ข้อมูลเบื้องต้น
"เห้ย ที่นี่ที่ไหนนน ยู้ฮู มีใครอยู่ไม๊ ตอบด้วยยยย" จีน่าสาวน้อยลูกครึ่งไทยสิงคโปร์ ทำหน้าที่เป็นพยาบาลประจำรถฉุกเฉิน ด้วยอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำทำให้ดวงวิญญาณเธอหลุดออกจากร่างกระเด็นไปอีกมิตินึงทันที
"นังหนู ทางนี้ ทางนี้" ชายชราท่าทางภูมิฐานแต่งกายชุดจีนโบราณผมขาวปล่อยยาวสยายหน้าตาใจดี กวักมือเรียก จีน่า ให้เข้าไปหา จีน่าหันซ้ายหันขวา แล้วจึงใช้นิ้วชี้ชี้มาที่ตนเอง
"เรียกหนูหรือคะ" ชายชราพยักหน้า จีน่าจึงเดินเข้าไปหาชายชราเมื่อเข้ามาใกล้ ๆ แล้วจีน่า ยกมือไหว้
"สวัสดีค่ะ หนูชื่อจีน่าค่ะ หนูไม่รู้ว่ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรค่ะเมื่อสักครู่หนูยังนั่งอยู่ในรถพยาบาลฉุกเฉินอยู่เลยค่ะ" จีน่าถามออกไปแล้วรอคำตอบเผื่อว่าชายชราตรงหน้าเธอจะรู้อะไรบ้าง
-------------------------------------------------------------------------
***สวัสดีค่ะรี้ด ที่น่ารักทุกคน ไรท์มาเปิดเรื่องใหม่รอไว้ค่ะอย่างไรก็ฝากฝัง น้องจีน่า ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของพ่อแม่พี่น้องทั้งหลายด้วยนะคะ***
ทำความเข้าใจเช่นเดิมค่ะ
-นิยาย ของไรท์เกิดขึ้นจากจินตนาการ และความเพ้อฝันล้วน ๆ ค่ะ
-อ่านเพื่อความบันเทิง และผ่อนคลายความเครียด ไม่ดราม่านะคะ เน้น เพื่อความบันเทิงนะคะ
-ขอคอมเม้นท์อย่าแรงนะคะไรท์ใจบางมากค่ะ
-ไรท์มีงานประจำทำ บางทีอาจจะอัพล่าช้าไปบ้างต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
***เมื่อเราทำความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว ขอเชิญ รี้ด เข้าสู่โลกนิยายอันเพ้อฝันของไรท์ได้เลยค่ะ***
ด้วยรัก..จาก…ยอดสน
ทำความเข้าใจก่อนเริ่มเรื่อง
***สวัสดีค่ะรี้ด ที่น่ารักทุกคน ไรท์มาเปิดเรื่องใหม่รอไว้ค่ะอย่างไรก็ฝากฝัง น้องจีน่า ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของพ่อแม่พี่น้องทั้งหลายด้วยนะคะ เป็นนิยายเรื่องแรกทีึ่ลงให้อ่านที่เว็ปเด็กดีค่ะ บางสิ่งบางอย่างอาจจะขัดข้องไปบ้างต้องขออภัยรี้ดทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ***
ทำความเข้าใจเช่นเดิมค่ะ
-นิยาย ของไรท์เกิดขึ้นจากจินตนาการ และความเพ้อฝันล้วน ๆ ค่ะ
-อ่านเพื่อความบันเทิง และผ่อนคลายความเครียด ไม่ดราม่านะคะ เน้น เพื่อความบันเทิงนะคะ
-ถ้าถูกใจก็คอมเม้นท์มาพูดคุยกับไรท์ได้ค่ะ แต่ถ้าไม่ถูกใจเพียงแค่กดออกไปอย่าคอมเม้นท์อะไรที่ทำให้ไรท์ห่อเหี่ยวหัวใจเลยค่ะ ขอบคุณที่เข้าใจไรท์นะคะ
-ไรท์มีงานประจำทำ บางทีอาจจะอัพล่าช้าไปบ้างต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
***เมื่อเราทำความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว ขอเชิญ รี้ด เข้าสู่โลกนิยายอันเพ้อฝันของไรท์ได้เลยค่ะ***
ด้วยรัก..จาก…ยอดสน
พยาบาลลูกครึ่ง
"หม่ามี๊ เห็นพาสสปอร์ตลูกไม๊ ที่มันเป็นของสิงคโปร์อะ ลูกวางอยู่ในลิ้นชักนี้แล้วมันไปไหนได้อย่างไรอะ" จีน่า สาวลูกครึ่งไทย-สิงคโปร์ ผู้ที่ได้ฉายานิ่งเป็นหลับขยับเป็นกิน ตอนนี้เธอได้จบคณะพยาบาลศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในประเทศไทย เธออยู่กับแม่ของเธอที่ประเทศไทยแค่เพียงสองคน ส่วนคุณพ่อเป็นคนสิงคโปร์ ที่คอยส่งเสียค่าใช้จ่ายทุกสิ่งทุกอย่างให้กับครอบครัว
"จีน่า ลูกทำไมรื้อของเลอะเทอะอย่างนั้นหล่ะ แล้วมันจะไปหาเจอได้อย่างไร มา มา ถอยไป เดี๋ยวมี๊ ดูให้เอง" หม่ามี้ผู้มีทักษะในการหาสิ่งของของลูกสาวได้ทุกอย่างได้เดินเข้ามาไล่จีน่าให้ออกห่างจากลิ้นชักตู้
"เจอไม๊มี๊" จีน่าชะโงกหน้าข้ามบ่าของแม่เธอมาจ้องมองไปที่ลิ้นชัก
"นี่ไง เจอแล้ว รื้อซะกระจัดกระจายไปหมด แล้วนี่เก็บของเสร็จรึยัง เอาอะไรไปมั่งไหนมาดูซิ" หม่ามี๊เดินตรงเข้าไปดูกระเป๋าเดินทางใบใหญ่จับนี่จับนั่นสักพักจึงเดินออกมายืนมองลูกสาวตัวเองนำสิ่งของจำเป็นติดตัวเข้ากระเป๋าสะพายจนเรียบร้อย จีน่าจึงเดินไปกอดเอวหม่ามี้ของเธอไว้แน่นแล้วซบลงบนอกเอาหน้าถูไปถูมาอยู่บนอกของหม่ามี๊ตนเอง
"มี๊ จ๋า ลูกไปแล้วอย่าลืมกินอาหารให้ตรงเวลา แล้วก็ออกกำลังกายบ้างนะ ลูกเป็นห่วงไม่รู้ว่าไปทำงานคราวนี้จะได้กลับมาอยู่กับมี๊เมื่อไหร่" จีน่า บอกกล่าวหม่ามี๊ของเธออย่างห่วงใย คล้าย ๆ กับเป็นการสั่งเสียกลาย ๆ
"อะไรกัน ขี้แยไม่สมกับเป็นจีน่าของมี๊เลย ถ้าลูกไม่มามี๊คิดถึงมี๊ก็ไปหาลูกที่สิงคโปร์ได้นี่ ทำอย่างกับจะไปไม่กลับอย่างนั้นหล่ะ ไม่เอา ไปอาบน้ำอาบท่าซะเดี๋ยวได้นอนหลับพักผ่อนพรุ่งนี้ต้องไปแล้ว" หม่ามี๊กอดตอบแล้วลูบหัวจีน่าเบา ๆ
"ไม่เอาอะ เดี๋ยวลูกอาบน้ำเสร็จแล้วลูกไปนอนกับมี๊ที่ห้องนะ จุ๊บ" จีน่าจุ๊บแก้มหม่ามี๊ตนเองแล้ววิ่งออกไปเข้าห้องน้ำโดยไม่ได้รอคำตอบของผู้เป็นแม่
"เห้อ ไอ้ลูกคนนี้นี่ อยู่กับแม่จนเคย มันจะอะไรกันนักหนาก็แค่ไปทำงานที่สิงคโปร์แล้วก็ไปอยู่กับพ่อตัวเอง" ผู้เป็นแม่บ่นขึ้นมานิดหน่อยแล้วจึงเดินกลับห้องของตนเองไป
แนะนำตัวอีกทีนะคะ หนูชื่อจีน่าค่ะ เป็นลูกครึ่งสิงคโปร์-ไทย มีคุณแม่เป็นคนไทยส่วนคุณพ่อเป็นคนสิงคโปร์ ตัวหนูเองเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ สูง 162 หนัก 45 ตาคมและโตคิ้วเข้ม ได้คุณแม่ค่ะ ปากนิดจมูกหน่อย ได้คุณพ่อ ผิวขาวอมชมพู ก็ได้คุณพ่ออีกเช่นกันคุณแม่นั้นผิวเหลือง
ตอนนี้หนูเรียนจบคณะพยาบาลศาตร์ จากมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในย่านปทุมวัน หนูส่งProtflolio ไปแนะนำตัวกับโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังของประเทศสิงคโปร์ แล้วก็ผ่านเสียด้วยทางโรงพยาบาลได้สัมภาษณ์งานเป็นภาษาอังกฤษ และภาษาจีน แล้วเมื่อวานนี้เองได้รับอีเมลตอบรับเข้าทำงานที่โรงพยาบาลแห่งนั้น และให้เดินทางไปทำงานที่นั่นถัดจากวันที่ได้รับอีเมลโดยให้เวลา 2 วัน ซึ่งก็คือวันมะรืนนี้นั่นเอง
เพราะฉะนั้นหนูจึงต้องเดินทางวันพรุ่งนี้ มีคุณพ่อมารอรับที่สนามบินชางงี โอ๊ะ โอ๊ะ ไม่ใช่ค่ะ คุณแม่ไม่ได้เป็นภรรยาน้อยนะคะ คุณแม่เป็นภรรยาคนเดียวของคุณพ่อค่ะ คุณพ่อทำธุรกิจด้านร้านอาหารที่สิงคโปร์ และจะเดินทางไปอยู่กับพวกเราแม่ลูกที่เมืองไทยเดือนละ 1 อาทิตย์ ค่ะ แต่ถ้าหนูปิดเทอมคุณพ่อก็จะอยู่ 1 เดือน แล้วหนูกับแม่ก็จะกลับไปสิงคโปร์กับคุณพ่ออยู่จนใกล้เปิดเทอมถึงจะกลับไทยค่ะ
"จีน่า จีน่า ลูกจะนอนในห้องน้ำเลยใช่ไม๊" หม่ามี๊เคาะประตู จึงทำให้จีน่าสะดุ้งตื่นจากภวังค์ แล้วจึงตะโกนตอบหม่ามี๊ออกไป
"เสร็จแล้วค่ะ พอดีลูกคิดอะไรเพลินไปหน่อยเลยแช่น้ำนานไปนิดนึง ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงค่ะ" จีน่าตะโกนตอบออกไปแล้วลุกขึ้นยืนในอ่างอาบน้ำเปิดฝักบัวรดกายจนเกลี้ยงแล้วเดินลงจากอ่างไปหยิบผ้าขนหนูพันกายพันผมเรียบร้อยจึงเดินออกจากห้องน้ำไปเช็ดตัวเป่าผมแล้วใส่ชุดนอนเดินตามหม่ามี๊กลับไปห้องของหม่ามี๊
แล้วทั้งคู่จึงล้มตัวลงนอนจีน่าโอบกอดหม่ามี๊ของเธอจนแน่นเอาใบหน้าข้างหนึ่งซบกับอกอุ่นของหม่ามี๊สักครู่จึงเงยหน้ามองดูหน้าหม่ามี๊ของตนเองก่อนจะเอ่ย
"หม่ามี๊ ลูกไม่อยู่ มี๊จะคิดถึงลูกไม๊"
"เด็กโง่ ก็คิดถึงสิ อุ้มท้องมาตั้ง 9 เดือน ไหนจะเบ่งออกมาอีหล่ะ แล้วก็ไหนจะเลี้ยงให้โตออกมาอ้อนมี๊ได้ขนาดนี้อีกหล่ะ หืมมม" หม่ามี๊ใช้มือดึงแก้มของจีน่ายืดออกมาอย่างเบามือแบบหมั่นเขี้ยว
"หนูรักมี๊นะ" จีน่าพูดแล้วกอดแม่ของตนเองแน่นขึ้นไปอีกใบหน้าก็ยังซบอยู่อย่างนั้น
"จ้า มี๊ก็รักจีน่านะลูก" หม่ามี๊กอดตอบแล้วจุมพิตลงบนหน้าผากและแก้มของจีน่าเบา ๆ ทั้งสองกอดหอมกันสักพักก็เข้าสู้นิทรา
รุ่งเช้า ตีห้า หม่ามี๊ก็ลุกออกมาทำข้าวต้มหมูสับเสร็จแล้วจึงไปปลุกจีน่าให้อาบน้ำเปลี่ยนเครื่องแต่งกายให้เรียบร้อย แปดโมงเช้าจีน่าเดินลงมาพร้อมกระเป๋าเดินทางและกระเป๋าสะพายใบโตทั้งสองใบวางไว้หน้าบ้านแล้วจึงเดินมากินอาหารเช้าที่แม่ของเธอได้ทำเอาไว้พร้อมหน้า
เมื่อกินอาหารเช้าเสร็จจึงพากันขนของขึ้นท้ายรถแล้วมุ่งตรงไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ พวกเธอสองแม่ลูกมาทันเวลาฉิวเฉียดเหลือเวลาอีกแค่ 30 นาที เครื่องจะออก ทั้งคู่จึงรีบวิ่งไปเช็คอินแล้วหม่ามี๊ก็ลากกระเป๋าไปส่งลูกสาวสุดที่รักที่หน้า Gate
"หม่ามี๊ ดูแลตัวเองให้ดีด้วยนะ" จีน่าโผเข้ากอดผู้เป็นแม่น้ำตาก็ซึมออกมาจากทางหางตา
"จ้า ไปเถอะ แดดดี้ รออยู่ที่สนามบินนะยังไงถึงแล้วก็โทรหาแด๊ด ด้วยนะ" หม่ามี๊กอดตอบจีน่าสักครู่จึงผลักเธอออกแล้วจับบ่าทั้งสองข้างไว้
"โอเค บ๊ายบาย รักมี๊นะ" จีน่าเดินลากกระเป๋าเข้า Gate ไป
"มี๊ก็รักลูกจ้า บ๊ายบาย" ผู้เป็นแม่ยืนโบกมือบ๊ายบาย เธอต้องนิ่วหน้าด้วยความแปลกใจทำไมครั้งนี้มีความรู้สึกเหมือนใจมันหายไปอย่างไรไม่รู้ เธอจึงส่ายหน้าไปมาสลัดความรู้สึกนั้นแล้วหันหลังเดินออกไปขับรถกลับบ้านของตนเอง
ด้านจีน่าเอง เธอก็รู้สึกแปลก ๆ เช่นกันทำไมความรู้สึกโหยหาอ้อมกอดของหม่ามี๊มันชั่งรุนแรงกว่าทุกครั้งที่เธอบินไปหาพ่อ ที่สิงคโปร์ เธอปลอบใจตัวเองว่าไม่มีอะไรหรอก ไอ้จีน่าเอ๊ยอย่าคิดอะไรฟุ้งซ่านดิ แค่ไปทำงานเองนะเดี๋ยวหาวันหยุดก็กลับมาเยี่ยมหม่ามี๊ได้แล้ว ไทยกับสิงคโปร์บินแค่ 1.45 ชัวโมงเอง คิดได้ดังนั้นจึงหลับตาลงบนเครื่องบินสักพักจึงได้ยินเสียงกัปตันประกาศให้รัดเข็มขัด สักพักเครื่องก็ทะยานขึ้นท้องฟ้า ไป บ๊ายบาย ไทยแลนด์
--------------------------------------------------------------------
เริ่มงาน
ใช้เวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมงกว่า ๆ ก็มาถึงสนามบินชั้นนำที่ติดอันดับ TOP5 ของโลก สวยงามและใหญ่โตจริง ๆ จีน่ามองไปรอบ ๆ แล้วเดินไปต่อแถวเข้าประเทศสิงคโปร์ทันที แถวผู้ที่ถือพลาสปอร์ตสิงคโปร์นั้นไม่ได้ยาวมาก สำหรับแถวคนต่างชาตินั้นจะยาวมากทีเดียว
สำหรับตัวเธอเป็นผู้ถือพลาสปอร์ตสิงคโปร์ก็เดินทางเข้าได้อย่างง่ายดาย เมื่อผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองแล้วเธอมองซ้ายมองขวา แล้วยกยิ้มขึ้นทันทีที่เห็น แดดดี้ ของเธอยืนรอเธออยู่ตรงบริเวณร้านค้าดิวตี้ฟรี
"Daddy I'am here" จีน่าตะโกนพร้อมโบกไม้โบกมือพร้อมเดินลากกระเป๋าตรงไปหาคุณพ่อของเธอทันที ซึ่งพ่อของเธอก็ได้อ้าแขนออกกว้างพร้อมรอยยิ้มตาปิดอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว เมื่อถึงตัวพ่อเธอ ตัวเธอจึงวางกระเป๋าลงแล้วตรงเข้าไปในอ้อมกอดที่แสนคิดถึงทันที
"Geena Daddy miss U so much" คุณพ่อเธอเอามือขึ้นลูบหัวเธอไปมาสักพักจึงได้พากันเดินออกไปทีลานจอดรถนำสัมภาระขึ้นรถคุณพ่อแล้วขับออกไปยังคอนโด 3 ห้องนอน ของคุณพ่อเธอในย่าน Budok เมื่อถึงคอนโดเป็นที่เรียบร้อยเธอก็นำสัมภาระของเธอไปเก็บแล้วจัดวางเรียงเข้าตู้ในห้องเก่าของเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้วเดินออกมาด้านนอก
"แดดดี้ ลูกหิวข้าวแล้ว" จีน่าเอ่ยบอกคุณพ่อเธอเพราะเธอกำลังเห็นคุณพ่อกำลังทำอาหารอยู่อย่างคล่องแคล่ว ใช่แล้วคุณพ่อเธอเป็นคนที่ชอบทำอาหาร และพูดไทยไม่ค่อยชัดเจนแต่ก็ชอบพูดไทยกับลูก ๆ บางทีก็พูดไทยคำอังกฤษคำ จนคุณแม่ และตัวเธอนั้นชินไปแล้ว แต่คนอื่นนั้นก็จะฟังคุณพ่อไม่ออกไม่รู้ว่าท่านกำลังพูดสิ่งใด บางทีก็ต้องแปลไทยเป็นไทยเวลาไปสั่งอาหารที่ร้านในประเทศไทย
"จีน่า มาช่วยแดดดี้ยกไปวางเลย จะได้กินพร้อมกัน แดดดี้ทำเสร็จแล้ว" คุณพ่อส่งเสียงกลับมา
"รับแซ่บ" แล้วเธอก็เดินเข้าครัวไปยกกับข้าวตั้งโต๊ะแล้วตักข้าวใส่ถ้วยพร้อมตะเกียบของคุณพ่อ ส่วนเธอก็ใส่ถ้วยเช่นกันแต่เป็นตะเกียบกับช้อน
"เอ้านี่ไก่ตุ๋น ที่จีน่าชอบ แดดดี้ทำให้แล้ว"
"thank you daddy" เธอรีบเข้าไปถือถ้วยไก่ตุ๋นแล้วหอมแก้มคุณพ่อเธอ 1 ฟอดแล้วรีบมาวางที่โต๊ะแล้วสองพ่อลูกก็ลงมือกินอาหารพร้อมกัน
"แดดดี้ ไม่รู้ว่าลูกจะได้นั่งกินอาหารกับแดดดี้แบบนี้อีกหรือไม่"
"ลื้อพูดอะไร ไม่เป็นมงคล ลื้อต้องได้กินทุกวันอยู่แล้ว"
"ไม่ใช่อย่างนั้น แด๊ด หมายถึงลูกก็ต้องมีเข้าเวร บางทีงานยุ่งอาจไม่ได้กลับมากินเป็นเพื่อนแดดดี้เท่านั้นเอง อย่าคิดมาก"
"อ่อ มา มา กิน กิน" เธอสังเกตุเห็นคุณพ่อของเธอจากสีหน้าที่เมื่อครู่ไม่ค่อยดี แต่ตอนนี้เริ่มดีขึ้นเนื่องจากเธออธิบายให้ฟัง
เมื่อกินอิ่มแล้วตอนค่ำคุณพ่อก็ออกไปดูร้านส่วนเธอนั้นก็นอนเล่นอยู่ในห้องแล้วไม่ลืมตั้งนาฬิกาปลุกเพราะพรุ่งนี้ต้องไปรายงานตัวแต่เช้าตรู่
ยามเช้ามาเยือนเธอตื่นเวลา 6.30 น.ของประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเวลานั้นเร็วกว่าประเทศไทย 1 ช.ม. อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ 7.00 น. แล้วนั่งอุ่นข้าวต้มกุ้งที่คุณพ่อได้ทำตั้งไว้เมื่อคืนนำมาอุ่นกินเสร็จแล้วจึงเข้าห้องไปหาคุณพ่อเธอที่นอนหลับอยู่
"แดดดี้ ลูกไปแล้วนะ" เธอเข้าไปหอมแก้มคุณพ่อเธอเบา ๆ
"อืม ตั้งใจทำงานนะลูก จีน่า" คุณพ่อเธอก็หอมแก้มซ้ายขวาของเธอเหมือนกัน
จีน่าเดินออกจากห้องนอนของคุณพ่อแล้วปิดประตูลง เหมือนหัวใจมันโหว๋ง ๆ ชอบกล แต่เธอก็ไม่ได้คิดสิ่งใดมาก แล้วหยิบกุญแจรถลงลิฟท์ไปด้านล่างตรงไปยังที่จอดรถแล้วขับออกไปมุ่งไปยังโรงพยาบาลเพื่อไปรายงานตัว
เมื่อเธอรายงานตัวเสร็จเรียบร้อยก็ได้เดินตามรุ่นพี่ประจำหน่วยพยาบาลฉุกเฉินไป รุ่นพี่คนนี้ก็เป็นคนดีใช้ได้เลยถึงหน้าตาจะไม่ค่อยสวยเท่าไหร่แต่ก็ดูดีอยู่เธอมีชื่อว่าซินดี้ พี่ซินดี้พาเธอเดินชมรอบโรงพยาบาลและบริเวณห้องที่สำคัญ ๆ ต่าง ๆ ของโรงพยาบาล กว่าจะหมดก็เที่ยงพอดี จึงได้ชวนไปทานอาหารกลางวันที่ห้องอาหารของโรงพยาบาล
เธอสั่งลากซา ของโปรดแล้วลงมือกินจนหมดถ้วยดื่มน้ำตามแล้วจึงนั่งมองรุ่นพี่ซินดี้กินยังไม่เสร็จเธอกรอกตามองบน ทำไมกินช้าอย่างนี้เนี่ย ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินทำอย่างไรกันไม่สมกับเป็นพยาบาลประจำหน่วยฉุกเฉินเลย แต่เธอก็ไม่ได้เร่งแต่อย่างใดยังคงนั่งรอรุ่นพี่กินไปเรื่อย ๆ
และแล้วสักพักจึงได้ยินเสียงประกาศจากแผนกฉุกเฉินว่าให้พยาบาลประจำหน่วยฉุกเฉิน ขึ้นรถโดยด่วนเพราะตอนนี้เกิดเหตุรถชนประสานงานกันที่ถนน บูกิต มีผู้บาดเจ็บ 8 คน จีน่าเธอจึงลุกขึ้นพร้อมรุ่นพี่แล้ววิ่งตามรุ่นพี่ไปด้วยความเร็ว เธอนึกในใจอะไรกันวันแรกก็เจองานหนักเลยเหรอเนี่ยปากพาจนอย่างแท้ทรู เธอวิ่งไปส่ายหัวไป
รถพยาบาล 4 คัน ซึ่งในรถพยาบาลคันนึงจะประกอบไปด้วยพยาบาลวิชาชีพ 2 คน พร้อมอุปกรณ์ช่วยชีวิตที่ทันสมัยมากและบุรุษพยาบาลอีก 1 คนพร้อมคนขับอีก 1 คน ตัวจีน่าก็ได้นั่งไปในรถคันเดียวกับรุ่นพี่ซินดี้ที่ขึ้นไปนั่งเรียบร้อยแล้วก็บ่นขึ้นมาว่าตัวเธอนั้นยังกินไม่ทันอิ่มเลย
จีน่าเองก็ได้แต่นึกในใจ ก็กินช้าเองจะมาโทษใครหล่ะเจ๊ แล้วเธอจึงเบนสายตากลับมาสำรวจอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในรถพยาบาลแล้วสวมถุงมือ ใส่ที่ครอบผม คาดแมส แล้วตามด้วยเฟสชิวส์ เป็นที่เรียบร้อยเมื่อถึงที่เกิดเหตุก็พบตำรวจมากมายกำลังปิดล้อมพื้นที่พวกพยาบาลฉุกเฉินทุกคนจึงหิ้วกระเป๋าพยาบาลประจำกายแล้วรีบตรงไปดูผู้บาดเจ็บทันที
แล้วช่วยกันลำเลียงผู้บาดเจ็บที่มีอาการสาหัสขึ้นรถพยาบาลคันของเธอ 1 คน ซึ่งเป็นคนขับรถที่ตอนนี้ไม่มีเลือดไหลหรือแผลให้เห็นสักที่ เธอจึงทำการเจาะที่ข้างหูของผู้บาดเจ็บทั้งสองข้างให้เลือดไหลออกมาแล้วครอบด้วยอ๊อกซิเจนที่เด็ก ๆ เรียกว่ากุ๊กไก่นั่นเองรถพยาบาลที่ขับด้วยความเร็วสูงพุ่งทะยานไปอย่างรวดเร็ว เพราะผู้บาดเจ็บที่ไม่มีเลือดออกจะเป็นอันตรายถึงชีวิตมากกว่าผู้บาดเจ็บที่มีบาดแผลเลือดไหลเสียอีก
"เอี๊ยดดดด โครม" รถพยาบาลที่วิ่งด้วยความเร็วสูงถูกตัดหน้าด้วยรถยนต์คันหนึ่งที่พุ่งออกมาไม่ดูตาม้าตาเรือทำให้คนขับเบรคจนตัวโก่งจนไม่ได้ชนกับรถคันนั้นแต่ไปชนต้นไม้ข้างทางแทนทำให้ผู้ที่อยู่ในรถพยาบาลคันนั้นถึงแก่ชีวิตทันที
จีน่าที่ลืมตาขึ้นมาหลังจากรู้ตัวว่าได้เกิดอุบัติเหตุแน่แล้วและที่นี่คือที่ไหนทำไมเธอถึงไม่รู้สึกเจ็บเลยหล่ะ แล้วคนอื่น ๆ หล่ะอยู่ที่ไหนกัน ในหัวของเธอนั้นมีคำถามมากมายวิ่งวนอยู่ในหัว เธอมองซ้ายมองขวาไม่มีใครแล้วทำไมที่นี่มันถึงโล่ง ๆ แหงนมองก็เห็นแต่ท้องฟ้าสีฟ้าที่มีปุยเมฆลอยจนใกล้ตัว นี่เราตายไปแล้วเหรอ จำได้แต่ว่ารถชนกับต้นไม้แล้วเธอก็ไม่ได้สติ
เธอนั่งทบทวนไปมาไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ลุกยืนขึ้นและเดินไปเรื่อย ๆ ปากก็ตะโกน ตาก็เหลียวซ้ายแลขวาหาผู้คน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เจอใครสักคนเดินมาเรื่อยเปื่อยจากทางที่ไม่มีสิ่งใดเลยตอนนี้สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ดอกไม้สวยงาม
"เห้ย ที่นี่ที่ไหนนน ยู้ฮู มีใครอยู่ไม๊ ตอบด้วยยยย
----------------------------------------------------------------------