บอล-เมธา “ดารุมะ ซูชิ” อ้างขายคูปองถูก เพราะหมุนเงินไม่ทัน
เปิดงบกำไร-ขาดทุน ร้านซูชิขายคูปองทิพย์ เหลือกำไรล้านเดียว
ผู้เสียหายกว่า 10 คน นำคูปอง (Voucher) ที่ซื้อมาจากการไลฟ์ขายในเพจเฟซบุ๊ค และเอกสารการแจ้งความเข้าพบ ทนายรัชพล ศิริสาคร ให้ช่วยเรื่องคดีความ หลังถูกหลอกขายคูปอง รวมความเสียหายกว่า 2 ล้านบาท ต่อมาได้แจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่คดีก็ยังไม่มีความคืบหน้า
นางสาว ปภาดา ศรีพสุธา หนึ่งในผู้เสียหาย เล่าว่า เริ่มแรกต้องการไปเที่ยวพักใน จ.ชลบุรี จึงค้นหาข้อมูลในกลุ่มเฟซบุ๊ค พบมีคนขายคูปองจึงซื้อไว้เอง ก่อนแสกนคิวอาร์โค้ดติดต่อจองห้องพัก ซึ่งก็สามารถพักได้จริง ต่อมาเห็นชื่อเพจเฟซบุ๊กและบริษัทบนใบคูปองจึงลองเข้าไปค้นหาข้อมูล พบในเพจมีการไลฟ์ขายคูปองราคาถูกกว่าที่ตีพิมพ์ไว้หน้าใบคูปอง เช่น คูปองที่พักราคา11,900บาท ไลฟ์ขายไม่ถึง 1,000 บาท คูปองราคา 999 บาท ไลฟ์ขายเพียง 22 บาท ซึ่งมองว่าสามารถทำกำไรให้ตนได้ในช่วงนี้ จึงตัดสินใจซื้อคูปองไว้ขายต่อ จำนวนกว่า 100 ใบ มีทั้งคูปองที่พัก คูปองล่องแพ คูปองแพตกหมึก และร้านอาหารต่าง ๆ
ทั้งนี้ปรากฏว่าเมื่อลูกค้านำคูปองไปใช้จริงกลับเกิดปัญหาขึ้น ลูกค้าไม่ได้รับการอำนวยความสะดวก หรือที่พักบางแห่งก็ไม่อนุญาตให้เขาพักเลย โดยให้เหตุผลว่าทางบริษัทไม่ได้ชำระเงินตามสัญญา จนลูกค้ามาร้องเรียนขอเงินคืน เสียหายกว่า 60,000 บาท โดยรวมแล้วทราบว่ามีผู้เสียหายในลักษณะเดียวกัน กว่า 300 คน
สำหรับผู้เสียหายอีกกลุ่ม ก็คือลูกจ้างบริษัทต้นทางที่ทำคูปองมาหลอกขาย โดย นางสาวนันทิพัฒน์ คุ้มภัย อดีตพนักงาน ระบุว่า เคยเป็นลูกค้ามาก่อนจนกระทั่งเห็นในเพจรับเข้าไปสมัครงานในตำแหน่งแอดมินจึงเข้าไปสมัคร เมื่อทำงานได้สักพักถูกโยกย้ายให้ไปเป็นผู้จัดการ ทำหน้าที่รับลูกค้า ตามบ้านพักที่บริษัทส่งไป ซึ่งสังเกตเห็นความผิดปกติว่า เหมือนเป็นการจัดฉาก ให้ตนพาลูกค้าที่มีปัญหาจากคูปองที่พักอื่น ๆ ให้มาอยู่ที่พักที่บริษัทจัดไว้ นอกจากนั้นตนยังมีปัญหาเรื่องของเงินเดือนที่ไม่ได้รับตามกำหนด ซึ่งขณะนี้มีพนักงานบริษัทไม่ได้รับเงินเดือนเกือบ 100 คน หรือยอดรวมที่บริษัทค้างจ่ายไม่ต่ำกว่า 1,600,000 บาท
ทนายรัชพล กล่าวว่า กรณีนี้หากมีการสืบทราบพบว่าทางบริษัทจงใจขายคูปองทิพย์ ที่ไม่มีที่พักอยู่จริงก็จะเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชนและหากพบว่ามีการโยกย้ายเงินหรือมีผู้ร่วมขบวนการอื่น ๆ ก็อาจมีความผิดในฐานฟอกเงินด้วย หลังจากนี้ตนจะส่งหนังสือทวงถามความคืบหน้าเรื่องคดีไปยัง ปคบ.ที่ผู้เสียหายเคยแจ้งความไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งตามปกติแล้วเจ้าหน้าที่จะต้องติดต่อผู้เสียหายเพื่อชี้แจงความคืบหน้าภายใน 30 วันแต่ขณะนี้พบว่าผ่านมาหลายเดือนแล้วที่ไม่มีการติดต่อกลับ
“ต้องย้ำกันครับ ว่าผู้กระทำผิดคือเอกชนที่ไปติดต่อที่พัก โรงแรม ทำเวาเชอร์มาขายลูกค้าราคาถูก แต่ตัวเองไม่ยอมไปชำระเงินกับทางที่พัก โรงแรมที่ติดต่อไว้ ดังนั้น บรรดาโรงแรมต่างๆ จึงเป็นผู้เสียหาย เนื่องจากถูกเอกชนเจ้านี้ อ้างชื่อไปทำโปรโมชั่นด้วยครับ” ทนายรัชพล กล่าว