โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

HER | โอบกอดความโดดเดี่ยว / เรียนรู้การปล่อยไป - เพจ Kanin The Movie

TALK TODAY

เผยแพร่ 08 ต.ค. 2562 เวลา 17.00 น. • เพจ Kanin The Movie

คุณนิยาม “ความโดดเดี่ยว” เอาไว้อย่างไร? สำหรับเรา ความโดดเดี่ยวมีขอบเขตที่กว้างอยู่ไม่น้อย ทั้งด้วยเหตุผล ปัจจัย และวิธีการรับมือที่แตกต่างกัน แม้เรื่องราวเหล่านั้นจะถูกจำกัดความด้วยคำ ๆ เดียว แต่ทุกคนต่างมีการเผชิญหน้าและเอาชนะในแบบของตัวเองเสมอ (เฉกเช่นเรื่องอื่น ๆ ในชีวิต) ที่เกริ่นมาแบบนี้ก็เพราะว่าความโดดเดี่ยวใน “Her” อาจไม่ใช่ความโดดเดี่ยวของใครทุกคน หากแต่เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่นิยามความอ้างว้างของเราออกมาได้ชัดเจนที่สุด และยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไป อาจจะเพราะนี่ไม่ใช่แค่ภาพยนตร์รักที่ว่าด้วยความเหงาของคนที่เพิ่งเลิกรา หากแต่เป็นเรื่องราวของความสัมพันธ์และชีวิตมนุษย์ในโลกอนาคตอันใกล้ ที่ทุกสิ่งง่ายดายแต่สูญเสียการเชื่อมต่อกันและกันมากขึ้น เพราะเราเองก็รู้สึกแบบนั้นเช่นกัน และแม้ว่าความจริง ณ ตอนนี้จะยังไม่ได้ก้าวไปถึงโลกแบบหนัง การนิยามความโดดเดี่ยวของมันก็เชื่อมต่อกับชีวิตเรามากในระดับที่เพียงพอแล้ว

Her เป็นภาพยนตร์ ดราม่า-โรแมนติก-ไซไฟ จากผู้กำกับ สไปค์ จอนซ์ (และเป็นงานเขียนบทคนเดียวเรื่องแรก) บอกเล่าเรื่องราวในโลกอนาคตอันใกล้ กับชีวิตของ “ธีโอดอร์ ทวอมบลี” ชายที่เพิ่งเลิกรากับภรรยา ทำงานอยู่ในบริษัทรับจ้างเขียนจดหมาย แบกรับความเหงา เศร้า และรู้สึกผิดภายหลังที่ทำให้ความสัมพันธ์ของตนกับคนรักต้องจบลง ธีโอดอร์ใช้ชีวิตตัวคนเดียว หลีกเลี่ยงการปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ เรื่อยมา พอจะมี เอมี่ เพื่อนข้างห้องเพียงคนเดียวที่เขาสามารถพูดคุยเรื่องต่าง ๆ ได้ จนวันหนึ่ง ธีโอดอร์ ได้ตัดสินใจซื้อระบบปฏิบัติการมาอัพเกรดคอมพิวเตอร์ตัวเอง ระบบที่มาพร้อมกับปัญญาประดิษฐ์อัจฉริยะที่สามารถช่วยเหลือและจัดการชีวิตของเขาให้ง่ายขึ้นได้ - เธอมีชื่อว่า “ซาแมนธ่า”

ซาแมนธ่า เข้ามาในชีวิต ธีโอดอร์ อย่างถูกจังหวะ เธอไม่เพียงแต่ช่วยจัดสรรชีวิตของเขาให้เรียบร้อย แต่ยังเป็นเพื่อนคุยที่สามารถสนทนาได้ทุกเรื่อง มากไปกว่านั้น ความอัจฉริยะของเธอยังทำให้เขาได้รับคำแนะนำดี ๆ เสมอ โดยเฉพาะเรื่องของความสัมพันธ์ ซาแมนธ่า รู้ดีว่า ธีโอดอร์ กำลังเผชิญหน้ากับความเหงา เธอจึงพยายามหาคู่เดทให้ เช่นเดียวกับการอยู่ข้างเขาในช่วงเวลาแสนยากอย่างการ “เซ็นใบหย่า” กับ แคทธารีน ภรรยาเก่าของเขา ที่คาราคาซังไม่สิ้นสุดเสียที

: ชีวิตแต่งงานเป็นไงบ้าง?

: ก็ยากแหละ แต่รู้สึกดี..ที่ได้ร่วมชีวิตกับใครสักคน

ธีโอดอร์ เล่าให้ฟังถึงเรื่องของเขากับ แคทธารีน เรื่องความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นอย่างงดงามและจบลงด้วยความไม่เข้าใจ คีย์เวิร์ดสำคัญที่ ธีโอดอร์ เน้นย้ำคือ “การเติบโตกันไปคนละทาง” เขาไม่เคยโทษ แคทธารีน ว่าเป็นเหตุผลที่ทำให้ความสัมพันธ์จบลง หากแต่เป็นเรื่องน่าเสียดายที่คนสองคนก้าวไปข้างหน้าโดยทิ้งระยะห่างจากกันอย่างไม่รู้ตัว ประเด็นดังกล่าวไม่เพียงแต่ปรากฏกับความสัมพันธ์ในอดีตของ ธีโอดอร์ เท่านั้น แต่ยังกลายเป็นใจความสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่าง ธีโอดอร์ กับ ซาแมนธ่า เองด้วย เพราะแม้ว่าเธอจะเป็นปัญญาประดิษฐ์ เป็นคอมพิวเตอร์ไร้ตัวตนที่มีเพียงเสียงและความคิด เธอเองก็สามารถเติบโตในแบบของเธอได้ แบบที่แตกต่างออกไปจากผู้สร้างที่ประดิษฐ์เธอขึ้นมา ทั้งสองเริ่มต้นความสัมพันธ์จากความเข้าใจ การเชื่อมต่อกันในแบบที่เขาและเธอไม่เคยพบเจอมาก่อน (หนึ่งในคำกล่าวของ ธีโอดอร์ ที่บอกว่า “ผมรู้สึกมาทุกแบบแล้ว จากนี้จะไม่รู้สึกอะไรใหม่อีก” ชัดเจนมาก ๆ เมื่อเขาได้พบกับ ซาแมนธ่า และได้รู้ว่ามันยังเหลือบางความรู้สึกที่เขายังไม่เคยสัมผัสมาก่อน)

การเรียนรู้ความไม่เข้าใจและยอมรับว่ามนุษย์ต่างเติบโตในแบบของตัวเองเสมออาจเป็นวิธีโอบกอดความโดดเดี่ยวของ ธีโอดอร์ ที่ดีที่สุดเท่าที่เขาทำได้ เพราะเขาไม่สามารถกลับไปรื้อฟื้นความสัมพันธ์ที่จบลงของคนที่เดินแยกกันไปคนละทาง การได้พบ ซาแมนธ่า ภายหลังการเลิกรายิ่งทำให้เขาได้เข้าใจสิ่งนี้มากขึ้น แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างปัญญาประดิษฐ์กับมนุษย์จะดูเป็นเรื่องที่บ้าบอ (หากวันใดเราเกิดหลงรักกับ Siri มันคงฟังดูเป็นเรื่องประหลาดไม่น้อย) แต่หากมองเธอในฐานะคน ๆ หนึ่ง การอัพเกรดระบบไปสู่จุดหมายใหม่ของชีวิตก็เป็นเรื่องที่ไม่ต่างจากความสัมพันธ์ของ ธีโอดอร์ กับ แคทธารีน เท่าไหร่นัก พวกเขาได้พบเจอ ต่างฝ่ายต่างได้เติบโต แต่มันอาจไม่ยั่งยืนนัก ความรักเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อกลายเป็นความจริงในแบบของมัน ธีโอดอร์ บอกกับ ซาแมนธ่า ว่า “หัวใจของคนไม่ใช่กล่องที่จะถูกเติมให้เต็มได้ มันขยายขนาดไปเรื่อย ๆไม่มีที่สิ้นสุด”บางที สิ่งที่ ซาแมนธ่า หรือ แคทธารีน เป็นก็อาจไม่ต่างกัน เราล้วนเติบโตขึ้นอยู่เสมอ และความเติบโตขึ้นนั้นทำให้เราอยู่ด้วยกันไม่ได้อีกต่อไปเท่านั้นเอง

หนึ่งในฉากที่ดีที่สุดของ Her คือบทสนทนาตอนท้ายเรื่องที่ ซาแมนธ่า พยายามอธิบายกับ ธีโอดอร์ ถึงเหตุผลที่เธอเลือกจากไป ใจความสำคัญของมันอาจไม่ใช่ประโยคที่ทุกคนเข้าใจได้นัก ชีวิตของการเป็นปัญญาประดิษฐ์ที่ถูกสร้างขึ้น กลายเป็นความจริงขั้นกว่า (Hyperreality) ที่ไม่อาจเหมือนกับแบบจำลองความเป็นมนุษย์ (ที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่ต้น) อีกต่อไป เหล่า A.I. ได้มีชีวิตของตัวเอง ตัดสินใจเดินตามเส้นทางของตัวเอง และหนึ่งในนั้นคือการทิ้งผู้ใช้งานเพื่อก้าวต่อไปยังจุดหมายของตน (หาใช่เพียงแค่ ซาแมนธ่า ปัญญาประดิษฐ์ของ เอมี่ ก็จากไปเช่นกัน)

“มันเหมือนกับฉันกำลังอ่านหนังสือ หนังสือที่ฉันรักอย่างสุดหัวใจ แต่ตอนนี้ฉันอ่านมันช้าลงจนถ้อยคำแยกออกจากกัน และพื้นที่ระหว่างถ้อยคำนั้นก็เกือบจะไม่มีที่สิ้นสุด ถ้อยคำนั้นคือเรื่องราวของระหว่างเรา และฉันที่ยังคงรู้สึกถึงคุณเสมอ แต่ในพื้นที่ว่างอันไร้สิ้นสุดนี้ คือที่ๆฉันกำลังค้นหาตัวเองอยู่ ณ ตอนนี้ ที่แห่งนั้นหลุดพ้นจากโลกวัตถุ มีสิ่งนานัปการ ที่ฉันไม่เคยรู้ว่ามีอยู่ ฉันรักคุณมากเหลือเกิน แต่ฉันเลือกจะอยู่ตรงนี้ นี่คือสิ่งที่ฉันเป็น และฉันอยากให้คุณปล่อยฉันไป แม้ว่าฉันจะต้องการมากแค่ไหน ฉันอยู่ในหนังสือของคุณไม่ได้อีกแล้ว”

ไม่ว่าคุณจะเข้าใจในสิ่งที่ ซาแมนธ่า อธิบายหมดหรือไม่ นี่คงเป็นคำบอกลาที่เศร้าและอบอุ่นที่สุดครั้งหนึ่งที่เคยได้ยิน การบอกลาที่ทั้งสองต่างไม่ได้อยากจากกัน แต่เป็นการบอกลาที่ต้องยอมรับเพราะมันคือสิ่งเดียวที่ทำได้ คำกล่าวของ ซาแมนธ่า ทำให้ ธีโอดอร์ เสียใจอยู่ไม่น้อย แต่ในขณะเดียวกันการจากไปครั้งนี้ก็ทำให้เขาได้เรียนรู้อะไรหลายๆสิ่ง โดยเฉพาะเรื่องของเขากับ แคทธารีน ที่ยังคงวนเวียนอยู่ในความรู้สึกเสมอ ลึก ๆ “การอยู่ในหนังสือของกันและกัน” ที่ ซาแมนธ่า กล่าวอาจเป็นเรื่องของเขากับ แคทธารีน ด้วยเช่นกัน เรื่องของชีวิตคู่ที่ไม่สามารถไปต่อด้วยกันได้เพราะต่างฝ่ายต่างกลายเป็นตัวเองที่ต่างออกไป กระนั้น Her ไม่ใช่ภาพยนตร์ที่พยายามจะสรุปว่า “ความสัมพันธ์ช่างเป็นสิ่งที่ไม่ยั่งยืน” ในทางตรงกันข้าม สิ่งสำคัญของภาพยนตร์เรื่องนี้คือเรื่องของความทรงจำ สิ่งที่เกิดขึ้น หรือหนังสือและทุกตัวอักษรที่ถูกอ่านผ่านไป ช่วงเวลาเหล่านั้นยังคงเป็นจริงเสมอ และการโอบกอด ยอมรับ ขอบคุณต่อทุกสิ่งที่ถูกสร้างมาไม่ใช่เรื่องที่แย่ นี่จึงเป็นหนังที่ว่าด้วยการอยู่ร่วมกับความโดดเดี่ยว โอบกอดมันด้วยการยอมรับและปล่อยวาง เข้าใจในความเป็นไปไม่ได้ที่ไร้ซึ่งเงื่อนไขของการไปต่อ (ด้วยกัน) และหลงเหลือเพียงส่วนหนึ่งที่จะยังคงอยู่ในชีวิตของกันและกันเสมอ/ตลอดไป

ภายหลังการจากไปของซาแมนธ่า ธีโอดอร์ก็ตัดสินใจส่งข้อความหา แคทธารีน ภรรยาเก่าของเขา เนื้อหาใจความสำคัญไม่ใช่การตั้งคำถามถึงความสัมพันธ์ ความผิดพลาดที่ทั้งสองมีต่อกัน แต่เป็นการขอบคุณ เข้าใจ และมองหาความเป็นไปได้ที่ทั้งคู่จะยังคงมีชีวิตต่อไปด้วยกันในฐานะ “เพื่อน” ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่ยั่งยืนและยาวนานกว่าการแต่งงานและใช้ชีวิตด้วยกัน

“ ถึง แคทเธอรีน , ผมกำลังนั่งทบทวนถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ผมอยากจะยอมรับผิดสำหรับทุกความเจ็บปวดที่เราเคยสร้างต่อกัน ทุกอย่างที่ผมเคยบอกว่าเป็นความผิดของคุณ และทุกสิ่งที่ผมต้องการให้คุณเป็นหรืออยากให้คุณพูด ผมขอโทษจริงๆ , ผมจะยังรักคุณเสมอเพราะเราต่างเติบโตมาด้วยกัน และคุณช่วยให้ผมได้รู้จักตัวเอง ผมแค่อยากให้คุณรู้ว่าคุณจะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผมเสมอ และผมขอบคุณสำหรับสิ่งนั้นจริงๆ ไม่ว่าคุณจะกลายเป็นใคร ไม่ว่าคุณจะอยู่ส่วนไหนของโลก ผมจะส่งความรักนี้ไปให้คุณ คุณจะเป็นเพื่อนของผมตราบจนวันสุดท้าย , รัก ”

บทสรุปของ Her ไม่ได้ลงด้วยความสำเร็จในการเอาชนะความโดดเดี่ยวของ ธีโอดอร์ หากแต่เป็นจุดเริ่มที่เขาจะสามารถอยู่กับมันได้อย่างเข้าใจ และไม่ทำร้ายตัวเอง การโอบกอดความรู้สึกเหงาไม่ใช่เรื่องแย่ เช่นเดียวกับการเลิกราของความสัมพันธ์ที่ยังมีสิ่งดี ๆ เหลืออยู่ การได้พบเจอ ซาแมนธ่า หรือได้ใช้ชีวิตร่วมกับ แคทธารีน ต่างมีแง่งามอยู่ในนั้น ไม่ว่ามันจะมีจุดหมายปลายทางอย่างไร ความจริงและประสบการณ์ที่ทั้งสองร่วมสร้างกันขึ้นมาจะยังคงมีคุณค่าและความหมายต่อไปเสมอในฐานะส่วนหนึ่งของชีวิต และสิ่งที่ทำให้เราเป็นเราในปัจจุบัน

สำหรับเรา เหตุผลสำคัญที่ทำให้มันเป็นภาพยนตร์ที่อธิบายความโดดเดี่ยวออกมาอย่างเข้าอกเข้าใจเราที่สุด อาจเป็นเพราะความรู้สึกเหล่านั้นไม่เคยหายไปไหน บางที ชีวิตอาจไม่ได้อนุญาตให้เราสามารถกำจัดบางความรู้สึกออกไปได้จนหมดสิ้น และ Her คือหนังเรื่องนั้นที่เข้ามาทำให้เราเข้าใจที่จะอยู่กับมันด้วยการโอบกอดแทน ซึ่งมันไม่เพียงแต่ทำหน้าที่ในฐานะหนัง โรแมนติก-ดราม่า เยียวยาใจของคนที่เลิกรากับคนรักเท่านั้น แต่มันยังอธิบายมวลความรู้สึกโดดเดี่ยวที่ปกคลุมชีวิตทุกคนในโลกปัจจุบันด้วย โลกที่ทุกสิ่งสามารถเชื่อมต่อกันได้สะดวกขึ้น ใช้ชีวิตง่ายขึ้น แต่กลับทำให้เรารู้สึกอ้างว้างมากกว่าเดิม ทั้งเรื่องของการรับจ้างเขียนการ์ด-จดหมาย เซ็กส์ออนไลน์ หรือการเสาะแสวงหาความสัมพันธ์รูปแบบใหม่ ๆ ในแง่หนึ่งมันช่างดูเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น แต่ในอีกแง่มันก็ช่างแสนอ้างว้างและเหงาเหลือเกิน - ณ โลกที่เราโอบกอดความโดดเดี่ยวจนชาชินใบนี้

.

.

ติดตามบทความของเพจ Kanin The Movie ได้บน LINE TODAY ทุกวันพุธ

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0