ช่วงนี้ใครๆ ต่างตื่นตัวกับข่าวฝุ่น PM2.5
ฝุ่นพิษขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอนที่แม้มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่แฝงมลพิษร้ายก่อโรคได้นานับประการ
กระแสฝุ่นพิษที่อาจทำให้คนเมืองเป็นโรคปอด มะเร็ง และอีกมากมาย
ทำให้หลายคนที่ไม่เคยสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมมาก่อน หันมาสนใจกันมากขึ้น
…
แต่เราทุกคนกำลังสนใจปัญหาสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้นจริงๆหรือเปล่า
หรือแค่กำลังใส่ใจปัญหามลพิษเพราะกลัวว่าจะเป็นภัยกับตัวเอง
วันนี้เฟื่องขอหยิบเรื่องเล่าเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมมาเล่าสู่กันฟังเพลินๆเผื่อเป็นแรงบันดาลใจค่ะ
ถ้าพูดถึง Email หลายคนคงนึกถึงการส่งถึง เจ้านาย เพื่อนร่วมงาน
แต่เชื่อไหมว่ามีคนมากมายเขียน Email ส่งความในใจถึงต้นไม้หลายหมื่นต้นที่เมลเบิร์น !!
….
หลายปีก่อนเมลเบิร์นได้เริ่มโครงการต้นไม้ในเมือง
หนึ่งในนั้นคือแคมเปญ Tree-mail มีการมอบ email address รวมทั้งหมายเลข Tree ID หรือเลขประจำตัวให้ต้นไม้ในเมืองทุกต้นเพื่อให้พลเมืองดีสามารถส่งข้อความแจ้งหน่วยงาน ที่ดูแลต้นไม้ได้ถ้าเห็นต้นไม้บาดเจ็บ เช่น กิ่งหัก
ผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิด คือ นอกจากข้อความที่แจ้งทั่วไปแล้ว มีคนมากมายที่ส่งจดหมายสื่อความรักที่มีต่อต้นไม้ และนี่คือตัวอย่างข้อความน่ารักๆ ที่คนเขียนถึงต้นไม้ค่ะ
“ถึง ต้นโอ๊ค Tree ID 1032705
ขอบคุณที่ผลิตออกซิเจนให้พวกเราและเป็นต้นไม้ที่สวยงาม
ไม่รู้เลยว่าจะอยู่ยังไง ถ้าไม่มีเธอมาช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ (อาจจะอยู่ในนรกไปแล้ว) ขอให้เป็นต้นไม้ที่แข็งแรง และเติบโตท่ามกลางผู้คนมากมายในเมืองต่อไปนะ
เธอเป็นเหมือนของขวัญที่มอบสิ่งดีๆ ให้พวกเราเสมอ”
“ถึง ต้นเอล์ม Tree ID 1037148
เสียใจด้วยจริงๆที่เธอกำลังจะตายในไม่ช้า ฉันเองก็รู้สึกเศร้าไปด้วยที่รถบรรทุกได้ทำลายกิ่งของเธอ
เหนื่อยกับการก่อสร้างในเมืองเหมือนกับฉันใช่ไหม?”
อาจดูเป็นเรื่องตลกที่คนมากมายเขียนความในใจถึงต้นไม้ที่อ่านหนังสือไม่ได้ แต่โครงการนี้ได้รับความนิยมถล่มทลาย
ไม่เพียงแค่คนเมลเบิร์นที่ชอบโครงการนี้ แต่คนทั่วโลกก็เริ่มส่ง Email ถึงต้นไม้ที่เมลเบิร์นด้วย
โครงการนี้มีการต่อยอดโดยทำเว็บไซต์แสดงแผนผังต้นไม้ในเมือง (Forest Visual) ว่ามีต้นไม้พันธ์ุไหนบ้าง อยู่ตรงไหนในเมืองบ้าง
ซึ่งนอกจากจะทำให้คนเมืองรู้จักต้นไม้มากขึ้นแล้ว ยังทำให้ผูกพันและใส่ใจสิ่งแวดล้อมขึ้นอีกด้วย
จะเห็นว่าแม้ใครต่อใครชอบบอกว่าเทคโนโลยีทำให้เราห่างไกลธรรมชาติ แต่ความจริงแล้วในทางกลับกัน เราสามารถใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น ถ้าเราใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาด
เหมือนเมืองเมลเบิร์นที่ออกแบบวิธีการสื่อสารที่ทำให้คนอยากคุยกับต้นไม้ จนทำให้คนรักต้นไม้มากขึ้น
ในยุคที่หลายๆ คนรู้สึกว่า “ขาดมือถือเหมือนขาดออกซิเจน” ขาดเทคโนโลยีเหมือนขาดใจ
เมื่อถึงวันที่มลพิษลอยฟุ้งทั่วเมืองและทุกคนเริ่มโหยหาอากาศบริสุทธิ์
ในอนาคตเราอาจต้องมาคิดร่วมกันว่า
เราจะใช้เทคโนโลยีอย่างไรให้ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น
สำหรับคนกรุงเทพฯ ถ้าอยากรู้จักต้นไม้ในเมืองเรามากขึ้น
เข้าไปดูได้ที่เพจ Big Trees นะคะ
(https://www.facebook.com/BIGTreesProject/)
ที่มา:
https://www.abc.net.au/news/2018-12-12/people-are-emailing-trees/10468964
https://www.bigtreesthai.com/about-bigtrees/what-we-do.html
https://www.theatlantic.com/technology/archive/2015/07/when-you-give-a-tree-an-email-address/398210/
http://melbourneurbanforestvisual.com.au/#getinvolved
About Me
Instagram: http://www.instagram.com/faunglada
Facebook: http://www.facebook.com/faunglada
Youtube: http://www.youtube.com/faunglada
Twitter: @faunglada
Website: www.faunglada.com
ความเห็น 11
ผมคิดว่าถ้าหากว่าช่วยกันอนุรักษณ์และรักษากับในสิ่งที่ธรรมชาติได้สร้างขึ้นมาไว้ให้แล้ว ผมเชื่อว่าในสิ่งที่เป็นธรรมชาติก็สามารถที่จะช่วยบรรเทากับในความเปลี่ยนแปลงต่างๆที่เกิดขึ้นมาได้เหมือนกันนะครับ.
24 ม.ค. 2562 เวลา 11.48 น.
ant fitzpro
เรื่องนี้น่าสนใจมาก เราไม่ควรให้มันผ่านไป คนกรุงเทพ เชียงใหม่ และอีกหลายเมืองต้องทำอะไรบางอย่าง
24 ม.ค. 2562 เวลา 14.07 น.
~Moscow ~
ถ้าในไทยลองทำเป็นโครงการเล็กๆ ก่อนอาจได้ความสนใจจากองค์กรอิสระหรือภาคส่วนอื่นๆ ก็ได้นะครับ
25 ม.ค. 2562 เวลา 01.12 น.
มนุษนี่ต่างหากที่เป็นตัวกำหนดถ้ามนุษเรารู้จักเพียงพอสิ่งเหล่านี้คงไม่เกิดขึ้นธรรมชาติทำหลายได้ก็สร้างได้ถ้าเราทุกคนพยายาม ถึงต้นสัก2ต้นที่ช่วยความล่มเย็น
24 ม.ค. 2562 เวลา 12.07 น.
อาเสาะ
ถึงต้นไม้ทุกต้นที่โดนโค่น คิดถึงจัง
24 ม.ค. 2562 เวลา 11.26 น.
ดูทั้งหมด