นอกจากพวกเมืองใหญ่หรือเมืองท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศต่างๆ ที่เป็นเหมือนภาคบังคับพื้นฐานในการไปเที่ยวยุโรปแล้ว บรรดาเมืองหรือหมุ่บ้านเล็กๆ ยังเป็นเหมือน "ของโปรด" ของเราที่ชอบหาโอกาสไปเยี่ยมเยียนอยู่เรื่อยๆ
เสน่ห์ของหมู่บ้านเล็กๆ เหล่านี้คือความสงบเรียบง่ายท่ามกลางธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ มองไปทางไหนก็ได้เห็นวิวสุดสวย พร้อมกับได้สูดอากาสบริสุทธิ์สดชื่น บางหมู่บ้านยังไม่ได้มีชื่อเสียงเท่าไร นักท่องเที่ยวก็แทบจะไม่มี ทำให้ปล่อยชิลล์ได้เต็มที่
โพสต์นี้เลยขอคัดเลือก 10 หมู่บ้านจิ๋วในยุโรปที่มีคนอาศัยอยู่เพียงแค่หลักร้อยคน แต่รับรองว่าเมื่อไปแล้วจะได้วิวหลักล้านแน่นอนมาให้ชมกันครับ ขอเอาสายตาของตัวเองเป็นประกันเลย เพราะเราก็เคยร้องว้าวกับที่เหล่านี้มาก่อนแล้ว
Hallstatt, AUSTRIA
หมู่บ้านท่องเที่ยวชื่อก้องโลกในเขตการปกครอง Gmunden ทางตอนกลางของประเทศ Austria ตั้งอยู่บนที่ราบแคบๆ ริมฝั่งทะเลสาบ Hallstätter See ซึ่งด้านหลังเขตหมู่บ้านเป็นภูเขาสูง
บรรยากาศของหมู่บ้านงดงามราวสรวงสวรรค์ โดดเด่นด้วยบ้านไม้แบบอัลไพน์ที่ผู้คนยังคงใช้ชีวิตด้วยความเรียบง่าย แม้ในเขตหมู่บ้านจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว แต่เสน่ห์ดั้งเดิมก็ยังคงอยู่ไม่เสื่อมคลาย
Hamnøy, NORWAY
หมู่บ้านชาวประมงอันเงียบสงบในเขตชุมชน Moskenes แห่งเทศมณฑล Nordland บนกลุ่มเกาะท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง Lofoten ทางตอนบนของประเทศ Norway
หมู่บ้านที่ตั้งขนานไปกับแนวฟยอร์ด Vestfjorden แห่งนี้สามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวกด้วยถนน European route E10 ซึ่งเป็นถนนสายหลักบนเกาะ Lofoten โดยเอกลักษณ์อยู่ที่กระท่อมไม้สีแดงสุดน่ารักที่เรียกว่า Rorbu ริมชายฝั่งซึ่งมีฉากหลังเป็นภูเขาสูง
Castle Combe, ENGLAND
หมู่บ้านเล็กๆ ในเขตการปกครอง Wiltshire ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศอังกฤษ ห่างจากเมือง Bath ประมาณ 20 กิโลเมตร
หมู่บ้านบรรยากาศชนบทแบบอังกฤษตอนใต้ที่เคยถูกอาณาจักรโรมันปกครองในยุคกลางแห่งนี้โดดเด่นจากบ้านเรือนที่สร้างด้วยหินตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ซึ่งยังคงรักษาไว้อยู่ในสภาพสมบูรณ์จนได้รับการขนานนามให้เป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่งดงามที่สุดของเกาะอังกฤษ รวมทั้งตลาดนัดกลางแจ้งที่มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 เช่นกัน ซึ่งเป็นเหมือนเสน่ห์ดึงดูดผู้คนให้มาเยือนหมู่บ้านที่มีประชากรเพียงหลักร้อยคนแห่งนี้
Gjógv, FOROE ISLANDS
หมู่บ้านที่ตั้งอยู่ทางเหนือสุดของเกาะ Eysturoy เกาะใหญ่อันดับ 2 ทางตอนเหนือของกลุ่มเกาะ Faroe Islands โดยอยู่ห่างจากกรุง Tórshavn เมืองหลวงของกลุ่มเกาะไปทางเหนือราว 63 กิโลเมตร
หมู่บ้านที่ประกอบอาชีพประมงและผลิตปลาตากแห้งเป็นหลักแห่งนี้มีผู้คนมาตั้งรกรากตั้งแต่ปี 1584 โดยเป็นหนึ่งในไม่กี่หมู่บ้านของแฟโรไอส์แลนด์ที่มีท่าเรือธรรมชาติเพราะหมู่บ้านตั้งอยู่ตรงปลายสุดของแผ่นดินที่มีเวิ้งน้ำยื่นเข้าไปลักษณะคล้ายฟยอร์ด
Manarola, ITALY
เมืองที่มีขนาดเล็กที่สุดอันดับ 2 ในกลุ่ม Cinque Terre และเก่าแก่ที่สุดในกลุ่มแห่งจังหวัด La Spezia ในแคว้น Liguria ริมชายฝั่งอิตาเลียนริเวียร่า ทางตะวันตกเฉีนงเหนือของประเทศ
เมืองชาวประมงขนาดเล็กแห่งนี้มีชื่อเสียงจากแนวบ้านเรือนสีสันสดใสที่วางตัวตามแนวหน้าผาสูงชันซึ่งขนาบด้านหน้าด้วยผืนน้ำทะเลอย่างลงตัว
ในช่วงฤดูร้อน ที่นี่จะเต็มไปด้วยกองทัพนักท่องเที่ยวที่มักจะเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมกับ Riomaggiore อีกหนึ่งเมืองในกลุ่มที่อยู่ใกล้กัน ซึ่งคนท้องถิ่นจะเรียกเส้นทางระหว่าง 2 เมืองนี้ว่า Via dell'Amore หรือที่แปลว่าเส้นทางแห่งรักนั่นเอง
Vík í Mýrdal, ICELAND
หากใครเดินทางไปทางใต้ของประเทศ Iceland หมู่บ้านที่จะพลาดไม่ได้เป็นอันขาดคือ Vík í Mýrdal หรือ Vík ที่ตั้งอยู่บนถนนสาย main ring road ซึ่งเป็นสายหลักที่เชื่อมรอบเกาะ โดยตั้งอยู่ห่างจากกรุง Reykjavík ประมาณ 180 กิโลเมตร
หมู่บ้านเล็กๆ ที่มีประชากรราว 300 คนแห่งนี้มีชื่อเสียงจากการเป็นจุดพักชมวิวสำคัญในเส้นทางการขับรถชมทัศนียภาพรอบเกาะไอซ์แลนด์ โดยโดดเด่นจากทุ่งดอก Lupine พืชดอกสกุลลูพินนัสที่มีสีสันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เหลือง ชมพู แดง ม่วงน้ำเงิน ม่วงแดง และขาว ซึ่งปลูกกันอย่างแพร่หลายทั่วหมู่บ้าน
Flåm, NORWAY
หมู่บ้านในเทศมณฑล Vestland ทางตะวันตกของประเทศ Norway ซึ่งตั้งอยู่ปลายสุดของ Aurlandsfjord สาขาหนึ่งของฟยอร์ดที่ยาวและลึกที่สุดในโลกอย่าง Sognefjord โดยเป็นเมืองเล็กๆ ท่ามกลางอ้อมกอดของหุบเขา Flåmsdalen อันเงียบสงบ มีประชากรเพียงประมาณ 500 คน
ด้านหลังเขตหมู่บ้านโอบล้อมด้วยภูเขาสูง ส่วนด้านหน้าเป็นเวิ้งน้ำในฟยอร์ดอันใสสะอาดเนียนตา และมีมีน้ำสายเล็กๆ ที่ชื่อ Flåmselvi ไหลผ่าน บรรยากาศสุดชิลล์แบบนี้ ทำให้ Flåm กลายเป็นจุดหมายปลายทางหลักของผู้ที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติอันบริสุทธิ์ตามแบบฉบับนอร์เวย์ขนานแท้
Júzcar, SPAIN
หมู่บ้านสีฟ้าบนภูเขาในเขตจังหวัด Málaga แห่งแคว้น Andalucía ทางตอนใต้ของประเทสสเปน ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น “The Smurf Town”
ในอดีตที่นี่เป็นหนึ่งในเมืองสีขาวแห่งแคว้นอันดาลูเชีย แต่เมื่อฤดูใบไม้ผลิของปี 2011 Sony Picture ได้ผุดโปรเจ็คโปรโมทภาพยนตร์เรื่อง “The Smurf 3D” ด้วยการเปลี่ยนสีบ้านเรือนของหมู่บ้านทั้งหมดกว่า 220 หลัง รวมถึงโบสถ์ต่างๆ ด้วย ให้กลายเป็นสีฟ้าแบบตัวการ์ตูนสเมิร์ฟ
ผลปรากฏว่าได้ผลเกินคาดเพราะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากแห่แหนมาเที่ยวหมู่บ้านเล็กๆ ที่เคยมีนักท่องเที่ยวเฉลี่ยเพียงปีละ 300 คนเท่านั้น
Iseltwald, SWITZERLAND
หมู่บ้านบนแหลมเล็กๆ ริมฝั่งด้านใต้ของทะเลสาบ Brienz ในเขต Bernese Oberland แห่งรัฐ Bern ทางตอนกลางของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ห่างจากเมือง Interlaken มาทางตะวันออกประมาณ 14 กิโลเมตร
หมู่บ้านแห่งนี้กลายเป็นที่รู้จักและฮอตฮิตมากๆ ในหมู่นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวเอเชีย ภายหลังถูกใช้เป็นฉากสำคัญในซีรี่ส์เกาหลีเรื่องดัง Crash Landing on You ที่นี่เลยคึกคักอย่างเห็นได้ชัด บวกกับความลงตัวของทำเลที่ตั้งซึ่งอยู่บนแหลมยื่นเข้าไปในทะเลสาบน้ำสีเทอร์คอยซ์ที่ใสสะอาดราวกระจกและความน่ารักของบ้านกระท่อมไม้ริมฝั่ง ที่นี่เลยลงตัวสุดๆ
Santa Maddalena, ITALY
หมู่บ้านวิวสวรรค์บริเวณเชิงเขา Ruefen บนระดับความสูง 1,339 เมตรในเขตชุมชน Val di Funes หรือ Villnöß ทางฝั่งตะวันตกของเขต Dolomites แห่งจังหวัด South Tyrol ทางเหนือของประเทศอิตาลี
ด้วยความงดงามของทัศนียภาพที่ลงตัวทุกอย่างเหมือนมีใครมาจับวาง ทำให้ที่นี่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมุมเอกลักษณ์ของหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีประชากรเพียง 370 คนแห่งนี้คือมุมที่มองลงมาเห็นโบสถ์ Chiesa di Santa Maddalena เรียงรายด้วยบ้านกระท่อมหลังเล็กๆ บนเนินเขา ซึ่งอลังการด้วยฉากหลังของแนวภูเขา Odle รูปทรงเฉพาะตัว
เรามีบริการรับ #วางแผน เที่ยวเองในยุโรปด้วยนะครับ
แอดไลน์มาได้ที่ @tieweng หรือคลิก bit.ly/3hLt0gY
รายละเอียดเพิ่มเติม https://bit.ly/3zif4RE
*ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงข้อมูลและรูปภาพเพื่อนำไปเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต
