โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

นี่เงินเดือนหรือเงินการกุศล! เมื่อเงินที่ควรเป็นของเรา แต่ต้องเอาให้คนอื่นใช้

LINE TODAY ORIGINAL

เผยแพร่ 03 ม.ค. 2565 เวลา 17.00 น. • nawa.
 Background photo created by mrsiraphol - www.freepik.com
Background photo created by mrsiraphol - www.freepik.com

   สารภาพมาซะดี ๆ ใครกำลังประสบปัญหานี้อยู่บ้าง ทำงานแทบตาย พอเงินเดือนออก กลับต้องนำไปใช้หนี้ให้คนอื่น หรือต้องแบ่งไปให้คนอื่นใช้ จนเดือดร้อนตัวเอง ชักหน้าไม่ถึงหลัง กลายเป็นเอ็นดูเขาเอ็นเราขาดซะงั้น

   หลายคนมีภาระทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องครอบครัว ลำพังค่าใช้จ่ายของตัวเองก็มากพออยู่แล้ว ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ค่าเช่าห้อง ค่าโทรศัพท์ ค่าบัตรเครดิต ไหนจะต้องให้พ่อให้แม่รายเดือนอีก ซ้ำร้ายบางคนต้องใช้หนี้ที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนก่อ กลายเป็นว่าได้เงินเดือนมาทีไร ก็แทบไม่เหลือเก็บไว้บำรุงบำเรอตัวเองสักเท่าไหร่เลย ทุกข์ใจวนไปเรื่อย ๆ แต่ครั้นจะให้ตัดหางปล่อยวัด ตัดความสัมพันธ์จากคนในครอบครัวก็ไม่อาจทำได้ เรื่องใหญ่แน่ ๆ ก็เลยต้องอยู่กับความกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นไปเรื่อย ๆ

แล้วจะทำยังไงดีกับปัญหานี้ LINE TODAY ORIGINAL วันนี้มีคำแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝาก ลองนำไปปรับใช้กันดูนะ

1.ไม่บอกเรื่องเงินเดือนกับใครก็ตาม

   เงินเดือนคือความลับของเราแต่เพียงผู้เดียว เป็นกฎในชีวิตที่ควรท่องไว้ บางคนอาจจะสะดวกใจบอกรายรับที่มีกับคนใกล้ชิดก็ไม่ว่ากัน แต่เมื่อบอกใครไปแล้วก็ต้องยอมรับความเสี่ยงให้ได้ ความเสี่ยงที่ว่าคนอื่นอาจจะมองว่าเรามีเงิน เงินเดือนสูง หากจะขอหยิบยืมหรือขอช่วยให้จัดการภาระหนี้ให้หน่อย โดยเฉพาะคนในครอบครัวเอง เพราะฉะนั้นหากอยากตัดไฟตั้งแต่ต้นลมก็อย่าเอ่ยปากบอกเม็ดเงินที่ได้รับในแต่ละเดือนกับใครเลยจะดีกว่า อย่างน้อยก็สามารถจัดสรรเงินส่วนตัวได้อย่างสบายใจ

   ในทางกลับกันสิ่งที่ควรจะบอกกล่าวให้คนอื่นรู้ไว้บ้างกลาย ๆ ก็คือภาระหนี้สินที่เรากำลังแบกรับอยู่ เขาจะได้รู้ว่าเราเองก็มีเรื่องต้องจัดการเหมือนกัน ไม่เช่นนั้นคนอื่นก็จะมองว่าเรามีเงินและจ้องจะขอเงินเราอยู่ตลอด

2.ตัวเองต้องมาก่อน

   อย่าลืมว่าเราคือคนที่คอยช่วยซัพพอร์ตคนอื่น แต่หากเราล้มละลายซะเอง อาจไม่มีใครมาช่วยเราก็ได้ เพราะฉะนั้นให้ยึดภาระตัวเองเป็นหลักไว้ก่อน มันไม่ใช่ความเห็นแก่ตัวที่ผิด เพราะยังไงเงินที่เราได้มา มันก็เกิดจากความเหนื่อยล้า น้ำพักน้ำแรงของเราทั้งนั้น เงินที่หามาได้ก็ควรถูกใช้ไปเพื่อความสุข ไม่ใช่ความทุกข์ ไม่เช่นนั้นการหาเงินมาได้ก็คงไม่มีความหมายอะไร เพราะเสมือนว่าหาให้คนอื่นใช้ ไม่ถูกต้องเอาซะเลย เราต้องช่วยเหลือตัวเองก่อนช่วยคนอื่นนะ

3.ตั้งลิมิตวงเงิน

   ให้เงินเขาเท่าที่เราไหว! ต่อจากข้อข้างบน ตัวเราเองต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง ต่อจากนั้นจะให้เงินใครก็ตามต้องอยู่บนความเหมาะสม ไม่เดือดร้อน ไม่เข้าเนื้อ ให้เท่าที่รับได้ และควรต้องให้ด้วยความเต็มใจ โอเคแหละว่าในบางสถานการณ์อาจไม่ได้เต็มใจ 100% แต่ก็จำเป็นต้องให้ ดังนั้นคำตอบที่ดีที่สุดคือ ให้เท่าที่เราไหว ให้เท่าที่เราสะดวกก็พอ ไม่ต้องสนใจตัวเลขที่เขาเรียกร้องมา ไม่งั้นจะเป็นทุกข์เปล่า ๆ ขนาดบัตรเครดิตยังมีลิมิตกับเราเลย ลองทำแบบนั้นบ้างสิ 

4.อย่ารู้สึกผิดพร่ำเพรื่อ

   และอย่าติดกับดักความกตัญญู สิ่งที่เรามักจะเจอเมื่อมีคนใกล้ชิดขอใช้เงินเรา แต่เราไม่สะดวกก็คือสารพัดคำตำหนิ ตัดพ้อ ว่าเราอกตัญู ไม่สำนึกบุญคุณ ทำให้เราซึ่งเป็นคนที่ทำงานหาเงินมาเองแท้ ๆ กลับต้องเป็นฝ่ายรับความรู้สึกผิดนั้นไว้แทน ผิดที่ผิดทางไปหมดนะชีวิต ใจเย็น ๆ ค่ะ เราไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดมากหรือเจ็บปวดเหลือเกินที่ไม่ยื่นเงินให้คนที่แบมือขอ เพราะเราเองก็มีภาระ แทนที่จะเอาเวลาไปรู้สึกผิด ควรหันมามองความเป็นจริงของตัวเองตอนนี้ดีกว่า ให้กำลังใจตัวเองบ้าง และก้าวผ่านความรู้สึกผิดนั้นออกมาให้ไวที่สุด 

5.ประกาศชัดว่าไม่ให้อีกต่อไป

   นอกจากจะมีลิมิตวงเงินที่ให้แล้ว จำนวนครั้งที่ให้ก็ควรลิมิตให้เด็ดขาดด้วย ไม่เช่นนั้นคนอื่นจะไม่มีความเกรงใจเราอีกต่อไป หากตกลงรับปากว่าจะให้เงินครั้งหนึ่งแล้ว ไม่แปลกถ้าจะมีครั้งที่สองครั้งที่สามตามมา ออกตัวให้ชัดเจนไปเลยว่า ให้ได้ แต่ให้แค่ครั้งเดียวครั้งนี้เท่านั้นนะ อย่าแกว่งเท้าหาเสี้ยนรับภาระคนอื่นมาจัดการเองตลอดไป ไม่งั้นเราจะไม่มีวันมีอิสระทางการเงินแน่นอน

   เรื่องเงินไม่เข้าใครออกใคร และเป็นปัญหาโลกแตกมาทุกยุค บางเงื่อนไขก็จัดการเด็ดขาดได้ บางเงื่อนไขก็คาราคาซัง ไม่รู้จะตัดปัญหาอย่างไรดี การถูกขอหยิบยืมเงิน หรือขอเงินจากคนใกล้ตัวก็เป็นอีกหนึ่งในหลาย ๆ ปัญหาที่ต้องค่อย ๆ แก้ เพราะมันยึดอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่างกัน ก็เลยเกิดอาการหนักอกหนักใจอยู่เรื่อย ๆ เอาเป็นว่าใครกำลังเจอปัญหาแบบนี้ ขอให้ลองนำวิธีเหล่านี้ไปปรับใช้ดูค่ะ

.

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0