เรื่องที่เป็นกระแสร้อนแรงในสัปดาห์นี้คงหนีไม่พ้นเรื่องของ “เตามหาเศรษฐี” ที่ได้รับการรับรองสรรพคุณโดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน ว่า เป็นเตาอั้งโล่ที่ถูกพัฒนาปรับปรุงรูปทรง โดยใช้หลักวิชาการ มีรูปร่างเพรียว สวยงาม และ “ประหยัดพลังงาน” โดยแนะให้ใช้แทนในช่วงนี้ที่ราคาก๊าซหุงต้มปรับตัวสูง
อย่างไรก็ตาม หลายคนต่างตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพของเตามหาเศรษฐีนี้ว่า สามารถประหยัดได้จริงหรือไม่ และก็มีหลายคนที่ออกมาเสนอวิธีการประหยัดการใช้ก๊าซและพลังงาน
ดราม่า ! เตาซุปเปอร์อั้งโล่ ช่วยประหยัดจริงหรือไม่
เปิดวิวัฒนาการเตาถ่าน หลังกระทรวงพลังงาน ชวนใช้ เตามหาเศรษฐี
ใช้ "เตามหาเศรษฐี" (เตาอั้งโล่) ช่วยประหยัดพลังงานในยุคที่ก๊าซหุงต้มแพง
หนึ่งในนั้นคือ ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก ‘อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์’ ว่า “แนะนำ ‘หัวเตาแก๊สอินฟราเรด’ นวัตกรรมประหยัดแก๊ส (และวิธีต่าง ๆ ในการประหยัดแก๊สหุงต้ม)”
ฝนถล่มคืนนี้ เตือน 53 จังหวัดทั่วไทยรับมือ กทม.โดนแน่ 60%
ไร้ข้อสรุป เคาะเงินโรงกลั่นน้ำมันเอกชน หนุนให้กองทุนน้ำมันฯ
โดย ดร.เจษฎา ระบุว่า “ช่วงนี้กระแสเรื่องหาทางประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน กำลังเป็นประเด็นใหญ่ จากค่าใช้จ่ายด้านนี้ที่พุ่งสูงขึ้นทุกอย่าง ไม่ว่าจะค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน (โดยเฉพาะกลุ่มเบนซิน) ไปจนถึงค่าก๊าซหุงต้ม (ที่ขึ้นราคาต่อเนื่อง 1 บาทต่อ 1 กิโลกรัม ต่อเดือน จนทำให้ตอนนี้ราคาแก๊สถัง 15 กิโล มาอยู่ที่ 363 บาท และจะเป็น 408 บาทในเดือนกันยายนนี้)
“ถ้าไม่มีครัวที่อยู่กลางแจ้ง จะหนีจากที่ใช้แก๊สหุงต้มในการประกอบอาหาร ไปใช้เตาถ่าน ‘เตามหาเศรษฐี’ ก็ไม่สะดวกอีก เพราะต้องมากังวลเรื่องฝุ่นควันเรื่องก๊าซพิษที่เกิดขึ้น (ถึงจะเคลมว่าไม่มี ก็ดูไม่ค่อยน่ามั่นใจตามด้วยนะ) ใช้งานก็ไม่ค่อยสะดวก ติดไฟก็ไม่เร็วเท่าเตาแก๊ส แถมราคาถ่าน ก็ขึ้นตามมาอีก (ตอนนี้ราคาถุงละ 35 บาท จากเดิมถุงละ 30 บาท)
“ผมเลยไปลองค้นดูว่า จะพอมี ‘นวัตกรรม’ อะไรที่ช่วยให้เราใช้แก๊สหุงต้มได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น
“ก็มาพบเรื่อง ‘หัวเตาแก๊สอินฟราเรด’ นี่แหละครับ น่าสนใจดี เนื่องจากหัวเตาแก๊สแบบอินฟราเรดใช้ก๊าซน้อยกว่าหัวแบบทองเหลืองได้กว่า 40% เลยทีเดียว (บางท่านอาจจะบอกว่า มันไม่ใช่เรื่องใหม่ … ก็ไม่น่าเป็นไรมั้ง ขนาดเตามหาเศรษฐี มีมาเป็น 10 ปีแล้ว (ในชื่อ เตาซุปเปอร์อั้งโล่) ยังปัดฝุ่นเอามาโปรโมตได้เลย ฮะ ๆ)”
ดร.เจษฎาบอกว่า ถ้าเทียบ หัวเตาแก๊สแบบอินฟราเรด เตาแก๊สแบบธรรมดา มีความต่างกันดังนี้
หัวเตาแก๊สอินฟราเรดจะมีลักษณะเป็นรูพรุน ผลิตจากแผ่นเซรามิกทนความร้อน สามารถทนความร้อนได้ในระดับดี มีขนาดของหัวเตาให้เลือกตั้งแต่ 5 นิ้ว, 6 นิ้ว และ 7 นิ้ว
เตาแก๊สอินฟราเรดจะมีการทำงานแบบซึมแก๊ส โดยแก๊สจะถูกกักเก็บในหัวเตาก่อน แล้วค่อย ๆ ปล่อยแก๊สออกมาตามรูพรุนมากมาย เปลวไฟของเตาแก๊สอินฟราเรดจึงต่ำหรือไม่มีเปลวไฟ ไม่เหมือนกับเตาแก๊สธรรมดา แต่ให้พลังงานความร้อนได้สูง
ซึ่งด้วยลักษณะการทำงานแบบซึมแก๊สนี้เอง ทำให้เตาแก๊สอินฟราเรดประหยัดแก๊สถึง 40% เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม เตาแก๊สอินฟราเดรก็มีข้อเสีย เพราะด้วยลักษณะที่เป็นรูพรุนและวัสดุทำจากเซรามิก ซึ่งมีลักษณะเปราะ ทำให้อายุการใช้งานจะสั้นกว่าหัวเตาแก๊สแบบธรรมดา โดยอายุการใช้งานปกติเฉลี่ยอยู่ที่ 2-3 ปี ในกรณีที่ใช้เป็นประจำ แต่สามารถซื้ออะไหล่มาเปลี่ยนได้
ส่วนหัวเตาแก๊สแบบธรรมดา จะทำจากเหล็กหรือทองเหลือง สามารถสื่อความร้อนได้ดี ปรับระดับความร้อนได้หลากหลาย และทนความร้อนสูงจึงทำให้อายุการใช้งานนานกว่า ปริมาณความร้อนจะมีมากกว่า เนื่องจากมีลักษณะการทำงานแบบพ่นแก๊สโดยตรง เปลวไฟพุ่งขึ้นสูงจากหัวเตา ไม่มีการกักแก๊สไว้เหมือนเตาอินฟราเรด
แต่การทำงานแบบพ่นแก๊สโดยตรง ทำให้ใช้ปริมาณแก๊สมากกว่า และยังอาจทำให้เกิดการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ได้ อาจทำให้ก้นหม้อหรือกระทะที่ใช้ดำได้
นอกจากนี้ ดร.เจษฎายังแนะนำ “เคล็ดลับการประหยัดก๊าซ” ที่ทุกบ้านสามารถทำได้ง่าย ๆ
- ภาชนะที่ใช้ปรุงอาหารจะต้องสะอาดไม่มีรอยไหม้ดำ กาต้มน้ำไม่ควรมีตะกรันเกาะจับอยู่เพราะจะทำให้อาหารสุกช้าหรือเดือดช้า
- ไม่ควรตั้งเตาหุงต้มในที่มีลมพัดแรง หรือไม่ใช้พัดลมเป่าเข้าเตาเพราะเปลวไฟจะไม่สัมผัสกับภาชนะ และเกิดการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ
- ภาชนะที่ใช้ในการหุงต้มควรใช้ภาชนะก้นแบนที่มีขนาดพอเหมาะ โดยไม่ควรให้เปลวไฟพ้นออกจากก้นภาชนะ
- การประกอบอาหาร ควรใช้ภาชนะที่มีขนาดเหมาะสมกับปริมาณอาหาร เพราะถ้าภาชนะใหญ่เกินไป ก็จะทำให้สิ้นเปลืองก๊าซมากขึ้นในการทำให้ภาชนะร้อน
- ควรเตรียมอาหารทุกอย่างให้เสร็จก่อน แล้วจึงค่อยปรุงอาหารทีละอย่าง เพราะจะทำให้ความร้อนไม่สูญเสียไปขณะที่ต้องหยุดเตรียมอาหาร
- กาต้มน้ำที่ใช้ ควรทำความสะอาดไม่ให้มีตะกรันจับ เพราะจะกลายเป็นฉนวนกันความร้อน ทำให้น้ำเดือดช้า และสิ้นเปลืองก๊าซมากขึ้น
- ไม่เปิดเตาก๊าซทิ้งไว้ระหว่างเตรียมอาหาร
- เมื่อใช้เตาก๊าซ สังเกตว่าเปลวไฟมีสีน้ำเงิน ซึ่งจะเป็นระดับที่ส่วนผสมของก๊าซพอดีกับอากาศ ทำให้เกิดการเผาไหม้ที่สมบูรณ์และให้ความร้อนสูงสุด
- เลือกขนาดหัวเตาให้เหมาะกับภาชนะ เพราะหากใช้กระทะใบเล็กแต่ใช้หัวเตาขนาดใหญ่ จะทำให้สิ้นเปลืองก๊าซโดยไม่จำเป็น
- หมั่นทำความสะอาดหัวเตา เพราะหากอุดตันจะทำให้ก๊าซไม่สามารถออกมาได้
- หันไปใช้เตาแก๊สหัวอินฟราเรด เนื่องจากหัวอินฟราเรดใช้ก๊าซน้อยกว่าหัวทองเหลืองกว่า 40%
ดร.เจษฎา ยังเทียบค่าใช้จ่ายการใช้เตาแบบต่าง ๆ ซึ่งจากข้อมูลที่มีพบว่า “ค่าใช้จ่ายไม่ค่อยต่างกัน”
โดยในส่วนของเตาแก๊สนั้น ในปี 2565 รัฐเริ่มปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มแบบขั้นบันได โดยถังขนาด 15 กิโลกรัมราคา 363 บาท ครัวเรือนทั่วไปที่ใช้งานไม่เยอะ จะใช้ประมาณ 1-2 ถังต่อปี ขึ้นกับความถี่ในการใช้งาน ตกเฉลี่ยวันละ 1-2 บาทเท่านั้น
ส่วนเตาไฟฟ้า หากเป็นเตาแผ่นความร้อนหรือเตาเซรามิก จะค่อนข้างกินไฟพอสมควร ทำให้ค่าใช้จ่ายค่าไฟฟ้าค่อนข้างสูงกว่าเตาแม่เหล็กและเตาแก๊สมาก
และเตาแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นเตาไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพที่สูงมาก เตาแม่เหล็กไฟฟ้าที่ได้รับฉลากเบอร์ 5 จะกินไฟเพียง 5-7 บาทต่อชั่วโมงต่อหัวเตาเท่านั้น
ทั้งนี้ ในช่วง พ.ค. 2565 การไฟฟ้ามีการปรับค่า FT ขึ้น 23.38 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าขึ้นไปแตะหน่วยละ 4 บาท หากนำมาคำนวณการใช้งานแล้ว ก็จะไม่ต่างอะไรกับเตาแก๊สมากมายนัก แต่ยังมีต้นทุนภาชนะสำหรับเตาแม่เหล็กไฟฟ้าเฉพาะ เพิ่มเติมมาอีกส่วนหนึ่งด้วย
"เราเที่ยวด้วยกัน” เฟส 4 ขยายสิทธิ 1.5 ล้านสิทธิ สิ้นสุดต.ค.65
วัคซีนป้องกัน "ไข้เลือดออก" ฉีดได้ทุกวัย ช่วยลดเสี่ยงป่วยอาการรุนแรง