โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

เดินจนเพลีย..ที่เมียงดง - เพจ ปั่นเรื่อง เป็นภาพ

TALK TODAY

เผยแพร่ 13 ต.ค. 2562 เวลา 17.00 น. • เพจ ปั่นเรื่อง เป็นภาพ

เดินจนเพลีย..ที่เมียงดง 

เมื่อตอนที่ผมมาเกาหลีใต้ ผมมีแพลนอยากจะเดินเที่ยวตามร้านสตรีทแฟชั่น และอยากอยู่พักในใจกลางเมืองด้วย เพื่อง่ายต่อการเดินทางไปที่ต่างๆ ได้สะดวก ผมจึงเลือกย่านเมียงดงเป็นที่พักของผม

เมียงดง เป็นย่านการค้าขนาดใหญ่ของเกาหลีใต้ มีตลาดและศูนย์การค้า มีร้านค้ารวมไปถึงสินค้าหลากชนิดขายอยู่ทั้งหมดในย่านนี้เป็นย่านช้อปปิ้งของวัยรุ่นเกาหลีใต้ที่ต่างมาเดิน หาสินค้าอัพเดทแฟชั่นกันที่นี้ ถ้าเป็นผู้หญิงก็มาหาเครื่องสำอาง ถ้าเป็นผู้ชายก็มาตามหารองเท้า เรียกว่าเราเดินที่เดียวก็สามารถหาของดูได้หมดทุกอย่าง เพียงแต่อาจต้องใช้เวลาทั้งวัน หรือหลายวันนั้นเอง

ผมเลือก Savoy Hotel เป็นที่พักของผม ด้วยเพราะอยู่ห่างจากสถานีรถไฟเมียงดงไม่ไกลนัก เดินแค่ 5 นาทีก็ถึง พักที่นี้จึงสะดวกมาก

ที่หน้า Savoy Hotel จะเป็นร้าน Line Shop ที่มีเจ้าตุ๊กตาหมีบราวน์ตัวใหญ่ยักษ์ตั้งอยู่ ผมเดินออกจากโรงแรมทุกวันก็มีพี่หมีบราวน์นี้แหละที่คอยยืนทักทายผมอยู่ทุกวัน พี่หมีบราวน์อยู่ที่นี้ฮอตมาก เวลาผมเดินเข้าออกจากโรงแรมผมจะเห็นสาวๆ มายืนต่อแถวถ่ายรูปกับพี่หมีบราวน์ตลอดเวลา

ที่เมียงดงมีร้านอาหารขายมากมายหลายแบบ รวมไปถึงสตรีทฟู้ดที่เป็นรถเข็นก็มี แต่มื้อแรกที่ผมจัดเลยเมื่อมาถึงคือ ร้านโจ๊ก Bonjukชื่อดัง โดยมีเมนูเด็ดคือ โจ๊กเป๋าฮื้อ คนต่อแถวยาวมากเป็นเครื่องยืนยันว่าดังจริง ผมยื่นมองป้ายเมนูว่ามันสามารถสั่งใส่โสมเพิ่มเติมลงไปได้ไหนๆ ก็มาเมืองโสมทั้งทีก็สั่งใส่โสมเพิ่มหน่อย แล้วโจ๊กชามของผมก็ถูกเสิร์ฟมาตรงหน้า ผมตกใจมากไม่คิดว่าชามมันจะใหญ่ขนาดนี้

ในเซ็ตจะมีพวกเครื่องเคียงกิมจิมาให้ด้วย ตัวโจ๊กผมมองว่ามันดูออกจะเป็นข้าวต้มซะมากกว่าโจ๊ก เม็ดข้าวยังเป็นเม็ดๆ อยู่ น้ำออกจะข้นหน่อย เป๋าฮื้อถูกหันเป็นชิ้นบางๆ ผมชิมไปแล้วรู้สึกไม่เหมือนอย่างที่ผมคิด อาจเป็นเพราะผมยึดติดกับโจ๊กแนวฮ่องกงมากกว่า พอมาเป็นแบบนี้ เลยออกจะดูต่างจากที่ผมเคยกินไป เรียกว่าผิดหวังนิดๆ

เสร็จจากตุนเสบียงใส่ท้องแล้วผมก็เดินเที่ยวเมียงดงต่อทันที ในย่านเมียงดงจะมีถนนเส้นหลักหนึ่งเส้นแล้วทั้งสองฝั่งของถนนเส้นหลักก็จะแตกเป็นซอยแยกย่อยหลายซอยทะลุเชื่อมกับถนนใหญ่ด้านนอก โดยในแต่ละซอยจะมีร้านค้ามากมายตั้งรอให้เราเข้าไปช้อปปิ้งอยู่ 

ผมเห็นที่นี่มีร้านขายเครื่องสำอางเยอะมาก มีทั้งแบบในรูปของร้านค้า หรือเป็นแผงลอยก็มี เบ็ดเสร็จรวมกันก็มีเป็นหลายร้อยร้าน เรียกได้ว่าเดินไปตรงไหนก็จะเจอร้านขายเครื่องสำอางทั้งสองข้างถนน ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็ไม่ใช่มีแค่เพียง 1 ร้าน เมื่อผมเดินต่อไปก็จะเจอร้านของแบรนด์เมื่อกี้อีกอยู่บ่อยๆ และราคาก็ไม่แพงด้วย แต่ละร้านก็งัดกลยุทธ์ทั้งลด ทั้งแจก ทั้งแถมมาล่อตาล่อใจเราเป็นอย่างมาก ยิ่งถ้าพวกที่มาร์คหน้าที่นี่มีขายสารพัดรูปแบบ สารพัดกลิ่น มีขายเยอะถึงขนาดซื้อ 10 ซอง แถม 10 ซองเลยก็มี 

นอกจากร้านเครื่องสำอางแล้วที่นี่ยังมีสินค้าเสื้อผ้าแฟชั่นเยอะมาก รวมไปถึงรองเท้าสนีกเกอร์ก็มีร้านขายติดๆ กันให้เดินเลือกตามใจชอบAdidas, Nike มากันหลายร้าน รวมไปถึงร้าน abc Mart ร้านรองเท้าที่ขายถูกกว่าราคาร้านใน Shop ก็ตั้งอยู่ติดๆ กัน หรือ Foot Locker ร้านสตรีทชื่อดังที่มีรองเท้า Limited Edition ขายด้วยก็มาตั้งอยู่ในย่านเมียงดงด้วยเช่นกัน

ผมแวะร้านรองเท้าแทบจะทุกร้านที่เดินผ่าน เรียกได้ว่ามีรองเท้ารุ่นต่างๆ หลากหลายมาก บางรุ่นก็มีขายในไทย บางรุ่นในไทยก็ยังไม่เข้ามาขาย และก็มีบางรุ่นที่ไทยเราไม่นำเข้ามา ผมลองคำนวณราคาคร่าวๆ ราคาขายไม่ได้ถูกกว่าในไทยเลย แถมบางรุ่นออกจะแพงกว่าราคาในไทย 100-200 บาทด้วยซ้ำ แต่ถ้าเราซื้อรุ่นที่เป็น Limited Edition หรือ รุ่นที่ไม่มีขายในไทยก็นับว่าคุ้มอยู่

ผมเดินออกจากร้าน Foot Locker มาไม่นานก็เห็นวัยรุ่นยืนออกันหน้าร้านรองเท้ากันเป็นตับ หน้าร้านมีสติกเกอร์แปะชื่อร้านว่า “LesMore” ภายในร้านยังปิดประตูไว้อยู่ แต่จากภายนอกสามารถมองเห็นว่าเขานำรองเท้า Adidas Yeezy รุ่นพิเศษมาวางโชว์ข้างในร้าน ที่แท้วัยรุ่นก็ยืนรอให้ทางร้านฉลากผู้โชคดีที่จะมีสิทธิ์ซื้อ Adidas Yeezy นั้นเอง ผมเห็นมีคนในร้านถือสมุดออกมาขานชื่อคนที่ยืนออกันอยู่หน้าร้าน คิดๆ แล้ววิธีการก็ไม่ต่างจากที่ไทยเราเท่าไรนัก แต่ที่นี่คนที่มายืนรอ ดูจะเป็นคนที่จะใส่รองเท้าจริงๆ มากกว่าของไทยเราที่จะมีพวกพ่อค้าแม่ค้า หรือคนที่ถูกจ้างมายืนรอแทน

ผมเดินมาที่ร้านขายบะหมี่ในตำนานของเมียงดง มันคือร้าน Myeongdong Kyoja ร้านนี้เขาใช้บะหมี่สดทำมือเองแล้วใช้มีดหั่นแป้งให้เป็นเส้นบะหมี่อีกที เป็นร้านในตำนานจึงไม่ต้องถามจำนวนคน คนยืนรอแน่นขนัด แต่ผมตั้งใจมาลองชิมที่ร้านนี้จึงยืนรอ เมนูอาหารในร้านมีแค่ไม่กี่อย่าง จึงสั่งได้ง่ายมาก ผมสั่งเมนูยอดฮิต Kalguksu บะหมี่ซุปไก่เข้มข้นใส่เกี๊ยวกับหมูสับ กับ Mandu เกี๊ยวนึ่ง ด้านในเป็นไส้หมูสับ ผมดูแล้วหน้าตามันเหมือนเสี่ยวหลงเปาเป๊ะ รอไม่นานนักอาหารก็ถูกเสิร์ฟมาที่โต๊ะ เกี๊ยวนึ่งอร่อยมากไส้หมูใส่มาให้แบบเน้นๆ คำโตๆ บะหมี่ก็เส้นนุ่มอร่อย สมกับเป็นร้านในตำนานจริงๆ แต่ที่ผมชอบมากที่สุดเลยคือ กิมจิ ซึ่งเป็นของฟรีที่ทางร้านมีตั้งไว้ที่โต๊ะทุกโต๊ะอยู่แล้วไม่ได้คิดเงิน รสชาติอร่อยมาก เผ็ด เข้มข้น ต่างจากกิมจิร้านอื่นจริงๆ เรียกว่าผมไม่เคยกินกิมจิที่ไหนอร่อยเท่าร้านนี้มาก่อนจริงๆ

ผมกินเสร็จออกจากร้านมาก็เริ่มเย็นแสงอาทิตย์เริ่มหมด ร้านสตรีทฟู้ดเริ่มออกมาตั้ง เสน่ห์อย่างหนึ่งของเมียงดงก็คือร้านสตรีทฟู้ดนี่แหละครับ เป็นร้านรถเข็นยาวตลอดแนว ร้านส่วนใหญ่จะออกมาตั้งขายช่วงเย็นไปยันดึก มีอาหารสารพัดสารเพออกมายั่วน้ำลายเราให้ไหลอยู่ตลอด มีทั้งของกิน ขนม ผลไม้ บางร้านก็มีเก้าอี้กับโต๊ะให้เรานั่งทาน 

ผมเห็นแม่ค้าขายต๊อกโบกีผัดกับซอสมะเขือมีควันไอลอยออกมาดูน่าทานมาก ด้วยเพราะที่รูปร่างมันเหมือนไส้กรอกสีสันก็ดูน่ากิน ผมจึงซื้อต๊อกโบกีมาลองกินดู แต่พอกินไปเท่านั้นแหละ ผมแทบจะคายทิ้ง มันเป็นแป้งจืดๆ ทั้งดุ้น ที่มีรสชาติเพราะมาจากซอสล้วนๆ แต่ซอสก็ออกหวานๆ เผ็ดๆ สู้บ้านเราไม่ได้เลย ถือว่ามิสชั่นนี้ผมพลาดอย่างแรง

ผมเดินจนถึงสองทุ่มกว่าร้านค้าต่างๆ ก็ยังเปิดอยู่ ซึ่งถ้าเป็นย่านอื่นในโซลพอสองทุ่มร้านก็ปิดหมดแล้ว แต่เมียงดงผู้คนยังคึกคักกันอยู่ ท้องผมเริ่มร้อง ผมเริ่มมองหาร้านที่จะมาช่วยให้ท้องผมสงบเสียงร้องลงจากที่ทำการบ้านลิสต์ร้านอาหารที่เขาแนะนำมา ก็มีทั้งอร่อย และไม่อร่อยเหมือนอย่างที่ว่า ผมเลยไม่อยากกินตามหนังสือแล้ว ผมอยากลองเลือกด้วยตัวเองดู ว่าแล้วผมก็เดินเข้าซอยมั่วๆ จนมาเจอแยกซอยเล็กๆ มีร้านนั่งดื่มดูเป็นครอบครัวกันเองดี เจ้าของร้านเป็นป้าอัธยาศัยดีมาก ชวนผมเข้าร้าน ทางร้านจะเน้นอาหารซีฟู้ด ต้มลงไปในหม้อเป็นหม้อเดือดทะเลร้อน ผมจึงสั่งมาชุดหนึ่งเพื่อลอง ป้าเจ้าของร้านก็พยายามจะแนะนำให้ลองปลาหมึกสดๆ เป็นๆ ดู ป้าบอกว่าเนื้อหวานอร่อยมาก แต่ผมเห็นโต๊ะข้างๆ สั่งมาแล้วหนวดมันยังขยับยั้วเยี้ยไปมาอยู่ก็ ไม่กล้าที่จะกินมันแล้ว ผมเลยขอผ่าน

คุณป้าแกยกหม้อไฟมาตรงหน้าผม แล้วจัดแจงเอาสารพัดซีฟู้ดตัวใหญ่ยักษ์ใส่ลงไปในหม้อ พร้อมกับหยิบกรรไกรมาตัดเจ้าปลาหมึกตัวใหญ่เท่าฝามือที่ยังดิ้นได้อยู่เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยใส่ลงไปในหม้อ เป็นภาพที่ผมอึ้งไปชั่วครู่เพราะผมไม่คิดว่าเมนูหม้อเดือดซีฟู้ดก็ยังมีเจ้าปลาหมึกเป็นๆ อีกสงสารมันมาก

คุณป้าหลังเอาของลงหม้อให้ผมเสร็จสรรพก็หันมายิ้มให้กับผม แล้วบอกรอให้หม้อเดือดแล้วชิมได้เลย ใช้เวลาไม่นานน้ำในหม้อก็เดือดปูดๆ ผมไม่รอช้าลองตักชิมดู แล้วก็ไม่ผิดหวัง! มันอร่อยมาก รสชาติเผ็ดนิดๆ มีกลิ่นเครื่องเทศสมุนไพร คล้ายกับต้มยำโป๊ะแตกของบ้านเราในรูปแบบที่ใส่ของซีฟู้ดแบบจัดหนัก ถือว่ามื้อนี้แก้ตัวมั่วร้านจนได้ดีทีเดียว

หลังผมกินเสร็จก็เดินกลับโรงแรมในช่วง 3 ทุ่มกว่าๆ ร้านค้าต่างเริ่มปิดร้านกันแล้ว เหลือเพียงพวกสตรีทฟู้ดที่ยังขายกันอยู่ ก่อนผมเดินเข้าโรงแรมผมเห็นร้าน LINE SHOP ที่อยู่ตรงข้ามมันยังเปิดอยู่ แถมคนไม่เยอะเหมือนตอนเที่ยงที่ผมเห็น ผมจึงลองแวะเข้าร้านดูซะหน่อย ภายในร้านเอาตัวคาแรคเตอร์ของสติ๊กเกอร์ไลน์มาตกแต่งได้น่ารักมาก มีทั้งเอาพี่หมีบราวน์มาทำเป็นขนมบราวนี่ หรือเอาทั้งแก๊งค์หมีบราวน์และเพื่อนๆ มาทำเป็นมาการอง หรือเป็นคุ๊กกี้ก็มี ภายในร้านมีบันไดขึ้นชั้น 2 และมีมุมให้เราถ่ายรูปเล่นกันได้หลายมุมเลย ทำให้ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตอนกลางวันร้านถึงมีคนเข้ามาเต็มอยู่ตลอด ผมดูของจนทั่วร้านก็ได้เวลาก้าวข้ามกลับไปยังโรงแรม

พอถึงห้องไม่ทันทำไรผมก็ทิ้งตัวลงเตียงทันที เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจ 10 ชม.อันแสนเพลียในเมียงดง มีทั้งกิน มีทั้งช้อป มีทั้งถ่ายรูป มีทั้งเดินหลง เรียกได้ว่าสนุกได้ครบทุกอารมณ์  หากใครจะมาเกาหลี แล้วไม่รู้ว่าจะเดินเที่ยวที่ไหน ผมขอแนะนำเมียงดงให้อยู่ในลิสต์ครับ เพียงแต่อยากให้เผื่อเวลาไว้หนึ่งวันเต็มๆ เลยครับ!

ติดตามผลงานเขียนอื่นๆ จากเพจปั่นเรื่อง เป็นภาพ อีกได้ที่ https://www.facebook.com/writestoryforphoto

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0