โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

เรื่องสั้น

ทะลุมิติไปเป็นหญิงพาลผู้งามเลิศประจำหมู่บ้าน

นิยาย Dek-D

อัพเดต 20 พ.ค. เวลา 09.00 น. • เผยแพร่ 20 พ.ค. เวลา 09.00 น. • OfficeOnlybook
ทะลุมิติไปเป็นหญิงพาลผู้งามเลิศประจำหมู่บ้าน
เย่วหานทะลุมิติมาอยู่ในร่างของสตรีที่มีชื่อเดียวกับตน อีกทั้งมารดาเลี้ยงของนางยังมีชื่อและใบหน้าเหมือนแม่เลี้ยงที่ทำร้ายหลี่เย่วหานไม่ผิดเพี้ยน ในเมื่อมันบังเอิญเช่นนี้เธอก็ขอเอาคืนเสียหน่อยก็แล้วกัน!

ข้อมูลเบื้องต้น

ทะลุมิติไปเป็นหญิงพาลผู้งามเลิศประจำหมู่บ้าน
*** ลิขสิทธิ์ถูกต้องภายใต้หจก. EnJoyBook ***
ได้รับลิขสิทธิ์ออนไลน์ (Digital license) สำหรับแปลขายลงบนเว็บไซต์ได้อย่างถูกลิขสิทธิ์ 100%
สงวนลิขสิทธิ์
เผยแพร่ครั้งแรกใน SHANGHAI SEVENCAT CULTURE MEDIA CO., LTD.
การแปลนี้จัดร่วมกับ SHANGHAI SEVENCAT CULTURE MEDIA CO., LTD.
ลิขสิทธิ์แปลไทย ⓒ ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอ็นจอยบุ๊ค
---------------------------------------
นิยายแปลเรื่อง ทะลุมิติไปเป็นหญิงพาลผู้งามเลิศประจำหมู่บ้าน
ผู้แต่ง :桃拉法心 ผู้แปล : ทีมงาน Onlybook

เรื่องย่อ : หลี่เย่วหาน…กระโดดลงมาจากตึกที่สูงกว่ายี่สิบเจ็ดชั้น! แต่หญิงสาวกลับไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดหรือตกตายแต่อย่างใด เมื่อเธอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง หลี่เยว่หานกลับถูกชายคนหนึ่งช่วยขึ้นจากบึงน้ำกว้าง ความร้อนในร่างกายและสติอันพร่าเลือนทำให้ค่ำคืนนั้นเธอได้เสียความบริสุทธิ์ไป!!…เมื่อตื่นขึ้นมาไม่เพียงแต่ไปมองหน้าชายที่อยู่กับหญิงสาวทั้งคืน แต่เธอกลับพบว่าเธอทะลุมิติเข้ามาในร่างของสตรีนางหนึ่งที่มีชื่อเดียวกับเธอในยุคจีนโบราณ อีกทั้งผู้เป็นมารดาเลี้ยงและบิดาของเจ้าของร่างยังมีชื่อและหน้าตาเหมือนพ่อและแม้เลี้ยงผู้เป็นต้นเหตุให้เธอกระโดดตึกไม่ผิดเพี้ยน ในเมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้เธอก็ขอเอาคืนแทนเจ้าของร่างเดิมหน่อยก็แล้วกัน!!

** วางจำหน่าย E-book ทุกสิ้นเดือน เดือนละ 1 เล่ม **
1 เล่มมีประมาณ 60 ตอนนะคะ

ติดตามข้อมูล ไม่พลาดการอัปเดตได้ที่ : Facebook
หรือพูดคุยกับแอดมินแบบรวดเร็ว แอดไลน์ : @onlybook

บทที่ 1 เย็นชา

บทที่ 1 เย็นชา

ฟึ่บ

หลังร่วงลงมาจากชั้นที่ยี่สิบเจ็ด หลี่เยว่หานไม่รู้เลยว่าเวลาล่วงผ่านมานานเท่าไหร่ ก่อนจะรู้สึกว่ามีใครบางคนกอดเอวของเธอเอาไว้

หลี่เยว่หานลืมตาขึ้นมา ท่ามกลางแสงจันทร์เธอเห็นชายมัดผมผู้หนึ่งอย่างเลือนลาง ชายผู้นี้มีใบหน้าคมเข้มท่าทางแข็งแกร่ง และกำลังว่ายน้ำพาเธอไปยังทิศทางหนึ่ง

นี่มัน…เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

เธอกระโดดลงมาจากตึกไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมตอนนี้ถึงอยู่ในน้ำ? แล้วผู้ชายคนนี้คือใคร? มันเป็นภาพหลอนก่อนที่เธอจะตายงั้นเหรอ?

หลังจากขึ้นไปบนฝั่งได้แล้ว เมื่อปราศจากน้ำเย็นเฉียบในแม่น้ำคอยระงับ ร่างของเธอก็ถูกความร้อนรุ่มแผดเผาทำให้ยากจะควบคุมตนเองได้ สมควรตาย! หวังเฟิ่ง แม่เลี้ยงคนนั้นถึงกับเอาเธอไปแลกกับเงินห้าแสน!

น่าสมเพช เธอเป็นถึงนักศึกษาเกียรตินิยมจากสาขาคลินิกเวชกรรมกับสาขาการเกษตรและวนศาสตร์ หลังจากเรียนจบก็ออกไปเป็นอาสาสมัครที่ต่างประเทศทันทีห้าปี เพื่อหนีออกไปจากความแตกแยกในครอบครัว

เธอไม่ได้ตายลงในต่างแดน แต่ถูกแม่เลี้ยงหวังเฟิ่งหลอกว่าพ่อของเธอป่วยหนักให้รีบกลับไปหา สุดท้ายเธอก็ตายลงในแผ่นดินเกิดของตัวเอง

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว หัวใจของหลี่เยว่หานก็เจ็บปวดขึ้นมา

เป็นไปไม่ได้ที่พ่อของเธอจะไม่รู้ว่าหวังเฟิ่งทำสิ่งใดลงไปบ้าง ทว่าเมื่อรู้แล้วก็ยังคงปล่อยให้หวังเฟิ่งหลอกลวงกระทั่งลงมือกับเธอ และเขาก็ไม่ปรากฏตัวออกมาตั้งแต่ต้นจนจบ แสดงให้เห็นว่าพ่อของเธอยินยอมในเรื่องนี้

กลับไปไม่ได้แล้ว หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปเธอคงจะต้องหลับใหลไปตลอดกาล จะครั้งแรกของเธอ จะห้าแสนอะไรนั่น หรือจะเป็นผู้ชายหัวเหมือนหมูอย่างไร หลี่เยว่หานล้วนไม่อยากคิดถึง

เธอไม่รู้ว่าทำไมตัวเธอถึงอยู่ในน้ำหลังจากกระโดดตึกลงมา ความร้อนในร่างกายราวกับแผดเผาสมองของหลี่เยว่หานไปด้วย ทำให้เธอไม่สามารถคิดวิเคราะห์สถานการณ์ในปัจจุบัน หลงเข้าใจว่าทุกอย่างล้วนเป็นเพียงภาพหลอนที่ตนเองเห็นยามเข้าใกล้ความตาย

ชายคนนั้นตบใบหน้าของเธอด้วยความกังวล ตะโกนอะไรบางอย่างที่เธอไม่สามารถได้ยินอย่างชัดเจน

สติของเธอเลือนราง ทั้งหมดกลายเป็นเพียงภาพเบลอ

ชายหนุ่มเห็นว่าสติของหลี่เยว่หานไม่แจ่มชัดนัก เขาจึงพยุงตัวนางลุกขึ้นนั่ง ในยามนั้นเองที่เขาสัมผัสผิวบนร่างของนางโดยบังเอิญ

หลี่เยว่หานตัวสั่นระริกขึ้นมาทันที หญิงสาวยื่นมือออกไปอย่างควบคุมตนเองไม่ได้ ต้องการจะโอบกอดชายหนุ่มผู้นั้นให้เข้ามาใกล้ขึ้นอีก

ยามนี้หลี่เยว่หานใกล้จะสิ้นสติลงเต็มที ทว่าเธอช่างแน่วแน่อย่างน่าทึ่ง ยังสามารถยื่นมือไปลูบคลำชายหนุ่มได้

หลังจากสัมผัสกล้ามเนื้อแน่นบนร่างชายหนุ่มแล้ว สุดท้ายมือของหลี่เยว่หานก็โอบรอบคอของเขาไว้อย่างไม่อาจควบคุมได้

เทียบกับผู้ชายที่เหมือนหมูคนนั้นแล้ว ผู้ชายที่อยู่เบื้องหน้าดูน่าอร่อยกว่ามาก!

อย่างไรเสียเธอก็จะตายแล้ว ปล่อยให้ตนเองได้ดื่มด่ำกับจินตนาการก่อนตายเสียหน่อยก็ไม่เป็นไร

ในตอนนั้นเองสติของชายหนุ่มพลันหลุดลอยไปชั่วครู่ ทว่าเมื่อเผชิญกับการเคลื่อนไหวเชื้อเชิญของหลี่เยว่หาน เขาก็พลิกตัวกดร่างเล็กของหญิงสาวเอาไว้ใต้ร่างตน…

เช้าวันต่อมา หลี่เยว่หานตื่นขึ้นมาด้วยความงุนงง อาการปวดศีรษะทำให้เธอยกมือขึ้นจับหัวของตนเอง

ความปวดร้าวทั้งร่างบอกเธอว่าตนเองยังมีชีวิตอยู่ ไม่เพียงแต่มีชีวิตอยู่ แต่ยังข้ามเวลามาอีกด้วย

ไม่เพียงแต่ข้ามเวลามา แต่ยังสูญเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว

ทั้งยังเป็นฝ่ายริเริ่มเชื้อเชิญเอง!

เมื่อคิดขึ้นมาได้เช่นนี้ หัวใจของหลี่เยว่หานก็เย็นเยียบลง

หลังจากจัดระเบียบความทรงจำในหัวแล้ว ภายในใจหญิงสาวก็ยิ่งเย็นยะเยือก

เจ้าของร่างเดิมเองก็ชื่อหลี่เยว่หาน แม่เลี้ยงเองก็ยังมีชื่อว่าหวังเฟิ่ง อีกทั้งนางยังมีน้องสาวต่างมารดาอีกหนึ่งคน!

เพราะเจ้าของร่างเดิมเกิดมามีผิวพรรณดี แม่ผู้ให้กำเนิดของนางจึงจัดเตรียมการแต่งงานดี ๆ ไว้ให้นางก่อนจะเสียชีวิต ทว่าแม่เลี้ยงหวังเฟิ่งกลับอยากให้นางยกการแต่งงานครั้งนี้ให้กับหลี่หรงหรงผู้เป็นน้องสาวต่างแม่ แต่เจ้าของร่างเดิมกลับปฏิเสธ จึงถูกแม่เลี้ยงหวังเฟิ่งวางยาหมายจะทำลายนาง

ทว่าผู้ใดจะคาดคิด แม่เลี้ยงวางยานางมากเกินไปจนทำให้นางตาย และเกรงกลัวว่าจะเป็นเรื่อง จึงมัดร่างของนางไว้กับก้อนหินแล้วโยนทิ้งลงน้ำไป

ไม่รู้เป็นเพราะนางขาดอากาศหายใจนานเกินไปหรือไม่ จึงไม่มีความทรงจำของร่างเดิมอยู่มากนัก แต่อย่างน้อยก็เพียงพอให้เธอเข้าใจสถานการณ์เบื้องหน้านี้

เจ้าของร่างเดิมถูกแม่เลี้ยงโยนลงน้ำ แม่เลี้ยงคงจะคิดว่าเจ้าของร่างเดิมตายไปแล้ว บางทีนางอาจจะถูกแม่เลี้ยงโยนข้อกล่าวหาบางอย่างใส่

หากไม่รีบกลับไปก่อนถูกกล่าวหา หลังจากนี้เธอคงยากจะมีชีวิตดี ๆ อยู่ในยุคราชวงศ์ที่ไม่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์นี้

เมื่อคิดถึงตรงนี้แล้ว หลี่เยว่หานก็รีบลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็วก่อนที่ชายหนุ่มจะตื่นขึ้นมา จากนั้นก็เร่งแต่งตัวให้เรียบร้อย

ยังดีที่ถึงแม้เมื่อคืนจะมีสถานการณ์ร้อนแรงเกิดขึ้น แต่ไม่รู้ว่าชายหนุ่มตั้งใจหรือไม่ จึงไม่ได้ทำชุดของเธอเสียหาย

หลังจากสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว หลี่เยว่หานก็รีบวิ่งกลับไปยังหมู่บ้าน เธอเร่งรีบเสียจนไม่ได้เหลือบตามองรูปร่างหน้าตาของชายที่นอนอยู่ข้างกายเลย

ทว่าเธอไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย ว่าชายหนุ่มผู้นั้นลืมตาขึ้นมาและมองเธอวิ่งโงนเงนออกไป ก่อนรอยยิ้มคลุมเครือจะปรากฏขึ้นที่มุมปาก…

หมู่บ้านที่เจ้าของร่างเดิมอยู่มีนามว่าหมู่บ้านเฮยถู่ ขนาดของหมู่บ้านนั้นไม่ใหญ่แต่ก็ไม่เล็ก

แม้ว่าพระอาทิตย์จะยังไม่ขึ้น แต่ชาวบ้านหลายคนก็ตื่นเพื่อเตรียมตัวทำงานกันแล้ว

หลี่เยว่หานใช้ความทรงจำของร่างเดิมหาเส้นทางหลบเลี่ยงผู้คนกลับบ้าน

ทว่าน่าเสียดายที่ประตูถูกปิดไว้อย่างแน่นหนา ขณะที่เธอวางแผนจะปีนข้ามกำแพง ประตูใหญ่พลันถูกเปิดออกพร้อมเสียงดังเอี๊ยด

ทันทีที่หลี่เยว่หานเห็นผู้เปิดประตู เธอก็ผงะไปทันที ใช่แล้ว ผู้ที่เปิดประตูคือแม่เลี้ยงเจ้าของร่างเดิมที่มีนามว่าหวังเฟิ่ง อีกทั้งคนผู้นี้ยังดูเหมือนแม่เลี้ยงของเธอเป็นอย่างมาก

เมื่อหวังเฟิ่งเห็นหลี่เยว่หาน ก็พลันตกใจ บนใบหน้าปรากฏความหวาดกลัว ทั้งยังก้าวถอยหลังไปอีกหลายก้าว

“ท่านแม่ ท่านกำลังมองสิ่งใดอยู่?” มีเสียงหญิงสาวที่ยังเยาว์วัยดังขึ้น ก่อนที่ร่างน้องสาวต่างมารดาของเจ้าของร่างเดิมอย่างหลี่หรงหรงจะเดินออกมาจากด้านหลังหวังเฟิ่ง เมื่อเห็นหลี่เยว่หานยืนอยู่นอกประตูด้วยสภาพไม่ค่อยดีก็พลันขมวดคิ้ว

“หลี่เยว่หาน เจ้ายังมียางอายอยู่หรือไม่? เมื่อคืนก็ไม่กลับบ้านมาทั้งคืน เจ้ากำลังทำให้ตระกูลหลี่ของพวกเราอับอายขายหน้า!” หลี่หรงหรงพูดด้วยเสียงอันดัง ดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนไม่น้อยเข้ามาทันที

หลี่เยว่หานได้สติคืนมาจากใบหน้าของหวังเฟิ่ง เธอมองไปที่หลี่หรงหรง ทว่าไม่ได้พูดจาอะไร เพียงแค่ก้าวไปข้างหน้าต้องการเข้าไปด้านใน เรื่องทั้งหมดแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง เธอต้องการสถานที่เงียบสงบเพื่อจัดการเรื่องความทรงจำทั้งหมด

แต่คาดไม่ถึงว่าหวังเฟิ่งที่ได้สติกลับมา ผลักร่างของหลี่เยว่หานจนล้มลงไปกับพื้น ก่อนจะท้าวเอวชี้เธอพร้อมก่นด่า “นางแพศยา! ออกไปให้พ้นเดี๋ยวนี้!”

หลังจากได้ยินเช่นนี้ หลี่เยว่หานก็เบนสายตาไปมองหวังเฟิ่ง แม้สีหน้าของหวังเฟิ่งจะดุร้าย แต่ในแววตากลับมีความตื่นตระหนกซ่อนอยู่

ใช่แล้ว เมื่อคืนหวังเฟิ่งมั่นใจว่าเจ้าของร่างเสียชีวิตไปแล้ว จึงมัดร่างหลี่เยว่หานเอาไว้กับก้อนหินก่อนจะถ่วงน้ำ

เมื่อเห็นว่านางกลับมาอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ หวังเฟิ่งที่เป็นคนยุคสมัยโบราณเชื่อเรื่องผีสางเทวดาย่อมเกิดความรู้สึกหวาดกลัว

ยังเล่ากันว่าผีสางเทวดากลัวอันธพาลดุร้าย หวังเฟิ่งจึงแสดงท่าทางออกมาเช่นนั้น หวังจะขู่ขวัญให้นางจากไป

แม้ว่าเธอจะไม่ใช่ผี แต่นี่ก็นับว่าเป็นโอกาสที่ดี!

เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว หลี่เยว่หานก็มีแผนการในใจ

บทที่ 2 หวังเฟิ่งกับผีร้ายในใจ

บทที่ 2 หวังเฟิ่งกับผีร้ายในใจ

มีคนมุงดูมากขึ้นเรื่อย ๆ หลี่เยว่หานที่ถูกผลักจนล้มไปบนพื้นไม่ได้ลุกขึ้น และยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม ดวงตาของเธอแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงกล่าวออกมาพร้อมเสียงสะอื้นไห้ “ท่านแม่ ข้ารู้ว่าข้าผิดไปแล้ว เมื่อคืนมันมืดเกินไปข้าจึงไม่สามารถจับปลาได้ ท่านจึงไม่ยอมเปิดประตูให้ข้าหลังจากร้องเรียกครึ่งค่อนคืน…ข้ารออยู่หน้าประตูทั้งคืน ไม่ได้หมายความว่าข้าไม่กลับบ้าน!”

เมื่อคนรอบข้างได้ยินเช่นนี้ต่างก็พากันไม่พอใจขึ้นมา

หลี่เยว่หานเติบโตมาในหมู่บ้านเฮยถู่ นางทั้งฉลาดเฉลียวและมีความสามารถ มีคนจำนวนไม่น้อยที่ชื่นชอบนาง น่าเสียดายที่นางถูกหมั้นหมายไว้นานแล้ว มิเช่นนั้นคงมีคนมาสู่ขอจนธรณีประตูถูกย่ำจนพัง

“แม้จะเป็นแม่เลี้ยง แต่ก็ทำเกินไปแล้ว หลี่เยว่หานอายุเท่าไหร่กันเชียว จึงให้ออกไปจับปลากลางค่ำกลางคืน จนตอนนี้ก็ยังไม่ยอมให้นางเข้าบ้าน ถึงไม่ชอบแต่ก็ไม่สมควรรังแกกันเช่นนี้!”

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว เยว่หานฉลาดเฉลียวรู้ความตั้งแต่เด็ก ตระกูลหลี่ทำเช่นนี้นับว่าเกินไปจริง ๆ!”

“ดูสภาพของหานเยว่ก็รู้ว่านางรออยู่ด้านนอกประตูบ้านมาทั้งคืน! ไม่แปลกใจเลยที่เมื่อคืนข้าได้ยินเสียงคนร้องไห้ลาง ๆ ตอนนั้นข้าคิดว่าเป็นผีเสียอีก!”

หวังเฟิ่งไม่ทันคาดคิดว่าหลี่เยว่หานที่สิ้นลมหายใจไปแล้วเมื่อวานนี้ จะยังคงสามารถปรากฏตัวต่อหน้านางในวันนี้ได้ ด้วยความตื่นตระหนกนางจึงคิดเพียงแต่จะขับไล่หลี่เยว่หานที่ไม่รู้ว่าเป็นคนหรือผีออกไป ทว่ากลับถูกหลี่เยว่หานตลบหลังอย่างไม่คาดคิด!

“หลี่เยว่หาน เจ้าไม่ทำตัวเป็นกุลสตรี เที่ยวเตร่ยามวิกาล ทั้งยังกล้าใส่ร้ายแม่ของข้า ช่างหาญกล้าเป็นอย่างยิ่ง!” แม้หลี่หรงหรงจะไม่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่นั่นก็ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อความเกลียดชังที่มีต่อหลี่เยว่หาน

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลี่เยว่หานที่นั่งอยู่บนพื้นก็ยิ่งสะอื้นร่ำไห้ออกมามากยิ่งขึ้น ทว่าหญิงสาวไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา

เธอรู้ว่าผู้คนย่อมเห็นใจผู้อ่อนแอ และในสถาณการณ์ปัจจุบัน หากเธอได้ชื่อว่าเที่ยวเตร่ยามวิกาลจะยิ่งมีเรื่องยุ่งยากตามมามากมายในอนาคต

ยิ่งหลี่เยว่หานร้องไห้ออกมากเท่าไหร่ ผู้คนที่อยู่รอบข้างยิ่งเห็นใจนางมากเท่านั้น ถ้อยคำประณามการกระทำของแม่เลี้ยงและลูกสาวก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน

เพราะไม่รู้ว่าหลี่เยว่หานที่อยู่เบื้องหน้าเป็นคนหรือเป็นผี อีกทั้งหวังเฟิ่งยังรู้สึกได้ว่าหลี่เยว่หานแตกต่างไปจากเมื่อก่อน ดังนั้นนางจึงไม่พูดอะไรสักคำ ทำเพียงรอดูท่าทีของหลี่เยว่หาน

“หลี่เยว่หาน! เจ้าพูดออกมาให้ชัดเจนว่าแม่ของข้าไม่เคยสั่งให้เจ้าไปหาปลาตอนกลางคืน!” ทว่าหลี่หรงหรงนั้นไม่ได้นิ่งเหมือนกับหวังเฟิ่ง นางก้าวออกไปด้านหน้าก่อนจะออกแรงดึงแขนหลี่เยว่หาน “ลุกขึ้น!”

“ได้…ได้…” หลี่เยว่หานกล่าวอย่างสะอึกสะอื้น “ท่านแม่ไม่ได้สั่งให้ข้าออกไปหาปลาตอนกลางคือ เป็นข้าที่ต้องการออกไปหาปลาด้วยตัวเอง ฮือออ…”

ยิ่งหลี่เยว่หานร้องไห้ออกมามากเท่าไร เหล่าชาวบ้านก็ยิ่งเจ็บใจแทนนางมากเท่านั้น

หลี่หรงหรงโกรธมากจนผลักหลี่เยว่หานล้มลงไปบนพื้นอีกครั้ง “หลี่เยว่หาน เจ้ายังกล้าทำตัวหน้าไม่อาย!”

“พอแล้วหรงเอ๋อร์!” สุดท้ายหวังเฟิ่งก็เปิดปากพูดขึ้นมา “เยว่หาน มันเป็นความผิดของแม่เอง แม่ไม่ควรพูดว่าอยากกินปลา เพราะเจ้าเป็นเด็กกตัญญูจึงตั้งใจจะออกไปหาปลาแม้เป็นเวลากลางคืน แม่ไม่รู้จึงปิดลงกลอนประตูโดยไม่ได้ตั้งใจ พื้นมันเย็นเจ้ารีบลุกขึ้นมาเถิด”

กล่าวจบ หวังเฟิ่งก็ยืนมือออกมาหาหลี่เยว่หานด้วยรอยยิ้มอันแตกต่างจากท่าทางเท้าเอวอย่างดุร้ายเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง

หลี่หานเยว่อดปรบมือให้หวังเฟิ่งในใจไม่ได้!

ความสามารถในการแสดงยอดเยี่ยมเหลือเกิน!

หากมือไม่สั่นคงจะสมบูรณ์แบบยิ่งกว่านี้!

เมื่อหลี่เยว่หานยื่นมือเย็น ๆ ของเธอจับมือของหวังเฟิ่ง เธอก็สังเกตได้ว่ามือของหวังเฟิ่งสั่นสะท้านอย่างชัดเจน

หลี่เยว่หานเห็นว่านางหวาดกลัวถึงเพียงนี้ ภายในใจก็ยิ่งเกิดความั่นใจ

หลังจากได้ยินหวังเฟิ่งกล่าวเช่นนี้ ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็ชื่นชมกับความกตัญญูของหลี่เยว่หาน ทั้งยังกล่าวว่าหวังเฟิ่งสะเพร่าเกินไป หากฟังให้ดีแล้วจะพบว่าคำครหาที่หวังเฟิ่งใช้ให้เด็กสาวไปจับปลากลางดึกก็หายไปแล้ว

น่าเสียดาย ความทรงจำที่เจ้าของร่างทิ้งเอาไว้นั้นมีจำกัด ความทรงจำเกี่ยวกับการถูกหวังเฟิ่งรังแกมีอยู่เพียงไม่กี่ฉาก

ดูไม่ค่อยเหมือนกับหวังเฟิ่งที่อยู่เบื้องหน้าเธอเท่าไหร่นัก

“ท่านแม่ เยว่หานไม่สามารถจับปลาได้ ทั้งยังสะดุดก้อนหินจนเสื้อผ้าเปียก ท่านแม่โปรดอย่าตำหนิข้าเลย” เมื่อทุกคนกำลังจะจากไป ทันใดนั้นเองหลี่เยว่หานก็พลันเอ่ยขึ้นมา ดึงความสนใจของผู้คนกลับมาอีกครั้ง

เมื่อหวังเฟิ่งได้ยินหลี่เยว่หานเอ่ยคำว่า ‘ก้อนหิน’ ขนที่หลังก็พลันลุกขึ้นมา รอยยิ้มบนใบหน้าของนางแข็งทื่อลงไปเล็กน้อย “จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร เจ้าทนหนาวอยู่ด้านนอกมาทั้งคืนแล้ว รีบกลับไปอาบน้ำร้อนเถิด แม่จะไปต้มน้ำขิงมาช่วยเจ้าคลายหนาว”

ขณะพูด หวังเฟิ่งก็แสดงท่าทางเปี่ยมไปด้วยความรักและความเมตตา ทำให้คนรอบข้างที่เห็นต่างก็ชื่นชม

เป็นแม่เลี้ยงแต่กลับรักและเมตตาถึงเพียงนี้ นับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริง ๆ!

หลี่เยว่หานบรรลุจุดประสงค์แล้วจึงกล่าวตอบกลับไปว่า “ขอบคุณท่านแม่! เยว่หานรู้ว่าท่านแม่ยังคงรักเยว่หาน!”

หลี่เยว่หานกล่าวออกมาเป็นประโยคสั้น ๆ ด้วยความซาบซึ้งจนแทบน้ำตาไหล

“แม่ข้าไม่ได้รักเจ้า! ไอ้ตัวเสียเงินเปล่า!*[1]” หลี่หรงหรงที่อยู่ด้านข้างโกรธจนยื่นมือออกไปผลักหลี่เยว่หาน

เมื่อหวังเฟิ่งเห็นก็รีบห้ามปรามทันที “หรงเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าจึงไม่รู้ความเช่นนี้! อย่างไรเสียเยว่หานก็เป็นพี่สาวของเจ้า!”

“ข้าไม่มีพี่สาวอย่างนาง!” หลี่หรงหรงโกรธจนตัวสั่น “เห็นได้ชัดว่านางออกไปเที่ยวเตร่ยามวิกาล เหตุใดท่านถึงต้องถือหางนางเช่นนี้ด้วย!”

“หรงเอ๋อร์!” หวังเฟิ่งเกรงว่าหากหลี่หรงหรงพูดต่อไปจะทำให้หลี่เยว่หานโกรธ ในเมื่อไม่รู้ว่าหลี่เยว่หานที่อยู่เบื้องหน้าเป็นคนหรือเป็นผี ก็ควรจะรู้จักรักษาสถานการณ์เอาไว้ก่อน “อย่าพูดจาไร้สาระ!”

เห็นเช่นนี้ หลี่เยว่หานก็แอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก หลี่หรงหรงผู้นี้สมควรเป็นต้นแบบของสาวอกใหญ่ไร้สมองอย่างแท้จริง

ต่อหน้าคนมากมายถึงเพียงนี้ หลี่หรงหรงยังคงกัดเธอเหมือนหมาบ้า ไม่รู้จริง ๆ ว่าในหัวของนางมีสมองอยู่หรือไม่

ตามความทรงจำเจ้าของร่าง หลี่หรงหรงผู้นี้ไม่พอใจนางที่อยู่ในฐานะ ‘พี่สาว’ เป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงพยายามกลั่นแกล้งนางอยู่เสมอ

เจ้าของร่างเป็นคนจิตใจดี มักยอมทนไม่ทำสิ่งใด แต่หลี่เยว่หานคนนี้ไม่ได้มีนิสัยดีเช่นนั้น!

“หลี่หรงหรงผู้นี้เป็นอะไรกัน ทำตัวประหนึ่งไร้การอบรมสั่งสอน แตกต่างจากเยว่หานอย่างสิ้นเชิง!”

“พ่อแม่เป็นแบบใดก็ให้กำเนิดลูกแบบนั้น*[2] เจ้าคิดว่าอย่างไรกับเรื่องหลี่หรงหรง!”

ในขนาดที่พูดออก สายตาของคนจำนวนไม่น้อยก็มองไปที่หวังเฟิ่งอย่างมีนัยยะ

หลี่หรงหรงโกรธแทบตาย และยิ่งหลี่เยว่หานมองนางมาด้วยสายตาว่างเปล่า นางยิ่งโกรธจนไม่สามารถระงับได้ นางตรงไปคว้าผมของหลี่เยว่หานในทันที!

“นังคนไร้ค่านี่!”

หลี่เยว่หานถูกหลี่หรงหรงโยนลงไปกับพื้นโดยไร้การปัดป้อง หัวของเธอกระแทกลงพื้นอย่างแรง ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้น้ำตาของเธอไหลออกมา

“หลี่หรงหรง! เจ้ากำลังทำสิ่งใดอยู่!” เมื่อเห็นลูกสาวของตนเองกระทำการหุนหันพลันแล่น หวังเฟิ่งก็รีบไปคว้าตัวนางเอาไว้ แลดูคล้ายกำลังปกป้องหลี่เยว่หาน ทั้งที่แท้จริงแล้วนางกำลังกลัวหลี่เยว่หาน

“หญิงเที่ยวเตร่ยามวิกาลอย่างเจ้าสมควรตายแล้ว! ผู้ใดจะล่วงรู้ว่ากลางค่ำกลางคืนเจ้าไปมั่วอะไรมา! ท่านแม่ไม่เคยกล่าวว่าอยากกินปลาเสียหน่อย!” หลี่หรงหรงตะโกนเสียงดัง “หลี่เยว่หาน เจ้ามันเป็นเพียงแค่คนไร้ค่า!”

หลี่เยว่หานที่ยังคงไม่ฟื้นตัวจากความเจ็บปวดนั่งอยู่บนพื้นด้วยความงุนงง ไม่พูดหรือขยับตัวใด ๆ อาโจวที่อยู่ด้านข้างเห็นสภาพนางเป็นเช่นนี้ จึงเข้ามาช่วยพยุงนางขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง “เยว่หาน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ไม่…ไม่เจ็บ…” หลี่เยว่หานตอบอย่างหลบเลี่ยง ก่อนจะดึงแขนของตัวเองออกจากมืออาโจว

หลังจากนั้นหญิงสาวก็เดินโซซัดโซเซกลับไปยังห้องของตนเอง ระหว่างที่หลี่หรงหรงยังคงส่งเสียงดังอยู่ที่หน้าประตู

เมื่อเห็นฉากนี้ ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา

เด็กที่ไม่มีแม่ สถานะย่ำแย่ ถูกใครรังแกก็ล้วนไม่กล้าจะเอ่ยสิ่งใด

[1] ไอ้ตัวเสียเงินเปล่า (赔钱货) เป็นคำโบราณ ใช้ในเชิงลบกับลูกสาว ที่ต้องเสียค่าสินเจ้าสาวให้แต่งออกจากบ้านไป
[2] พ่อแม่เป็นแบบใดก็ให้กำเนิดลูกแบบนั้น แปลเอาแค่ความหมายมาจาก龙生龙凤生凤,老鼠生子会打洞 แปลตรง ๆ ว่า มังกรให้กำเนิดมังกร หงส์(凤)ให้กำเนิดหงส์ หนูก็ให้กำเนิดหนู หมายถึง พ่อแม่เป็นแบบใดลูกก็เป็นเช่นนั้น ใช้เปรียบเปรยกับอาจารย์ลูกศิษย์ได้ด้วย

บทที่ 3 ข้าไปจับปลาจริง ๆ

บทที่ 3 ข้าไปจับปลาจริง ๆ

ถึงแม้ศีรษะของเธอจะเจ็บจากการกระแทก แต่เมื่อได้กลับถึงห้องหลี่เยว่หานก็อดถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกไม่ได้

แม้จะไม่ล่วงรู้แน่ชัดว่าเจ้าของร่างกับสองแม่ลูกคู่นั้นเข้ากันได้มากน้อยเพียงใด แต่จากส่วนหนึ่งของความทรงจำ และท่าทางที่หลี่หรงหรงแสดงต่อเธอแล้ว เจ้าของร่างอาจไม่มีสถานะอะไรในครอบครัวนี้เลย

ในเมื่อไม่มีน้ำร้อน หลี่เยว่หานก็ทำได้แค่เพียงเปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าสะอาดที่อยู่ภายในห้อง

เมื่อนางปรากฏตัวต่อหน้าสองแม่ลูกอีกครั้ง รอยยิ้มไม่ยี่หระของนางก็ทำให้หัวใจของหวังเฟิ่งสั่นสะท้าน

“พูดมา ว่าเมื่อคืนเจ้าทำสิ่งใดลงไป” หวังเฟิ่งแสร้งทำท่าทางสงบมองไปที่หลี่เยว่หานด้วยสีหน้าจริงจัง ราวกับกำลังสอบสวนนักโทษ

หลี่เยว่หานไม่มีทางทำท่าทางยอมจำนนดั่งเช่นด้านหน้าประตูบ้าน นางแย้มยิ้มระรื่นพลางกล่าวออกมา “เมื่อคืนข้าก็จับปลามาให้ท่านแม่อย่างไรเล่า”

ขณะพูดหญิงสาวก็หรี่ตาลงมองหวังเฟิ่งพร้อมรอยยิ้ม

หวังเฟิ่งรู้สึกหนาวเย็นยะเยือกที่แผ่นหลัง ทว่านางก็แสร้งแสดงท่าทางแข็งกร้าว “เจ้า…เจ้าพูดความจริงออกมา! เจ้าเป็นคนใช่หรือไม่!”

หลี่เยว่หานแย้มยิ้มอ่อนหวาน “ท่านแม่กำลังพูดสิ่งใดอยู่กัน ข้าย่อมต้องเป็นมนุษย์อยู่แล้ว”

หลังจากได้ยินคำพูดของนาง หวังเฟิ่งก็แอยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“เพียงแต่ว่าเมื่อคืนข้าได้เห็นเฮยไป๋อู่ฉาง*[1] ในยมโลก พวกเขาต่างสวมหมวกทรงสูง ท่านแม่ ท่านคิดว่าข้าจะประสบโชคหรือไม่?”

ขณะที่พูดหลี่เยว่หานก็จับมือหวังเฟิ่ง ร่างนี้อ่อนแอเป็นอย่างมาก แล้วยังแช่น้ำจนเปียกปอน ทั้งเมื่อคืนยังออกแรงอย่างนัก ดังนั้นมือของหลี่เยว่หานจึงเย็นเยียบเป็นอย่างมาก

ชาวบ้านในหมู่บ้านเฮยถู่ต่างเป็นคนซื่อ ๆ ความเชื่อเรื่องผีสางเทวดาแพร่หลาย คำโกหกที่หลี่เยว่หานเอ่ยออกมาจึงทำให้หวังเฟิ่งหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

หวังเฟิ่งไม่ถามอะไรอีก นางรีบวิ่งออกจากบ้าน พาหลี่หรงหรงไปปักธูปสักการะที่วัดของหมู่บ้านตั้งแต่หัววัน

หลี่เยว่หานยืนกอดอกมองแผ่นหลังของแม่เลี้ยงหวังเฟิ่ง ที่รีบร้อนออกไปด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยที่มุมปาก

“เยว่หาน เยว่หาน!” มีเสียงชายผู้หนึ่งดังขึ้นมา

หลี่เยว่หานขมวดคิ้ว นี่เป็นเรื่องล้อเล่นใช่หรือไม่ เสียงนี้เหมือนกับพ่อของเธอไม่ผิดเพี้ยน!

ก่อนที่หลี่เยว่หานจะหันหน้ากลับไป หลี่ต้าเฉิงก็เดินมาถึงด้านหลังของหลี่เยว่หานแล้ว “นังเด็กนี่ ข้าเรียกเจ้าตั้งนาน เหตุใดจึงไม่ขานรับ!”

“ข้าไม่ว่าง กำลังส่งบรรพบุรุษอยู่” หลี่เยว่หานปรายตามองครั้งเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นหลี่ต้าเฉิง แม้จะเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่ออย่างยิ่ง แต่หวังเฟิ่งเองก็ยังเหมือนหวังเฟิ่งผู้นั้นทุกประการ และยังมีหลี่ต้าเฉิงที่ดูเหมือนหลี่ต้าเฉิงผู้นั้นอีกคน เธอจึงไม่รู้สึกประหลาดใจอะไรมากมาย

“ส่งบรรพบุรุษอะไร! นังเด็กนี่พูดจาอะไรไร้สาระ! รีบไปทำข้าวเช้าเร็วเข้า! เจ้าต้องการจะให้ข้าหิวตายหรืออย่างไร!”

“ท่านเพิ่งตื่นหรือ?” หลี่เยว่หานรู้สึกงงงวยอยู่บ้าง ชาวบ้านหมู่บ้านเฮยถู่ต่างขยันขันแข็งกันเป็นพิเศษ เมื่อรวมกับความวุ่นวายหน้าประตูบ้านก่อนหน้านี้แล้ว หลี่ต้าเฉิงไม่ได้ยินสิ่งใดแม้แต่น้อยจริงหรือ?

“อะไร? เจ้าจะมายุ่งอะไรเรื่องของข้า? รีบไปทำอาหารเช้าให้ข้าเสีย อย่ามัวแต่เสียเวลา!” หลี่ต้าเฉิงพูดคำด่าคำ ก่อนจะเดินจากไป

หลี่เยว่หานมองแผ่นหลังของเขา สีหน้าเธอเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงอย่างอดไม่ได้ ท่าทางช่างเหมือนกับพ่อของเธอไม่มีผิด

เธอจะไม่ทำอาหารให้คนในครอบครัวนี้ ทว่าตอนนี้เธอเองก็หิวเช่นกัน จึงได้แต่ไปห้องครัวก่อนเอาแป้งที่มีมาทำเป็นน้ำแกงข้นสำหรับเป็นอาหารเช้า

เมื่อกินน้ำแกงข้นเสร็จแล้ว หลี่เยว่หานก็เช็ดปาก ก่อนจะล้างชามให้สะอาดแล้วออกไปจากครัว ทว่าบังเอิญพบเข้ากับหวังเฟิ่ง หลี่ต้าเฉิง และหลี่หรงหรงที่เดินมาพร้อมกัน

บนทางเดินแคบ ๆ ทั้งสองฝ่ายต่างหยุดนิ่ง

หลี่ต้าเฉิงสูดจมูก ขณะที่ท้องส่งเสียงร้องโครกคราก

หลี่เยว่หานไม่พูดอะไร ทำเพียงแค่จับจ้องไปที่หวังเฟิ่ง

หวังเฟิ่งเป็นดังวัวสันหลังหวะ ดังนั้นหลังจากเห็นหลี่เยว่หานจับจ้องตนอยู่พักหนึ่งก็ไม่อาจทนไหว นางดึงชายเสื้อของหลี่ต้าเฉิงเบา ๆ แล้วกล่าวออกมา “ข้าเห็นหลี่เยว่หานหยอกเย้ากับชายหนุ่มจริง ๆ”

"ฮึ่ม!" หลี่ต้าเฉิงแค่นเสียงเย็น "ข้าไม่เคยคิดว่าครอบครัวหลี่ของข้าจะมีโสเภณี! ยามที่ข้าให้เจ้าไปทำอาหารเช้าเจ้าหายหัวไปไหนมา!"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่เยว่หานก็รู้สึกขบขันในใจ อีกฝ่ายยังคงคิดถึงอาหารเช้าอยู่หรือ ฝันไปเถอะ!

หากแต่ใบหน้าของหญิงสาวก็ยังคงสงบนิ่ง หญิงสาวพูดขึ้นเบา ๆ "โสเภณีอะไรกัน? หมายถึงหรงหรงหรือ?"

"เจ้ากำลังพูดเรื่องเหลวไหลอันใด!" หลี่หรงหรงที่จู่ ๆ ถูกอีกฝ่ายเรียกพลันโมโหและเงื้อมมือขึ้นจะตบหลี่เยว่หาน แต่ถูกหลี่ต้าเฉิงหยุดไว้เสียก่อน

“เมื่อคืนเจ้าไปไหนมา!” หลี่ต้าเฉิงถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง “แม่เจ้าบอกกับข้าว่านางไม่เคยพูดว่าอยากกินปลา และนางก็ไม่ได้ขอให้เจ้าไปจับปลาตอนกลางคืน!”

“ถ้าเยว่หานเต็มใจจะพูด นางคงพูดไปนานแล้ว เด็กผู้หญิงคนนี้ดื้อรั้นนัก หากนางไม่เห็นโลงศพก็คงไม่หลั่งน้ำตา หากให้ข้าพูด เราไปเชิญย่าเฒ่าของหมู่บ้านมาตรวจร่างกายนาง อย่างถูกต้องชัดเจนก็ย่อมได้!" หวังเฟิ่งพูดพลางมองไปที่หลี่เยว่หานด้วยสีหน้ากังวล "เยว่หาน ที่แม่ทำนี่ก็เพื่อประโยชน์ของตัวเจ้าเอง!"

หลังจากได้ยิน หลี่เยว่หานก็มองไปที่หวังเฟิ่งอย่างเงียบ ๆ และกล่าวว่า "จริงหรือ? หินมากมายนั่นก็เพื่อประโยชน์ของข้าหรือ?"

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หวังเฟิ่งก็หน้าซีดลงทันทีด้วยความตกใจ!

"หินอะไรกัน!" หลี่ต้าเฉิงขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนใจร้อน "หลี่เยว่หาน นังเด็กเวร บอกข้ามาว่าเมื่อคืนเจ้าไปไหนมา! นอกจากนี้ อาหารเช้าของบิดาเจ้าอยู่ที่ใด!"

“ข้าบอกท่านแล้วว่าเมื่อคืนข้าไปจับปลาให้กับนาง” หลี่เยว่หานมองไปที่หลี่ต้าเฉิงอย่างจริงจัง

ก่อนมา หวังเฟิ่งได้บอกหลี่ต้าเฉิงเกี่ยวกับเรื่องที่หลี่เยว่หานถูกผีเข้าไปแล้ว

แม้ว่าหลี่ต้าเฉินจะไม่เชื่อเรื่องนี้จริง ๆ แต่เมื่อได้เห็นบุตรสาวคนโตของเขาซึ่งมีนิสัยและอารมณ์แตกต่างจากในอดีตอย่างสิ้นเชิงกำลังมองตรงมาที่เขา แผ่นหลังของเขาก็อดที่จะมีขนลุกวาบขึ้นมาไม่ได้

"เหลวไหล! แม่ของเจ้าบอกว่าเมื่อคืนนี้นางไม่ได้ให้เจ้าไปจับปลา!" หลี่ต้าเฉิงพูดด้วยใบหน้าที่มืดครึ้ม "อาหารเช้าเล่า! นังเด็กเวร เจ้าขี้เกียจอีกแล้วหรือ!”

เมื่อเห็นหลี่ต้าเฉิงซักถามย้ำเกี่ยวกับอาหารเช้า หญิงสาวก็ยกมือขึ้น "ข้ากินอาหารเช้าไปคนเดียวแล้ว ส่วนท่านแม่ ท่านก็รู้แก่ใจดีว่าได้ให้ข้าไปจับปลาเมื่อคืนนี้หรือไม่"

หลี่ต้าเฉิงอาจไม่รู้ว่าหวังเฟิ่งทำอะไรไป

เป็นเรื่องจริงที่ต้องบอกว่าหลี่เยว่หานเป็นบุตรสาวของหลี่ต้าเฉิง หากชื่อเสียงฉาวโฉ่แพร่ออกไป มันจะไม่ส่งผลดีต่อตัวหลี่ต้าเฉิงเลย

นี่จึงทำให้หลี่เยว่หานแน่ใจว่าหวังเฟิ่งจะไม่กล้าบอกความจริงกับหลี่ต้าเฉิง

“ข้าบอกให้เจ้าทำอาหารเช้า แต่เจ้ากลับกินมันเข้าไปเองเรอะ!” หลี่ต้าเฉิงโกรธมากเมื่อได้ยินว่าหลี่เยว่หานกินอาหารเช้าของตนไป!

"ถูกต้อง ท่านพ่อควรสั่งสอนบทเรียนให้นางเสียบ้าง! เมื่อคืนนางไม่กลับบ้าน! นางเป็นนังโสเภณี!" หลี่หรงหรงสุมไฟยุยง

หลี่เยว่หานไม่รีบร้อน เธอมองหวังเฟิ่งด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า "ท่านแม่ เมื่อคืนข้าได้ไปจับปลาให้ท่านหรือไม่?"

"…" หวังเฟิ่งไม่เคยเห็นหลี่เยว่หานเป็นแบบนี้มาก่อน ชั่วขณะหนึ่งนางรู้สึกกลัวและหลบไปที่ด้านข้างของหลี่ต้าเฉิง

หลี่ต้าเฉิงรู้สึกสับสน "ทำไมเจ้าถึงมาซ่อนตัวอยู่ตรงนี้! นางไม่ได้จะกินเจ้าเสียหน่อย!"

เมื่อหวังเฟิ่งถูกหลี่ต้าเฉิงตะคอกใส่ นางก็ตัวสั่นเทาทันทีและพยักหน้าอย่างรวดเร็ว "ใช่ เมื่อคืนข้าบอกว่าอยากกินปลา ข้าเลยให้เยว่หานไปจับมา ข้าลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย ข้าลืมไป…"

หลังจากได้ยินสิ่งนี้ หลี่หรงหรงก็งงงวยและพูดว่า "ท่านแม่ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อใด เหตุใดข้าไม่รู้?"

"ทำไมเจ้าถึงคิดว่าจะรู้เรื่องของแม่เจ้าทุกอย่างเล่า?" หลี่เยว่หานกอดอกพิงกรอบประตูห้องครัวพลางมองไปที่หลี่หรงหรงอย่างขบขัน

"เจ้า…" หลี่หรงหรงรู้สึกเพียงว่าวันนี้หลี่เยว่หานแตกต่างไปจากเดิมมาก แต่มันแตกต่างกันอย่างไรนางไม่สามารถบอกได้

รู้แต่เพียงวันนี้นางถูกข่มอยู่ตลอด ซึ่งมันน่าโมโหอย่างยิ่ง

[1] เฮยไป๋อู่ฉาง(黑白无常) เป็นชื่อเรียกเทพสององค์ หนึ่งคือไป๋อู่ฉางที่มีหน้าที่รับวิญญาณคนดีไปตัดสินในยมโลก อีกหนึ่งคือเฮยอู่ฉาง มีหน้าที่จับวิญญาณบาปไปรับกรรมในนรก

อ่านต่อนิยายเรื่องนี้

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0

ความเห็น 0

ยังไม่มีความเห็น