จะว่าไปแล้ว‘ร่างกาย’ ของเราพยายามสื่อสารกับเราผ่านวิธีต่างๆ มาตลอด เพียงแต่เราอาจจะไม่ได้สนใจ อย่าค่ะ อย่าทำแบบนั้น เราต้องรู้จักสังเกตกันด้วย เพราะบางสิ่งบางอย่าง ถ้ารู้ก่อนเราก็หาทางป้องกันก่อนได้ แต่จะต้องเริ่มสังเกตจากอะไรได้บ้างล่ะว่าเราอกำลังอดอาหารแบบผิดๆ หรือไม่?
อย่าลืมนะคะว่า ‘การกิน’ คือสิ่งที่ร่างกายจะได้รับโดยตรง เราจึงขอเน้นตรงนี้เป็นสำคัญ! ต่อไปนี้คือ 5 สัญญาณเตือนจากร่างกาย..ว่าคุณอดอาหารแบบผิดวิธี จะมีอะไรที่เราพอสังเกตได้บ้างนั้นไปดูกันเลยค่ะ
สัญญาณแรก : ผมบางและผมร่วง
อย่ามองว่าการที่ผมบางและผมร่วงไม่สำคัญอะไรเพราะมันร่วงอยู่ทุกวันนะคะ ใช่ค่ะมันร่วงทุกวัน แต่ถ้าในวัยที่ยังไม่ควรร่วงหรือบางขนาดนั้นอันนี้น่าห่วงและควรไปตรวจเช็คด่วนๆ เพราะร่างกายของคุณกำลังเตือนอะไรหลายอย่างว่าไม่โอเค เช่น มีภาวะความเจ็บป่วย ขาดโปรตีน ขาดวิตามิน A หรือ B มากเกินไป โลหิตจาง ภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมน ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำร้ายตนเอง หรืออื่นๆ ที่อาจเกิดได้ จึงควรไปตรวจด้วยว่ามันเกิดจากอะไรกันแน่
และบางครั้งอาการดังกล่าวก็อาจเกิดจากการที่เราได้รับ ‘ธาตุเหล็ก’ น้อยเกินไป เนื่องด้วยเหล็กมีบทบาทสำคัญในร่างกาย ช่วยผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง และคอยนำพาออกซิเจนให้เลือดหมุนเวียนอย่างสะดวก อย่างไรก็ตามการขาดธาตุเหล็กอาจทำให้ผมผอมลงได้ค่ะ จึงควรเพิ่มการทานผักใบเขียวในมื้ออาหาร เพื่อช่วยกำจัดปัญหานี้ออกไป
สัญญาณสอง : มีกลิ่นปาก
กลิ่นปากมักเกิดขึ้นจากกระบวนการเผาผลาญอาหารที่เรียกว่า ketosis เมื่อร่างกายของเราไม่มีน้ำตาลกลูโคสเพียงพอมันก็จะเผาผลาญไขมันที่เก็บไว้ ซึ่งจะส่งผลในการสร้างกรดที่เรียกว่าคีโตนตามไปด้วย ดังนั้นคนที่รับประทานอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตน้อยเกินไป ก็จะมีกรด ketones ซึ่งส่งผ่านออกมาทางลมหายใจ จึงควรแก้ด้วยการใส่ใจทานอาหารที่สามารถให้คาร์โบไฮเดรตในปริมาณตามที่วัยต้องการด้วยค่ะ
สัญญาณสาม : ท้องผูก
สัญญาณนี้เกิดจากการที่เราดื่มน้ำไม่เพียงพอจึงทำให้เกิดอาการท้องผูกค่ะ ดังนั้นควรรับประทานอาหารที่อุดมด้วยเส้นใยในอาหาร ถั่ว พร้อมเน้นการดื่มน้ำเปล่าเป็นสำคัญ เพื่อให้ลำไส้เคลื่อนไหวได้สะดวกและแข็งแรงขึ้นนั่นเอง
สัญญาณสี่ : รอยแตกที่มุมปาก
รอยแตกที่เกิดขึ้นบริเวณมุมปากมักเกิดจากการขาดธาตุเหล็ก การติดเชื้อรา และแบคทีเรียที่อาจนำไปสู่ภาวะเดียวกันนี้ได้ วิธีแก้ไขก็ง่ายๆ ค่ะ คือให้ใช้ลิปบาล์มหรือปิโตรเลียมเจลเพื่อรักษาอาการเหล่านี้ หรือทานอาหารที่มีธาตุเหล็กเพิ่มเติมด้วยก็จะดีมาก
ความเห็น 0