โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สังคม

"รอง ผบชก." เผยความคืบหน้า 3 คดีดัง

THE ROOM 44 CHANNEL

เผยแพร่ 04 พ.ย. 2567 เวลา 05.50 น.

"รอง ผบชก." เผยความคืบหน้า 3 คดีดัง ย้ำตำรวจทำงานอย่างรอบคอบ

เมื่อวันที่ 4 พ.ย. 2567 ที่กองบังคับการปราบปรามพล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วย พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม ลงมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเพื่อเปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีต่าง ๆ ที่กำลังเป็นที่สนใจ

โดยในส่วนคดีทนายชื่อดังกับเจ๊อ้อย 71 ล้านบาท พล.ต.ต.สุวัฒน์ เผยว่า อยู่ในระหว่างการสอบปากคำผู้เสียหายไปจนถึงการรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ ซึ่งสาเหตุที่ทำไมต้องสอบปากคำผู้เสียหายหลายครั้ง เนื่องจากคำให้การของผู้ต้องหามีรายละเอียดที่เยอะมาก ต้องตรวจสอบคำให้การของผู้เสียหายว่าตรงตามพยานหลักฐานหรือไม่ หากพบความขัดแย้งก็ต้องสอบปากคำประเด็นนั้นให้ชัดเจน ซึ่งในส่วนของผู้เสียหายตอนนี้สอบปากคำไปแล้วมากถึง 80% ทั้งปมประเด็นเงิน 71 ล้านบาทและปมเงิน 39 ล้านบาท

ส่วนในเรื่องฐานการทำความผิดนั้น ต้องรอให้พยานหลักฐานครบถ้วนชัดเจนก่อน ถึงจะต้องพิจารณาต่อไปว่า ผู้ถูกกล่าวหาเข้าข่ายการกระทำความผิดฐานใดและได้กระทำความผิดจริงหรือไม่ ก่อนจะหาทาง ติดต่อหรือนำตัวผู้ถูกกล่าวหาเข้าสู่กระบวนการ ไม่ว่าจะเป็นการออกหมายเรียกหรือออกหมายจับ ซึ่งตอนนี้ทางตำรวจยังไม่ได้มีการกำหนดระยะเวลา เพื่อให้ทางตำรวจทำงานอย่างรอบคอบและละเอียดที่สุด

ทั้งนี้ ทนายความชื่อดังคนดังกล่าวยังไม่มีการประสานกับทางตำรวจเพื่อเข้าให้ปากคำกับตำรวจ และทางตำรวจยังไม่ได้มีการติดต่อเพื่อรอพยานหลักฐานให้ครบถ้วนก่อน ส่วนที่มีกระแสข่าวลือว่าทนายผู้ถูกกล่าวหาหลบหนีออกนอกประเทศนั้น ยังไม่ได้รับรายงานในเรื่องดังกล่าวและตอนที่ทนายคนดังได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า พร้อมจะเข้ามาให้ข้อมูลกับทางตำรวจ จึงเชื่อว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่หลบหนีอย่างแน่นอนและทางตำรวจก็พร้อมให้ความเป็นธรรม

ส่วนที่มีกระแสข่าวลือว่า มีการเข้าค้นสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้นั้น เรื่องนี้ขอยังไม่เปิดเผยรายละเอียด แต่ยืนยันว่าทางตำรวจมีพยานหลักฐานจากการตรวจค้นที่ผ่านมาในระดับหนึ่งแล้ว

สำหรับประเด็นการส่งสำนวนคดีทองแม่ตั๊กนั้น พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า ในส่วนคดีนี้แบ่งออกเป็น 2 เฟส โดยในเฟสแรก พนักงานสอบสวน ปคบ. ได้สรุปสำนวนเป็นที่เรียบร้อยแล้วและเตรียมส่งให้พนักงานอัยการในวันพรุ่งนี้ (5 พฤศจิกายน)

ซึ่งในเฟสดังกล่าวจะดำเนินคดีกับผู้ต้องหา 3 ราย คือ แม่ตั๊ก ป๋าเบียร์ และตัวบริษัทนิติบุคคล ใน 5 ข้อหา ได้แก่ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค ตามมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 ร่วมกันเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่นอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ ไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่น โฆษณาหรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อควรรู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ตามมาตรา 47 แห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 และประกอบกิจการกิจการตลาดแบบตรงโดยไม่ต้องอนุญาตจาก สคบ.

ส่วนคดีในเฟสที่ 2 ยังอยู่ในระหว่างการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานจากผู้เสียหาย ซึ่งในเฟสนี้มีผู้เสียหายประมาณ 1,600 คน และยังคงมีผู้เสียหายทยอยมาแจ้งความอย่างต่อเนื่อง โดยผู้เสียหายสามารถมาแจ้งความได้ที่ ปคบ. ทั้งนี้ จะดำเนินคดีทั้ง 5 ข้อหาเหมือนเฟสแรกและจะดำเนินคดีในข้อหาฟอกเงินด้วย

ดังนั้น นอกจากจะสอบสวนจากผู้เสียหายแล้ว ก็จะดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงินย้อนหลัง เพื่อตรวจสอบการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินที่อาจจะยักย้ายไปยังบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ทำให้คดีในเฟส 2 นั้น อาจจะมีผู้ต้องหาที่มากกว่าแม่ตั๊กและป๋าเบียร์ แต่จะมีจำนวนกี่รายยังตอบไม่ได้ ต้องรอรวบรวมพยานฐานให้ชัดเจนก่อน

ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยเรื่องความคืบหน้าคดีคลิปเสียงเรียกรับผลประโยชน์จากนักการเมืองถึงบอสพอล ผู้ต้องหาในคดี The icon ว่า เบื้องต้นจากการสืบสวนพบเส้นทางการเงินระหว่างตัวบอสพอลและแม่นักการเมืองอักษรย่อ ส.เสือ แต่เส้นเงินที่เจอยังมีเพียงแค่หลักแสนกว่าบาท ยังไม่เจอจำนวนถึง 2 ล้านกว่าบาทตามที่เป็นข่าว แต่ทางตำรวจก็ยังคงสืบสวนต่อไปในเชิงลึกว่าจริง ๆ แล้วมียอดเงินจำนวนเท่าไหร่กันแน่

ทั้งนี้ ต้องดูความร่วมมือของบอสพอลว่า จะแจ้งความร้องทุกข์ในฐานะผู้เสียหายหรือไม่ ซึ่งภายในสัปดาห์นี้ จะจัดให้พนักงานสอบสวนกองปราบปรามเข้าไปสอบปากคำบอสพอลและสอบถามว่าตั้งใจจะแจ้งความเอาผิดหรือไม่ในประเด็นนี้

สำหรับกรณีพยานให้การเท็จของเอก สายไหมต้องรอด ในช่วงบ่ายวันนี้ ทนายความที่ได้รับมอบหมายจากบอสพอลจะเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับทางตำรวจ หลังจากก่อนหน้านี้ได้เข้าแจ้งความเอาผิดเอก สายไหมต้องรอดและพยานเท็จในข้อหาหมิ่นประมาทแล้วกับแจ้งดำเนินคดีเอก สายไหมต้องรอด ในข้อหานำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งตอนนี้ต้องรอการให้ปากคำจากฝั่งผู้แจ้งความให้เรียบร้อยก่อน ถึงจะให้ทางคณะกรรมการพิจารณาต่อไปว่า จะดำเนินการออกหมายเรียกให้เอก สายไหมต้องรอดเข้ามาให้ปากคำเมื่อไหร่

ส่วนกรณีที่บอสพอลไปพูดในรายการโทรทัศน์แล้วอ้างว่า มีเทวดาใน สคบ. นั้น จากการตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว สิ่งที่บอสพอลพูดเป็นการสอนลูกน้องว่า เวลาจะไปติดต่อหน่วยงานไหน ให้ไหว้เจ้าที่เจ้าทางเทวดาอารักษ์ที่ปกปักรักษาหน่วยงานนั้น ซึ่งเป็นการพูดในเชิงความเชื่อ แต่จะมีเรื่องเงินเรื่องทองจริง ๆ หรือไม่ เรื่องนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน

สำหรับกรณีที่ทนายความของบอสพอลแจ้งความดำเนินคดีกับนักร้องหญิงในเรื่องกรรโชกทรัพย์นั้น ขณะนี้เหลือการสอบพยานบุคคลบางปาก เมื่อดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จะให้ทางคณะกรรมการ พิจารณาต่อไปว่า จะดำเนินการนำนักร้องหญิงคนดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการสอบปากคำต่อไป

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0