โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

อนุทิน ถกบอร์ดแก้หนี้นอกระบบนัดแรก อนุมัติ 3 มาตรการ ย้ำ เข้มงวดใช้กฎหมาย

Khaosod

อัพเดต 18 ธ.ค. 2566 เวลา 07.38 น. • เผยแพร่ 18 ธ.ค. 2566 เวลา 06.26 น.
หนูแก้หนี้
อนุทิน ถกบอร์ดแก้หนี้นอกระบบนัดแรก อนุมัติ 3 มาตรการ ย้ำ เข้มงวดใช้กฎหมาย

"อนุทิน" นั่งหัวโต๊ะ ถกบอร์ดแก้หนี้นอกระบบ นัดแรก ย้ำ 3 มาตรการ ไกล่เกลี่ย-บังคับใช้กฎหมาย -ช่วยเหลือทางการเงิน ขอทุกหน่วยงานดำเนินการรวดเร็ว

เมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 18 ธ.ค. 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกำกับการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ครั้งที่ 1/2566

โดยมีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พล.ต.ท.อัครเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม

นายอนุทิน กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นการประชุมนัดแรกหลังนายกฯ มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการฯ ต่อไปนี้จะต้องร่วมกันศึกษา วิเคราะห์ และจัดทำข้อเสนอแนะการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ เพื่อนำไปสู่การบรรเทาผลกระทบให้ลูกหนี้ ซึ่งต้องแบกรับภาระไม่ว่าจะเป็นการกู้เงินโดยถูกเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตรา การถูกข่มขู่โดยใช้ความรุนแรงต่อไป

รองนายกฯ แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงขั้นตอนดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ตามแนวนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ซึ่งจะเป็นการบูรณาการการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน 3 ขั้นตอน ประกอบด้วย

ขั้นตอนแรก การลงทะเบียน ดำเนินการระหว่างวันที่ 1 ธ.ค.66 - 29 ก.พ.67 มีกระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลัก และมีหน่วยงานอื่นเสริม คือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี โดยทั้งหมดเชื่อมโยงข้อมูลกัน โดยประชาชนได้รับหมายเลขอ้างอิง (Reference Number) เพื่อใช้ติดตามความคืบหน้าทางเว็บไซต์ภาครัฐได้ตลอด

ขั้นตอนที่ 2 ดำเนินการไกล่เกลี่ยและติดตามผล และขั้นตอนที่ 3 การกำหนดระยะเวลาดำเนินการ เป้าหมาย และตัวชี้วัดที่ต้องชัดเจน

นายอนุทิน กล่าวว่า คณะกรรมการชุดนี้ มีภารกิจหน้าที่ครบทุกมิติ ทั้งในด้านการไกล่เกลี่ย การบังคับใช้กฎหมาย การรักษาความสงบ และการแก้ไขปัญหา โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้าร่วมครบทุกหน่วย และจะมีการกำหนดไทม์ไลน์และตัวชี้วัดชัดเจน รวมถึงตั้งคณะอนุกรรมการชุดที่ปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน ขึ้นมาขับเคลื่อนและติดตามการทำงาน

"ท่านนายกฯ ได้ให้นโยบายในวันที่คิกออฟโครงการว่า ขอให้ดำเนินเรื่องนี้ด้วยความรวดเร็ว เด็ดขาด เข้มงวดในการใช้กฎหมาย มีการตั้ง KPI ในการดำเนินงาน ขอให้ทุกท่านซึ่งเป็นหัวหน้าส่วนงานสั่งการผู้รับผิดชอบในการดำเนินการอย่างรวดเร็วต่อไป" นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติดังนี้ เห็นชอบการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งมีปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานอนุกรรมการ และผู้แทนหน่วยงานเกี่ยวข้องเป็นอนุกรรมการ โดยชุดนี้จะมีอำนาจหน้าที่ในการติดตามผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

กำหนดมาตรการช่วยเหลือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเสนอคณะกรรมการชุดใหญ่ เชิญหน้าหน้าที่รัฐหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง ให้ความเห็น หรือข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

เห็นชอบมาตรการในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ 3 ด้าน ประกอบด้วย 1.ด้านการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ โดยมีกรมการปครองเป็นเจ้าภาพหลัก และมีสำนักงานอัยการสูงสุดร่วมสนับสนุน โดยนับแต่เริ่มปิดลงทะเบียนจนถึง 18 ธ.ค. 66 (เวลา 11.30 น.) ปรากฏว่ามีลูกหนี้มาลงทะเบียนแล้ว 99,484 ราย คิดเป็นมูลหนี้ 5,926 ล้านบาท

โดยในระหว่างการลงทะเบียนดังกล่าว ก็มีการเชิญเจ้าหนี้-ลูกหนี้มาไกล่เกลี่ย โดยใช้กลไกของฝ่ายปกครอง บูรณาการร่วมกับตำรวจ และพนักงานอัยการ โดยทางเจ้าหนี้-ลูกหนี้สามารถไกล่เกลี่ยกันได้ก็จะมีการทำบันทึกประนีประนอมไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งขณะนี้ดำเนินการไปแล้ว 20 ราย

2.ด้านการบังคับใช้กฎหมาย มีสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหน่วยงานรับผิดชอบ โดยบูรณาการร่วมกับพนักงานฝ่ายปกครอง เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และมีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นผู้ช่วยเหลือ ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินคดีกับเจ้าหนี้ที่มีพฤติการณ์ใช้กำลังประทุษร้ายลูกหนี้ไปแล้วบางส่วน รวมทั้งเรียกเจ้าหนี้มาทำความเข้าใจนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอีกด้วย

3.ด้านการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน จะมีกระทรวงการคลังเป็นเจ้าภาพ ร่วมกับสถาบันทางการเงินของรัฐในการปล่อยวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เงื่อนไขน้อยและอาจมีระยะเวลาปลอดการชำระคืนเงินต้น และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องจะได้เข้ามาช่วยเหลือลูกหนี้ตามสาเหตุแห่งการเป็นหนี้ ตามอำนาจหน้าที่ของหน่วยงาน เช่น กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทยให้การสนับสนุนด้านการหาอาชีพเสริม สนับสนุนปัจจัยการผลิต

นายอนุทิน กล่าวว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบตัวชี้วัดการดำเนินการทั้ง 3 ด้าน ประกอบด้วย ตัวชี้วัดการไกล่เกลี่ยของกรมการปกครอง กำหนดการเจรจาไกล่เกลี่ยได้อย่างน้อยร้อยละ 80 ของลูกหนี้ในระบบและเจ้าหนี้ตามฐานข้อมูล โดยสามารถตกลงกันได้ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 50

ด้านการบังคับใช้กฎหมาย โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สามารถดำเนินคดีได้ทั้งหมดร้อยละ 70 ของเรื่องรับดำเนินการ ระยะเวลาดำเนินการ หากเป็นสำนวนไม่ยุ่งยากดำเนินการเสร็จใน 3 เดือน กรณีมีความซับซ้อนไม่เกิน 3 เดือน

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ส่วนของด้านการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน โดย สศค. ซึ่งจะต้องได้รับการให้สินเชื่อโดยธนาคารออมสิน และธ.ก.ส. มีเป้าหมายผู้ได้รับความช่วยเหลือที่ร้อยละ 70 ของผู้ลงทะเบียน โดยการปล่อยวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำธนาคารรัฐมีเงื่อนไขน้อย

โดยกำหนดให้รายละไม่เกิน 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ยน้อยกว่าที่ลูกหนี้เคยเสีย ร้อยละ 2 บาทต่อวัน หรือร้อยละ 10 ต่อเดือน หรือร้อยละ 20 ต่อเดือนก็มี ซึ่งหากไกล่เกลี่ยลงตัวแล้วเจ้าหนี้จะได้เงินคืนอย่างแน่นอน โดยอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ ร้อยละ 0.75-1.5 ต่อเดือน ขึ้นอยู่แต่ละเงื่อนไข

นายอนุทิน กล่าวว่า ทั้งนี้ หากลูกหนี้มีหลักประกัน มีความน่าเชื่อถือ มีงานทำมีรายได้แน่นอน อัตราดอกเบี้ยก็จะอยู่ในระหว่างที่กำหนด พร้อมกับระบุว่าเรื่องอัตราดอกเบี้ยนี้ไม่ต้องถามกันแล้วว่าแฟร์หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ลูกหนี้ก็เคยจ่ายร้อยละ 2 บาทต่อวัน รับได้หรือไม่ได้

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า เพราะร้อยละ 2 บาทต่อวันก็เคยรับมาแล้ว หรือร้อยละ 60 ต่อเดือนก็รับมาแล้ว ปีหนึ่งๆ เท่ากับเสียอัตราดอกเบี้ย 720% ต่อปีก็รับมาแล้ว ซึ่งวันนี้เราจะทำให้เหลืออยู่ไม่เกิน ร้อยละ 1.5 ต่อเดือน

"นี่คือการช่วยเหลือในการแก้หนี้ของรัฐบาลที่ต้องการแก้ไขปัญหาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งนอกจากใช้กลไก นอกจากจะสนับสนุนเรื่องของสินเชื่อ ดอกเบี้ย ยังใช้กลไกของรัฐอย่างกระทรวงแรงงาน และกระทรวงมหาดไทย เข้ามาพัฒนาอาชีพ หารายได้ เพื่อสนับสนุนปัจจัยการผลิตต่อไป" นายอนุทิน กล่าว

0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0