บรรยากาศบริเวณบ้านพักครูปรีชา ใคร่ครวญ เลขที่ 143/22 ทุ่งนา ซ.5 หมู่ 3 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ยังคงปิดเงียบ โดยเฉพาะประตูรั้วที่คล้องกุญแจล็อกไว้ แต่สื่อมวลชนหลายสำนัก มั่นใจว่า ครูปรีชาอยู่ในบ้าน และไม่นานก็ปรากฎตัวด้วยใบหน้าที่ยังยิ้มแย้มแจ่มใสและยังคงพูดจาหยอกล้อตามปกติ โดยให้ความเห็นเรื่องของคลิปเสียงล่าสุด ว่า ไม่รู้สึกกังวลใจ หากใครมีหลักฐานสามารถขอให้นำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาล พร้อมย้อนถามสื่อที่นำเสนอ ว่า มีแหล่งที่มาคลิปเสียง และน่าเชื่อถือหรือไม่
“เมื่อคืนได้ดูคลิปจากช่อง 7 ซึ่งช่อง 7 นี่เก่งมากเลยนะ ไม่รู้ไปเอาคลิปใครมาก็ไม่รู้ ทั้งนี้อย่างที่เคยบอกไว้เรื่องคลิปเสียงว่า ใครมีหลักฐานอะไรก็ให้นำเข้าสู่ระบบกระบวนการของศาล เพราะทำแบบนี้เหมือนการชี้นำประชาชน แต่คลิปทั้งหมดนี้ ครูอยากจะทราบว่า แหล่งที่มานั้นมาจากแหล่งไหน ใครเป็นคนเอามา แล้วที่มามาได้อย่างไร ดังนั้นจะมาถามครูก่อนไม่ได้ จะต้องไปถามคนที่นำมาว่านำมาจากไหน จึงอยากให้นักข่าวไปถามว่าแหล่งที่มาของคลิปเสียงนั้นว่ามาจากไหน โดยเฉพาะช่อง 7 ที่เอามาลงว่า ช่อง 7 เอามาจากไหน และเรื่องคลิปเสียง เมื่อพูดถึงโทรศัพท์ทั่ว ๆ ไป เราก็พูดคุยกันโดยทั่ว ๆ ไป แต่ใครจะมาจำว่า เราจะพูดกับใครตรงไหนบ้าง มันจำไม่ได้หรอก”
สำหรับกระแสข่าวที่ว่า ตำรวจกองปราบปรามเตรียมออกหมายจับนั้น ครูปรีชา ยืนยันหนักแน่นว่า ไม่ได้หวั่นวิตกหรือมีความกังวลใด ๆ มาตั้งแต่แรกแล้ว เพราะทุกอย่างมันคือเรื่องจริง และเชื่อมั่นในความจริง ส่วนกรณีที่ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ส่งสัญญาณเตือนพยานเท็จ ให้ออกมาพูดความจริงนั้น ขอให้ทุกฝ่ายมองอย่างเป็นกลาง เพราะเป็นการสื่อไปถึง 2 ฝ่าย วอนสังคมอย่าตีความกันล่วงหน้า ซึ่งภายหลังการออกมาให้ข่าว ครูปรีชาขอความเป็นส่วนตัว โดยแจ้งว่า จะพาครอบครัวไปทำบุญปิดทอง ฝังลูกนิมิต เพื่อความเป็นสิริมงคล