โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

กสทช.เคาะปรับวันละ 1 ล้านบาท หากค่ายมือถือลงทะเบียนซิมไม่ถูกต้อง หวังแก้ปัญหาแก๊ง Call Center

การเงินธนาคาร

อัพเดต 07 ก.ค. 2565 เวลา 03.39 น. • เผยแพร่ 07 ก.ค. 2565 เวลา 03.39 น.

คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีการประชุมร่วมกันและได้มีมติให้ทางสำนักงาน กสทช.กวดขันผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกรายปฏิบัติตามประกาศเรื่องการลงทะเบียนและจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้บริการ ซึ่งหากใช้บัตรประชาชนใบเดียวลงทะเบียนซิมเป็นจำนวนมากกว่า 5 เลขหมายจะต้องแสดงตนที่ศูนย์บริการเพื่อป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพนำซิมไปใช้ในการหลอกลวงประชาชนให้เกิดความเดือดร้อนและก่อให้เกิดความเสียหายเสียทรัพย์

ก่อนหน้านี้ สำนักงาน กสทช. ได้จัดประชุมและมีหนังสือกำชับให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ปฏิบัติตามกฎระเบียบเกี่ยวกับการลงทะเบียนซิมการ์ดเป็นระยะ ต่อมาเมื่อวันที่ 16 มิ.ย.65 สำนักงาน กสทช ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบการลงทะเบียนซิมการ์ดผ่านตัวแทนจำหน่าย (ลูกตู้) พบว่าผู้ให้บริการไม่ได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามประกาศ โดยพบกรณีที่ผู้ใช้บริการ 1 รายสามารถลงทะเบียนเปิดใช้ซิมการ์ดกับตัวแทนจำหน่ายได้มากกว่า 5 เลขหมายเป็นจำนวนสูงมาก จึงได้แจ้งให้ผู้ประกอบการดำเนินการแก้ไขให้เรียบร้อยโดยเร็ว

ดังนั้น วานนนี้สำนักงาน กสทช.จึงได้รายงานข้อเท็จจริงให้บอร์ด กสทช.รับทราบเพื่อกำหนดมาตรการทางปกครอง หากผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ภายใน 30 วันนับจากวันที่เริ่มเข้าสู่กระบวนการที่จะดำเนินการทางปกครอง

ในเบื้องต้น บอร์ด กสทช. ได้พิจารณาโมเดลการคำนวณค่าปรับทางปกครอง ครอบคลุมถึงกรณีความของความผิด ขนาดของปัญหา และกรณีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหรือคำสั่งเกี่ยวกับการอนุญาตและการกำกับดูแลที่มีผลกระทบต่อประโยชน์สาธารณะและได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่าอัตราค่าปรับน่าจะอยู่ที่ประมาณไม่ต่ำกว่าวันละ 1 ล้านบาท

ในบ่ายวันเดียวกันได้มีการประชุมนัดแรกของคณะทำงานพหุภาคีเพื่อแก้ไขปัญหาแก๊งโทรศัพท์ (Call Center) และข้อความสั้น (SMS) หลอกลวง ซึ่งประกอบไปด้วย 11 หน่วยงาน ได้แก่ กสทช. ผู้แทนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ก.ดีอีเอส) ผู้แทนคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผู้แทนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท). ผู้แทนประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่ทั้ง 4 ราย (AIS TRUE DTAC และ NT) ผู้แทนสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และผู้แทนสภาองค์กรของผู้บริโภค

ที่ประชุมโดยประธานคณะทำงาน นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ที่ปรึกษาประธาน กสทช. ได้เสนอให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่ 1 (ไม่มีโครงข่ายเป็นของตัวเอง) และแบบที่ 3 (มีโครงข่ายเป็นของตนเอง) หาวิธีการเพิ่มเครื่องหมาย + นำหน้าทุกสายที่มีโทรมาจากต่างประเทศ และเสนอให้เพิ่มช่องทาง USSD ให้ประชาชนสามารถเลือกไม่รับสายโทรเข้าจากต่างประเทศตามความสมัครใจ

ขณะเดียวกัน ทางตัวแทนจากสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทยฯยังได้เสนอจะพัฒนาแอพพลิเคชั่นในการตรวจสอบและสกรีนเบอร์ที่มีแนวโน้มจะเป็นเบอร์มิจฉาชีพ ในลักษณะเดียวกับ Whoscall เพื่อป้องกันเบอร์ที่น่าสงสัยโทรเข้ามารบกวน โดยจะพัฒนาจากแอพพลิเคชั่น "กันกวน"เดิมของ กสทช. และจะเป็นการทำงานร่วมกันของผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม

นอกจากนี้ ผู้ประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในที่ประชุม ยังเสนอให้ กสทช. เป็นหน่วยงานกลางในการรับลงทะเบียน Sender’s Name สำหรับ SMS เหมือนกับประเทศสิงคโปร์ที่มีหน่วยงานกำกับดูแลเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ จะได้ไม่มีการใช้ ชื่อผู้ส่งปลอมมาหลอกลวงผู้รับ

สำหรับการสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนเพื่อให้เกิดความระมัดระวังตัวจากกลโกงของมิจฉาชีพ ที่ประชุมเสนอให้มีสำนักงาน กสทช.จัดให้มีการแถลงข่าว หรือออกเป็นข่าวสื่อมวลชนเพื่อให้ข้อมูลกับประชาชนให้รู้เท่าทันกับกลโกงของมิจฉาชีพที่อัพเดตอยู่ตลอดเวลา และให้มีการจัดทำฐานข้อมูลเรื่องร้องเรียนที่ประชาชนแจ้งเบาะแสเข้ามา เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อแก้ไขปัญหา

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0