รู้ไหมว่า..อุปสรรคในการออมที่สำคัญก็คือตัวเราเอง ที่ไม่ยอมเริ่มต้น โทษโน่น โทษนี่ สุดท้ายก็ไม่มีเงินเก็บ ไม่มีเงินก้อน เพราะฉะนั้นถ้าอยากเริ่มต้นเก็บเงินให้ได้เป็นกอบเป็นกำ ก็ต้องเริ่มจากตัวเอง ตัดทิ้งพฤติกรรมเน่า ๆ เหล่านี้ออกซะ จะได้มีเงินเก็บกับเค้าซักที
คนประเภทที่คิดว่าตัวเองไม่มีเงิน ไม่ทางเก็บเงินได้มีอยู่ทั่วทุกหัวระแหง แล้วก็ได้แต่บ่นว่าเศรษฐกิจไม่ดี ทำงานหาเช้ากินค่ำ ไม่พอกินจะเอาที่ไหนมาเก็บ มีหนี้อีกสารพัด ก่อนอื่นสิ่งที่ต้องเปลี่ยนก็คือทัศนคติ ต่อให้รายรับน้อยแค่ไหน ก็ไปสู่ฝั่งฝันได้ถ้าเริ่มต้นนับหนึ่ง การเอาแต่โทษโน่น โทษนี่ไม่ทำให้เรามีเงินก้อนได้ การเริ่มต้นเก็บต่างหากที่จะทำให้เงินค่อย ๆ พอกพูนได้
เพราะฉะนั้นเลิกบ่น ! จากนั้นก็เปลี่ยนความคิด เก็บน้อยไม่เป็นไร ขอแค่ต้องเริ่ม..มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาทฉันใด เก็บน้อย ๆ ก็กลายเป็นเงินก้อนใหญ่ได้ฉันนั้น ความคิดที่ว่าจะใช้ไปวัน ๆ ยังไม่มี จะเอาที่ไหนมาเก็บ โยนทิ้งไปซะ แค่เริ่ม ! ก็มีเงินเก็บได้ อย่าลืม
ไม่ผิดที่คนเราจะจับจ่ายใช้สอยของดี ๆ เพื่อเติมเต็มให้กับชีวิต แต่อย่าลืมของบางอย่าง บางทีมันก็ไม่ใช่ความจำเป็น แต่เป็นความต้องการที่โอเวอร์เกินเหตุของเราเอง ทางที่ดีคือต้องคิดแล้ว คิดอีกว่าสิ่ง ๆ นั้นเราอยากได้ เพราะมันจำเป็นหรือแค่ต้องการเพียงชั่วครั้งชั่วคราว
อย่าลืมว่าเราไม่มีทางเติมเต็มความต้องการได้ตลอด เพราะโอกาสที่เจ้าความต้องการจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มีสูงเสียเหลือเกิน ดังนั้นต้องคิดให้ดี ให้รอบคอบ อย่าจ่ายเพียงเพราะแค่เราต้องการ แต่ให้จ่ายเพราะมันจำเป็นและมีคุณค่าที่จะจ่าย
จากการเปิดเผยของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พบว่าคนไทยมีหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แถมยังพุ่งติดอันดับ 11 ของโลกอีกต่างหาก แสดงให้เห็นว่าเกือบทุกคนมี ‘หนี้’ เป็นของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น แต่คนส่วนใหญ่มักไม่ค่อยกังวลเรื่องการเป็นหนี้ แถมยังทำตัวเหมือนไม่มีหนี้อีกต่างหาก
จริง ๆ แล้วเราควรใช้ชีวิตทุกอย่างย่างก้าวด้วยการคิดเสมอว่ามี ‘หนี้’ จะได้ไม่สนุกกับการใช้จ่ายมากจนเกินไป เพราะอีกนัยยะหนึ่งของการมีหนี้ก็เพราะบริหารจัดการเงินได้ไม่ดี ทำให้เกิดหนี้ไม่ดีตามมา ดังนั้นถ้ามีหนี้ก็อย่าทำตัวเหมือนไม่มีหนี้ รีบหาทางปลดหนี้ให้เร็วที่สุด แล้วค่อย ๆ เริ่มเก็บออมจะเป็นทางออกที่ดีกว่า
เป้าหมายมีไว้พุ่งชน และยิ่งถ้าอยากมีเงินก้อน มีเงินเก็บ มีธุรกิจเป็นของตัวเอง หรืออะไรใด ๆ ก็ตาม ยิ่งต้องนึกถึงอนาคตและตั้งเป้าหมายไว้ให้ดี คนที่ไม่เคยคิดถึงอนาคตเลยก็ไม่ต่างกับการอยู่ไปวัน ๆ แบบไร้จุดหมาย แต่ชีวิตยังอีกยาวไกล จะอยู่ไปวัน ๆ กินไปวัน ๆ คงไม่ได้ เพราะถ้าไม่วางแผน ไม่มีเงินเก็บ แก่ตัวไปจะเอาเงินที่ไหนใช้ จริงไหม ?
ขั้นตอนแรกช่วยลองวาดภาพคร่าว ๆ ถึงอนาคตของตัวเองเอาไว้บ้าง ถ้าเกิดไม่ตายไปซะก่อน แก่ตัวไปจะอยู่ยังไง กินยังไง เอาเงินที่ไหนมาใช้จ่าย เลี้ยงดูตัวเองและคนข้างกาย แค่คิดก็ขนลุกแล้ว เพราะฉะนั้นคิดถึงอนาคตไว้บ้างเด้อ
ทำงานมันเครียด..ก็ต้องมีสังสรรค์กันบ้าง ถ้านาน ๆ ที อันนี้เข้าใจได้ แต่จะมีบางคนที่สังสรรค์เก่ง ปาร์ตี้เก่งจนกลายเป็นหน้าที่ไปแล้วว่าต้องออก ต้องไป และอย่าลืมนะว่าเดี๋ยวนี้ค่าครองชีพมันสูง ปาร์ตี้แต่ละทีไม่ใช่น้อย ๆ แล้วถ้าถี่จะต้องใช้เงินขนาดไหน คิดดู !
แม้การสังสรรค์จะช่วยให้ผ่อนคลายได้ แต่ไม่จำเป็นต้องบ่อยหรือเสียเงินเยอะ มีอีกร้อยแปดวิธีที่ใช้คลายเครียดได้โดยไม่ต้องเสียเงิน และถ้ารู้ว่าตัวเองไม่ค่อยมีเงินเก็บ แถมมีหนี้พะรุงพะรังอีกต่างหาก ก็จงรีบปิดโหมดช่างสังสรรค์ซะให้ไว
เดี๋ยวนี้แก็ดเจ็ตต่าง ๆ ขยันอัปเดตกันซะเหลือเกิน เดี๋ยวค่ายโน้น เดี๋ยวค่ายนี้ ทยอยออกนวัตกรรมใหม่ ๆ กันตลอดเวลา แถมราคาก็มีแต่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งถ้าเรามัวแต่ตามเทรนด์ โดยไม่ตั้งสติให้ดี แม้แก็ดเจ็ตเหล่านี้จะมีโปรโมชั่นผ่อน 0% ก็ตาม เราก็ไม่มีทางมีเงินเก็บหรือเงินก้อนได้เลย
ทางออกที่ดีที่สุดก็คือเลือกให้เหมาะกับเรามากที่สุด ทั้งในเรื่องของการใช้งาน ประโยชน์ใช้สอย และราคา ลองคิดดูว่าแก็ดเจ็ตที่ราคาสูงลิ่ว แต่เราใช้ประโยชน์จากมันได้นิดเดียว ก็ไม่มีความคุ้มค่าอะไรเลยที่เราจะตามเทรนด์ไปเรื่อย ๆ ของแบบนี้ไม่ได้อยู่ที่ใครใช้ของใหม่กว่า แต่อยู่ที่เราใช้งานได้คุ้มค่าแค่ไหนต่างหาก
ถ้าเริ่มต้นจากการตัดทิ้งพฤติกรรมเหล่านี้ออกไปได้ การเริ่มต้นออมเงินก็จะง่ายขึ้น แต่ยังไงสิ่งที่ต้องทำควบคู่ไปด้วยก็คือการมีวินัยในการออม ต้องเก็บอย่างสม่ำเสมอและวางแผนให้ดี ถึงจะมีเงินก้อนอย่างที่ต้องการ
