นกกระจอกเทศ จัดอยู่ในประเภทสัตว์มีกระดูกสันหลัง เป็นนกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกา สำหรับคนไทยแล้วการจะพบเห็นนกกระจอกเทศก็มีเฉพาะตามสวนสัตว์เท่านั้น ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว นกกระจอกเทศเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่ให้ผลตอบแทนหลายอย่างที่มีประโยชน์
หนังนกกระจอกเทศ คุณภาพเยี่ยมดีกว่าหนังจระเข้อย่างมาก
เนื้อนกกระจอกเทศ รสชาติอร่อยเหมือนเนื้อวัว แต่ไขมันและคอเลสเตอรอลต่ำกว่ามาก
ขนนกกระจอกเทศ ทำเครื่องประดับ สิ่งของตกแต่ง เครื่องนุ่งห่ม ได้อย่างหลากหลาย
เปลือกไข่นกกระจอกเทศ ยังใช้แกะสลัก หรือวาดลวดลายเป็นเครื่องประดับ งานศิลปะต่างๆ ได้อีกด้วย ซึ่งประโยชน์ดังกล่าวเป็นคุณลักษณะของสัตว์เศรษฐกิจอย่างแท้จริง
อาจจะเป็นของแปลก ถ้าเมืองไทยจะตั้งฟาร์มเลี้ยงนกกระจอกเทศ แต่โดยความเป็นจริงแล้วในต่างประเทศมีฟาร์มเลี้ยงนกกระจอกเทศมากมาย อย่างในอเมริกามีถึง 3,000 กว่าฟาร์ม แล้วยังตั้งเป็นสมาคมผู้เลี้ยงนกกระจอกเทศอีกด้วย หนังนกกระจอกเทศเป็นที่นิยมของผู้ผลิตชั้นนำ เช่น คริสเตียนดิออร์ เทสท์โตนี ฯลฯ เพื่อใช้ผลิตรองเท้าบู๊ต เข็มขัด กระเป๋าถือ กระเป๋าเดินทาง เป็นต้น
ซึ่งประเทศที่นิยมสินค้าจากหนังนกกระจอกเทศ คือ ญี่ปุ่น เยอรมนี ฝรั่งเศส อเมริกา และอิตาลี สำหรับเนื้อนกกระจอกเทศมีแนวโน้มที่จะทดแทนเนื้อวัว เพราะเนื้อมีสีแดงเหมือนเนื้อวัว โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ไม่นิยมบริโภคเนื้อวัว เพราะรสชาติเหมือนเนื้อวัวแต่โปรตีนสูงกว่า และคอเลสเตอรอลต่ำกว่า
ลักษณะของนกกระจอกเทศตัวผู้และตัวเมียนั้น สามารถแยกออกได้จากขนาด นกตัวผู้มีขนาดโตกว่าตัวเมียมาก ตัวผู้เมื่อโตเต็มวัยขนตามลำตัวจะเปลี่ยนไปเป็นสีดำ ส่วนขนปีกและขนหางจะเป็นสีขาวสวยงามมาก สำหรับตัวเมียจะมีขนตามตัวสีน้ำตาลเทาอ่อน ปากมีลักษณะแบนและกว้างมาก ดวงตากลมโต หัวเล็ก ศีรษะล้าน มีขนอ่อนบางสีเทา คอยาวและมีขนอ่อนเช่นเดียวกับหัว
นกกระจอกเทศมีปีกที่เล็กไม่สมกับตัว ขนที่ปีกยาวพอสมควรแต่ก็ไม่ใช่ขนสำหรับการบิน ซึ่งขนปีกมีไว้เพื่อความสวยงามเท่านั้น
คุณอมรวรรณ จตุเทน หรือ คุณโบวี่ อายุ 27 ปี อาศัยอยู่ที่ โบวี่ ฟาร์มนกกระจอกเทศ บ้านชัยมงคล ตำบลเก่างิ้ว อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น ปัจจุบันประกอบอาชีพเป็นเกษตรกรเพาะพันธุ์นกกระจอกเทศ ระบบฟาร์ม คุณอมรวรรณ เล่าว่า ตนเองเกิดในครอบครัวเกษตรกรที่เพาะพันธุ์นกยูง จึงเป็นเรื่องคุ้นชินกับสัตว์ปีก เมื่อเรียนจบปริญญาตรี ก็ได้ทำงานที่สนามบินแห่งหนึ่งในประเทศไทย แต่พอทำไปสักระยะหนึ่ง รู้สึกว่างานที่ทำไม่สอดคล้องกับการใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการ
การใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ ทุกอย่างคือรายจ่ายหมด แค่เดินออกมาจากห้องพักก็เสียค่าใช้จ่ายต่อวันแล้ว เพราะเหตุผลนี้เองทำให้คุณอมรวรรณได้ปรึกษากับทางครอบครัว ในการออกจากงานเพื่อกลับบ้านเกิดมาประกอบอาชีพ เมื่อคุณอมรวรรณได้ปรึกษากับทางครอบครัวแล้ว จึงนำเงินเก็บจำนวนหนึ่งไปซื้อนกกระจอกเทศจากต่างประเทศ 3 ตัว เพื่อนำมาเพาะพันธุ์ต่อ
ต้องบอกเลยว่าหากย้อนกลับไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ชาวบ้านในพื้นที่เลี้ยงวัว ควาย เป็นส่วนมาก ทำให้การที่เราเลี้ยงนกกระจอกเทศ ดูเป็นสัตว์ที่ไม่มีคุณค่าเพราะเลี้ยงไปก็ขาดทุน แต่นี่ก็คืออีกหนึ่งแรงผลักดัน ที่ทำให้คุณอมรวรรณประสบความสำเร็จอย่างมาก จนถึงปัจจุบัน
การดูแลและการจัดการภายในฟาร์มนกกระจอกเทศ
โรงเรือนของนกกระจอกเทศ ควรเป็นพื้นที่กว้างเปิดโล่ง เพื่อให้นกกระจอกเทศได้มีพื้นที่เดินเล่น ภายในโรงเรือนอากาศต้องถ่ายเทได้สะดวก พื้นโรงเรือนควรเป็นพื้นดินทราย เพราะนกกระจอกเทศเป็นสัตว์ที่มีต้นกำเนิดจากแอฟริกา นิ้วเท้าและเล็บของนกกระจอกเทศเวลาเดินหรือยืนจะจิกลงไปในดินทรายได้อย่างดี หากเป็นพื้นปูนอาจจะทำให้ขาของนกกระจอกเทศผิดรูปได้
ภายในโรงเรือนต้องมีรั้วปิดกั้น ความสูงประมาณ 1.50-2.00 เมตร โดยใช้ลวดที่ไม่มีหนามแหลมคม เพราะจะทำให้นกกระจอกเทศได้รับอันตรายได้ อาจใช้เป็นตาข่ายถักหรือลวดกั้นเป็นช่วงๆ ก็ได้ เพราะปกตินกกระจอกเทศจะไม่บินหนีอยู่แล้ว การจะใช้วัสดุอะไรจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของนกกระจอกเทศและทุนทรัพย์ของผู้เลี้ยงด้วย และมีหลังคาเพื่อให้นกกระจอกเทศได้ใช้หลบแดดและฝน
แม่พันธุ์บางตัวสามารถออกไข่ได้ถึง 80-100 ฟองต่อปี เนื่องจากการเลี้ยงระบบฟาร์ม ทางฟาร์มจะนำไข่มาฟักเอง ทำให้แม่พันธุ์มีเวลาในการที่จะออกไข่เพิ่มขึ้น และทางฟาร์มจะมีช่วงที่หยุดให้แม่พันธุ์ออกไข่ เพื่อบำรุงสุขภาพให้แข็งแรงและขนสวย
เมื่อแม่พันธุ์ออกไข่ทางฟาร์มจะเก็บไข่มา 3-4 วัน พักไข่ไว้ก่อน จากนั้นจึงสามารถนำไข่เข้าตู้ฟักได้ ไข่จะอยู่ในตู้ฟักเป็นเวลา 42 วัน วันที่ 41 เปลือกจะเริ่มร้าวพร้อมที่จะออกจากไข่แล้ว หากฟองไหนยังไม่มีรอยร้าว ก็สามารถนำค้อนไปเคาะเบาๆ เพื่อให้เกิดรอยร้าว วันที่ 42 ลูกนกจะเจาะเปลือกออกมาเอง
เมื่อครบ 42 วัน ออกจากตู้ฟัก จะถูกย้ายไปในตู้อนุบาลเพื่อกกให้ความอบอุ่นอีก 2 วัน ในวันที่ 3 ก็สามารถปล่อยลงดินได้แล้ว การปล่อยลงดินลูกนกจำเป็นต้องมีพี่เลี้ยงคอยสอนวิธีการหากิน โดยทางฟาร์มจะมีพี่เลี้ยงเป็นลูกไก่ ลูกไก่ 1 ตัว ต่อการเป็นพี่เลี้ยงลูกนก 5 ตัว อาหารที่ให้จะเป็นอาหารลูกไก่แช่น้ำ เพื่อให้อาหารนิ่มลง ลูกนกสามารถกินได้ง่ายขึ้น
ในช่วง 7 วันแรก ลูกนกจะกินอาหารไม่เก่ง จำเป็นต้องใส่ใจและคอยสังเกต และทางฟาร์มจะให้วัคซีนครั้งแรกเมื่อลูกนกอายุครบ 1 สัปดาห์ และการให้วัคซีนในครั้งต่อไป ก็จะมีตามลำดับช่วงวัยที่ควรได้รับ เมื่อลูกนกอายุครบ 2 เดือน จะให้อาหารเสริมเป็น ผัก ผลไม้ หญ้าอ่อนปลอดสารพิษ และเมื่อครบ 4 เดือน จะให้อาหารหลักเป็นรำผสมกับอาหารไก่ และเสริมด้วย ผัก ผลไม้ หญ้าอ่อนปลอดสารพิษ
ทางฟาร์มจะมีการถ่ายพยาธิให้นกกระจอกเทศทุกตัว ในทุกๆ 4 เดือน การถ่ายพยาธิมีข้อดี นอกจากสุขภาพของนกกระจอกเทศแล้ว ยังทำให้นกกระจอกเทศโตไวขึ้น และมีขนที่สวย นกกระจอกเทศเป็นนกขนาดใหญ่ก็จริง แต่กินไม่เยอะ ถ้าเปรียบเทียบก็คือ นกเล็ก กินอาหารวันละ 1 กิโลกรัม คือ เช้าครึ่งกิโลกรัม-เย็นครึ่งกิโลกรัม นกโต นกพ่อแม่พันธุ์ กินอาหาร ตัวละ 1 กิโลกรัมต่อมื้อ เช้า-เย็น
ปัจจุบันทางฟาร์มมีนกกระจอกเทศทั้งหมด 3 สายพันธุ์
- นกกระจอกเทศพันธุ์คอแดง จุดเด่นคือ ตัวใหญ่ที่สุด แต่ให้ไข่น้อยที่สุด
- นกกระจอกเทศพันธุ์คอน้ำเงิน จุดเด่นคือ ให้ทั้งไข่และเนื้อที่เหมาะสม สามารถออกไข่ได้ 60-80 ฟองต่อปี
- นกกระจอกเทศพันธุ์คอดำ จุดเด่นคือ มีความคล้ายไก่ไข่ เพราะสามารถออกไข่ได้ถึง 100 ฟองต่อปี
คุณอมรวรรณ กล่าวว่า ตลาดนกกระจอกเทศมีความหลากหลายมาก ได้ทั้งตลาดเนื้อ ตลาดสัตว์เลี้ยงสวยงาม ตลาดแปรรูป นกกระจอกเทศเป็นสัตว์ที่โตไว อายุยืน ปัจจุบันในฟาร์มแม่พันธุ์อายุ 25 ปี ก็ยังสามารถออกไข่ได้อยู่ เป็นสัตว์เศรษฐกิจโดยแท้จริง เพราะทั้งตัวของนกกระจอกเทศสามารถสร้างรายได้ได้
สำหรับเกษตรกรมือใหม่หรือผู้สนใจอยากให้ลองศึกษาหรือเข้ามาศึกษากับทางฟาร์มก็ยินดี ไม่จำเป็นต้องซื้อก็ได้ เพียงแค่อยากได้ความรู้จริงๆ ทางฟาร์มก็ยินดีแนะนำ การเลี้ยงนกกระจอกเทศควรระวังมากที่สุดคือ ช่วง 4 เดือนแรก หากพ้นจากนี้ก็ว่าปลอดภัยแล้ว
“สมัยนี้ถือว่าเป็นยุคใหม่ ที่ตลาดมีความหลากหลายและเข้าถึงทุกตลาดได้ง่ายขึ้น ผ่านสื่อออนไลน์ อยากให้หันมาลองเลี้ยง สัตว์เศรษฐกิจอย่างนกกระจอกเทศ ปัจจุบันทางฟาร์ม ไม่เพียงแต่ตีตลาดหลากหลายในประเทศ แต่ตีตลาดต่างประเทศ ส่งออกอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ลาว-เวียดนาม-ออสเตรีย เป็นต้น”
สำหรับท่านใดที่สนใจ ลูกนกกระจอกเทศ พ่อแม่พันธุ์นกกระจอกเทศ ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณอมรวรรณ จตุเทน หรือ คุณโบวี่ อายุ 27 ปี อาศัยอยู่ที่ โบวี่ ฟาร์มนกกระจอกเทศ บ้านชัยมงคล ตำบลเก่างิ้ว อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น 40120 โทร. 091-370-5400 หรือติดตามความเคลื่อนไหวได้ทางเฟซบุ๊ก Bowie Ostrich Farm โบวี่ฟาร์มนกกระจอกเทศ ฟาร์มนกกระจอกเทศ โทร. 091-370-5400
…………..
เผยแพร่ในระบบออนไลน์เป็นครั้งแรก เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ.2565
ความเห็น 0