'อนุทิน' ยันรักษาโควิด แยกกัก 5 วัน ยึดหลักวิชาการ ผ่านการพิจารณาทุกภาคส่วน ไม่ได้การตัดสินใจของใครคนหนึ่ง เผยปรับปรุงแนวทางรักษาตามสถานการณ์
วันที่ 22 ส.ค.65นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมส.สาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ศบค.เห็นชอบการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิดแบบ 5+5 คือ แยกกักรักษาที่บ้าน 5 วันและสังเกตอาการ 5 วัน ว่า ที่ประชุม ศบค.เป็นมติที่ชอบด้วยกฎหมายและทางปฏิบัติ เพราะมีข้อมูลวิชาการสนับสนุน ผ่านการกลั่นกรองจากมติที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก มีกรรมการวิชาการการแพทย์ ตัวแทนจากกรมควบคุมโรค กรมการแพทย์ กรมต่างๆ จาก สธ.มาแล้ว
ฉะนั้น ทุกอย่างมีหลักตามวิชาการรองรับอยู่ ไม่ได้เป็นการตัดสินใจของ รมว.สาธารณสุข หรืออธิบดีกรมควบคุมโรค หรือใครคนใดคนหนึ่ง แต่เกิดจากการพิจารณาทุกภาคส่วน โดยเฉพาะการแพทย์
"เรื่องนี้ยืนยันว่าใช้ 5+5 วัน ทั้งนี้ แนวทางการรักษาผู้ป่วยโควิดมีการปรับปรุงมาอย่างต่อเนื่องตามสถานการณ์ ความรุนแรงของโรค ความพร้อมของการรักษาพยาบาล ยารักษา การบริหารวัคซีนป้องกัน" นายอนุทินกล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้พบว่ามีบางจังหวัดที่ยังพบการระบาดเป็นระยะ (Small wave) สธ.ก็มีการบริหารผ่านระดับเขตสุขภาพ แต่ยืนยันว่าสถานพยาบาลมีความพร้อมรองรับ เวชภัณฑ์ ยา วัคซีนมีความเพียงพอ จึงขอให้ประชาชนมารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ทั้งเด็กเล็กไปจนถึงผู้สูงอายุ เพราะเราต้องผ่อนคลายสถานการณ์ เราคงจะล็อกดาวน์แบบนั้นไม่ได้แล้ว ต้องเดินหน้าไปเพื่อเศรษฐกิจที่ตอนนี้เริ่มกลับมามีความเข้มแข็งขึ้น นักท่องเที่ยวเข้าประเทศมากขึ้น ใช้ชีวิตแทบเป็นปกติแล้ว ดังนั้น ระบบเศรษฐกิจ การจ้างงานก็ทยอยกลับมา สธ.ก็มีความพร้อมในการควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เกิดความสูญเสีย
เมื่อถามถึงกรณีสหรัฐอเมริกาอนุมัติวัคซีนไฟเซอร์รุ่นสองแล้ว ไทยจะมีการหารืออย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า ขณะนี้เรามีวัคซีนสำหรับเป็นเข็มกระตุ้นอย่างเพียงพอ ทั้งจากการจัดซื้อและรับบริจาค ขอให้ประชาชนมารับเข็มกระตุ้นให้มากที่สุด ตอนนี้เรามีวัคซีนซิโนแวคที่ฉีดในเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไปได้ แต่ตอนนี้ต่างประเทศมีการศึกษาวิจัยในเด็กเล็กตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไปแล้ว เราก็ได้ขอให้ผู้รับอนุญาตนำข้อมูลจากผู้ผลิตมาขึ้นทะเบียนขยายช่วงอายุกับ อย.
เมื่อถามถึงร่าง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. … ที่จะมาใช้ควบคุมสถานการณ์โควิดแทน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นายอนุทินกล่าวว่า ตอนนี้ยังคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่ ส่วน พ.ร.บ.โรคติดต่อ จะเข้ามาควบคุมเรื่องโควิดต่อก็ต้องยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินก่อน ซึ่งเป็นอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ การคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เคยมีคนตีความถึงอำนาจทางกฎหมาย เช่น หากไม่มีการประกาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดไปสั่งปิดสถานบริการ สถานที่ต่างๆ อาจเกิดการฟ้องร้องจากผู้ประกอบการได้ ซึ่งที่ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็เพื่อให้ผู้ว่าฯ มีความมั่นใจในการใช้อำนาจเพื่อควบคุมโรคมากขึ้น
ถามต่อถึงการซื้อยารักษาโควิดในร้านขายยา เริ่มวันที่ 1 ก.ย.นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นการอำนวยความสะดวก แต่สำคัญคือจะต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์ ร้านขายยาถึงจะขายให้ได้ ทั้งนี้ เรื่องของการควบคุมราคากลางของร้านยาไม่เกี่ยวข้องการอำนาจของ สธ. เพราะเมื่อเปิดช่องว่างตรงนี้แล้ว ก็จะเป็นไปตามกลไกราคาของตลาดทั่วไป อยู่ที่ผู้ซื้อและผู้ขาย
หากถามถึงความจำเป็น ถ้าติดเชื้อโควิด แพทย์วินิจฉัยแล้วว่าควรใช้ยาต้านไวรัส รัฐบาลก็พร้อมสนับสนุน แต่ก็ยังมีผู้ต้องการให้ซื้อขายได้ในร้านยา สถานพยาบาล ก็มีการเพิ่มช่องทางขึ้นแต่ไม่ได้มีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องการกำหนดราคา
