยิงเสียชีวิต 1 ราย และได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ที่บ้านหลังหนึ่ง พื้นที่หมู่ 1 ต.ช้างตะลูด อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.ฐเดช กล่อมเกลี้ยง ผบก.ภ.จว.เพชรบูรณ์, พ.ต.อ.ปริญญา ทองมา ผกก.สภ.บ้านกลาง, แพทย์เวร รพ.หล่มสัก และเจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิร่วมกตัญญู หล่มสัก

ที่เกิดเหตุเป็นโกดังขนาดใหญ่ กำลังปรับปรุงให้เป็นทั้งบ้านพักและห้องแช่เย็น รวมทั้งเตรียมที่จะสร้างเป็นโรงฆ่าสัตว์อีกด้วย พบผู้เสียชีวิตทราบชื่อต่อมาคือ นายสราวุฒิ ประจวง หัวหน้าด่านกักกันสัตว์จังหวัดเพชรบูรณ์ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. เข้าที่แขน ลำตัว และขากรรไกรด้านซ้าย รวม 5 นัด ส่วนผู้บาดเจ็บคือ นายพงษ์พันธา อายุ 50 ปี ถูกยิงเข้าที่เอวด้านซ้าย จึงรีบนำตัวส่ง รพ.หล่มสัก ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อต่อมาคือ นายอนุสรณ์ ดอนสวรรค์ หรือเสี่ยนุ อายุ 57 ปี เจ้าของบ้านและห้องเย็นหลังดังกล่าว จึงได้ควบคุมตัวไปสอบปากคำ

จากการสอบสวนทราบว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมา นายสราวุฒิ พร้อมด้วย นายพงษ์พันธา เจ้าหน้าที่ด่านกักกันสัตว์ ได้เข้าตรวจสอบห้องเย็นของนายอนุสรณ์ หลังได้รับการร้องเรียนว่ามีพฤติกรรมในการเอาเนื้อสุกรจากนอกพื้นที่มาจำหน่าย โดยเจ้าหน้าที่จะขอนำเอาชิ้นเนื้อในห้องเย็นไปตรวจสอบ แต่นายอนุสรณ์ไม่ยินยอม จากนั้น นายสราวุฒิ และเจ้าหน้าที่จึงได้เดินทางกลับ

กระทั่งช่วงบ่ายของวันเดียวกันได้ย้อนกลับมาอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ได้มีการโต้เถียงกันอย่างรุนแรง ระหว่างนั้น นายอนุสรณ์อาศัยจังหวะที่นายสราวุฒิ และเจ้าหน้าที่เผลอ ใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงใส่ นายสราวุฒิ จนล้มฟุบลง กระสุนปืนได้แฉลบไปโดนนายพงษ์พันธาได้รับบาดเจ็บด้วย อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เชิญผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ไปสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป