โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

เรื่องสั้น

ฉันไม่ขอเป็น...นางเอกฮาเร็มคนที่ห้าในวันสิ้นโลก (อ่านฟรีวันละตอน)

นิยาย Dek-D

อัพเดต 20 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 20 ชั่วโมงที่ผ่านมา • suratiptk
ฉันไม่ขอเป็น...นางเอกฮาเร็มคนที่ห้าในวันสิ้นโลก (อ่านฟรีวันละตอน)
รัญกลายเป็นหนึ่งในนางเอกฮาเร็มในนิยาย พ่อพระเอกอยากปกป้องเธอในวันสิ้นโลกนี้ แต่..เธอต้องการความช่วยเหลือจากเขาหรือ? ถ้าต้องสู้กับเหล่านางเอกทั้งสี่ของเขา เธอขอใช้บาเรียที่ไร้ค่าสู้กับซอมบี้นั่นดีกว่า!

ข้อมูลเบื้องต้น

สวัสดีค่ะ รี้ดที่น่ารักทุกคน <3

นิยายเรื่องนี้ยังคงเป็นนิยายเเนวเเฟนตาซี ที่ทะลุเข้ามาในนิยายอีกเรื่อง โดยหญิงสาวผู้ทะลุมามนโลกนิยายคนนี้ได้รับบทเป็นนางเอกคนสำคัญของนิยายเดิม เเละจะต้องกลายเป็นนางเอกคนที่ 5 ของพระเอก…ที่เเข็งแกร่ง (?)

ต้องต่อสู้ดิ้นรนเอาชีวิตรอดในวันสิ้นโลก ช่วยกันผ่านอุปสรรคมากมายต่างๆ ซึ่งระหว่างทางก็มีรสชาติขมขื่น รื่นรมย์ หลากหลายอารมณ์ กลายเป็นนางเอกที่ผู้อ่านเกลียดชังมากที่สุดคนหนึ่ง เเต่สุดท้ายเธอก็พิสูจน์เเล้วว่าเป็นนางเอกที่คู่ควรรับตำแหน่งนี้เช่นกัน…

อ่า….อ่านดูเท่านี้คงจะเห็นเเล้วใช่ไหมว่ามันโรเเมนติกขนาดไหน? ถ้าอย่างนั้น…ใครต้องการบทนี้ก็รับไปก็เเล้วกันนะ เเต่ “รัญชนา” คนนี้ขอปฏิเสธ!!

เธอไม่จำเป็นต้องเกาะเเข้งเกาะขาคนอื่นเพื่ออยู่รอด ไม่ใช่เพราะว่าเธอเเข็งแกร่ง เเต่เป็นเพราะว่าเธอเชื่อมั่นในตัวเองไม่น้อยเหมือนกัน ถ้าต้องกลายเป็นผู้หญิงของเขาเหมือนในเนื้อเรื่อง เช่นนั้นขอให้เธอกระโจนเข้าหาฝูงซอมบี้เเล้วเปลี่ยนตนเองเป็นมนุษย์กระหายเลือดเนื้อไปอีกคนยังจะดีเสียกว่า!!

“ไม่ใช่ว่าเธอลืมฉันไปหรอกหรือ?”

“…….”

“มาที่หน่วย 7 ฉันจะทำให้เธอรู้ว่านางเอกที่เเท้จริง จะได้มีชีวิตเป็นยังไง”

“ O.O”

“หึ”

……………………………………….

1/1/2024

By Suratiptk

บทที่ 1 บทนำ

บทนำ

สารกระตุ้นที่ได้รับมาจากสสารของอุกกาบาตถูกฉีดเข้าไปในเส้นเลือดไม่ช้าและไม่เร็วเกินไป คนเดินยานั้นมีความชำนาญอย่างมาก มองไปจะเห็นว่าเป็นบุรุษร่างสูงโปร่งคนหนึ่ง แม้ว่าเขาจะดูเหมือนคนอ่อนแอ กระนั้นทุกคนก็รู้จักกันดีในนาม “หัวหน้าหน่วยนักวิจัย” ที่มีความแข็งแกร่งอย่างมาก

เขาเป็นคนหนึ่งที่ปลุกพลังทางจิตได้ มีคนพูดว่า ในหัวของเขานั้นทำงานเหมือนกับซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยมากที่สุด เป็นสิ่งที่เคยได้ยินได้อ่านจากหนังสือเก่าเท่านั้น ในยุคก่อนวันสิ้นโลกที่วิวัฒนาการทางเทคโนโลยีค่อนข้างก้าวหน้า แม้ว่าจะไม่ได้อาศัยพลังพิเศษ แต่ทุกคนก็สามารถเขาถึงเทคโนโลยีเหล่านั้นได้

ในยุคสมัยนี้ อุปกรณ์เหล่านั้นไม่เหลือสำหรับคนธรรมดาอีกต่อไปแล้ว เทคโนโลยีสมัยใหม่นี้จะถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับเหล่าผู้มีพลังพิเศษที่เหมาะสม ถ้าไม่ได้รับอนุญาตก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเข้าไปใช้งานพวกมัน ส่วนคนที่ได้รับอนุญาต ส่วนใหญ่ถ้าไม่เป็นพวกที่ปลุกพลังจิตก็จะเป็นพวกที่สมองถูกกระตุ้นอย่างพิเศษ มีการทำงานและการจดจำที่ดี

แน่นอนว่าคนกลุ่มนี้ไม่ได้หาได้ง่ายๆ แต่ก็ไม่ได้หายากเกินไป

ส่วนอุปกรณ์ที่ล้ำสมัยซึ่งเป็นสิ่งที่หาซื้อได้ตามตลาดทั่วไปนั้น มักจะเป็นอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการล่า ไม่ว่าจะเป็นปืน กรงเล็บเหล็ก หรือระเบิด พวกมันทั้งหมดถูกพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าผู้คนไม่ได้สนใจว่าพวกเขาจะโชคร้ายเจอกับโรคภัยใดๆหรือไม่ แต่พวกเขาสนใจแค่ว่าตนเองนั้นจะสังหารพวกปีศาจที่อยู่ข้างนอกนั้นได้อย่างไรมากกว่า

ความเจ็บปวดทำให้ร่างเล็กเกร็งแน่นขึ้น หัวหน้าหน่วยวิจัยเข้าใจดีกว่ากระบวนการกระตุ้นได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เขาเคยชินกับความเจ็บปวดเหล่านี้ของผู้คน และไม่ได้แตกตื่นเกินไป ชายหนุ่มยื่นยาเม็ดสีแดงขนาดเท่าปลายนิ้วก้อยมาไว้ตรงหน้า หญิงสาวผู้ที่กำลังทนกับความเจ็บปวดรับเอาไว้อย่างดีก่อนจะกลืนมันเข้าไปในคำเดียว

ยาสีแดงที่ทำให้ความทรมานทั้งหมดเบาบางลงพร้อมกับสติของเธอด้วย และใช่…นี่เป็นเหมือนกับยาสลบและยาชาไปในตัว เธอจะไม่รับรู้อะไรจนกว่าจะผ่านการวิวัฒนาการเสร็จสิ้น

เมื่อทำการปลุกพลังให้แล้ว หัวหน้าหน่วยวิจัยเก็บข้อมูลแล้วก็โบกมือให้บุคลากรในหน่วยเคลื่อนย้ายผู้เข้าร่วมทดลองไปพักผ่อน เขายังมีคิวอีกมากที่จะต้องเข้ามารับการปลุกพลังในวันนี้ คนเหล่านี้คือกลุ่มคนที่ไม่ได้มีรายได้มากนัก ทั้งยังเข้ามาในปราการภายหลังจากวันสิ้นโลกไปแล้วเกือบ 2 ปีด้วย ดังนั้นเมื่อเทียบกับผู้ที่อยู่อาศัยมาก่อน พวกเขาเป็นเหมือนกับชนชั้นล่างที่สุด แม้แต่พลังก็เพิ่งจะถูกกระตุ้นขึ้นมา

หัวหน้าหน่วยวิจัยมาควบคุมการปลุกพลังด้วยตนเองก็เพราะเขาต้องการรู้ความแตกต่างระหว่างกลุ่มที่ปลุกพลังตั้งแต่ต้น กับกลุ่มที่เพิ่งปลุกพลัง ในอนาคต…คาดหวังว่าเหล่าเด็กๆในปราการจะมีทางเลือกมากขึ้น หากการปลุกพลังในภายหลังเป็นสิ่งที่ดี เช่นนั้นพวกเขาก็จะหาช่วงเวลาที่เหมาะสมในการปลุกพลังได้

แน่นอนว่าไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตาม แต่หญิงสาวที่ถูกเข็นให้เข้าไปในห้องพักและรอการตื่นขึ้นของพลัง ตอนนี้เธอได้แต่นึกทบทวนอนาคตของตนเองต่อไป

ถึงแม้ว่าจะได้รับยาสลบและยาชา กระนั้นจิตวิญญาณของเธอกลับสามารถวิเคราะห์สิ่งต่างๆได้ มันเป็นเช่นนี้มานานแล้ว ถึงเธอจะอาศัยในร่างกายนี้มาประมาณ 3 เดือน แต่เธอสามารถไม่นอนเป็นเวลา 1 เดือนติดๆกันก็ได้ จิตวิญญาณของเธอสามารถเข้าสู่อีกห้วงวิญญาณหนึ่ง คิดทบทวนแผนการของตนเองหรือทำความเข้าใจกับสถานการณ์ได้ มันค่อนข้างแปลก กระนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอเกลียดหรอก

หากวันไหนเธอพร้อมที่จะหลับ เธอก็สามารถสงบจิตของตนเองแล้วหลับได้ แต่ถ้าตอนไหนมีเรื่องให้คิดมากเกินไป แล้วร่างกายที่ถือครองนี้ไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป เธอก็แค่ปล่อยให้ร่างกายนี้ได้พักผ่อน ส่วนตนเองก็แยกเข้ามาในมิติสีดำมืดแล้วก็ทบทวนด้วยตนเองได้

ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ยาสลบนั่นทำให้ร่างกายของเธอหมดสติไป ทว่า…จิตวิญญาณของเธอยังคงคิดทบทวนวิธีการเอาตัวรอดในอนาคตอยู่

อย่างที่พูดไปก่อนหน้านี้ เธอมาจากโลกอื่น และร่างที่เธอมาอาศัยอยู่นี้ ที่จริงมีชื่อว่า “รัญชนา” หรือเรียกสั้นๆว่า “รัญ” เป็นหนึ่งในตัวละครเอกฝ่ายหญิงของเรื่อง ที่บอกว่าเป็น “หนึ่ง” ในตัวละครเอกฝ่ายหญิง นั่นก็เพราะว่านิยายเรื่องนี้ มีนางเอกทั้งหมด 5 คน นั่นก็คือ “วรกานต์” “น้ำมนต์” “ลลิล” “ศิตาพร” และเธอ

ทั้ง 5 คนนี้หลงรักผู้ชายคนเดียวกัน แม้ว่าในวันสิ้นโลกจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร อีกอย่าง…ผู้ชายในยุคนี้ หากแข็งแกร่งมากหน่อยก็จะรับเลี้ยงผู้หญิงมากกว่า 1 คนเป็นธรรมดา ที่ไหนมีอาหารให้กิน มีที่พักให้อยู่ปลอดภัย ที่นั่นก็จะมีสาวๆเข้าไปอยู่ร่วมด้วย นี่คือคำพูดที่พวกผู้ชายมักจะใช้เป็นแรงผลักดันให้ตนเอง

รัญชนาเป็นหนึ่งในนั้น แม้ว่าเธอจะปลุกพลังขึ้นมาได้และกลายเป็นคนหนึ่งที่มีความสามารถ แต่ถ้าเทียบกับพวกผู้ชายที่สามารถต่อสู้ได้อย่างดี ปกป้องผู้หญิงได้แม้จะเจอกับปีศาจที่แข็งแกร่ง มันก็เป็นเรื่องปกติที่จะได้รับความสนใจจากหญิงสาวมากมาย

อันที่จริง ตอนที่เธออ่านนิยายเรื่องนี้ เมื่อโปรยหัวว่าเป็นนิยายเกี่ยวกับ “วันสิ้นโลก” เธอก็พอจะเดาได้แล้วว่ามันจะต้องเป็นนิยาย “ฮาเร็ม” แน่นอน กระนั้น…เธอก็แค่อ่านเอาสนุก ไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับมันเลย กระทั่ง…เธอกลายมาเป็นตัวละครในนิยายจริงๆ

แค่คิดถึงตรงนี้ หญิงสาวก็รู้สึกขนลุกชันแล้ว เธอไม่กล้าคิดจริงๆว่าถ้าจะต้องใช้ผู้ชายร่วมกับหญิงสาวอีก 4 คน มันจะเป็นความรู้สึกแบบไหน เพราะแค่จินตนาการก็รับรู้ได้ถึงความขยะแขยงแล้ว โดยเฉพาะถ้าเธอเป็นตัวละครเอกฝ่ายหญิงที่มาเป็นลำดับสุดท้าย นี่ยิ่งแล้วใหญ่เลย

ถ้ามาเป็นคนแรก กลายเป็นคนแรกที่ผู้ชายคนนี้รัก เธอคงจะซาบซึ้งใจอยู่กับเขาเพราะถือว่าร่วมฝ่าฟันอุปสรรคมาด้วยกัน หลังจากนั้นเมื่อมั่นคงมากขึ้น กลายเป็นผู้แข็งแกร่งมากขึ้น เธออาจจะทำใจยอมรับให้เขามีผู้หญิงคนอื่นได้บ้าง แต่…ถ้าเธอเป็นคนสุดท้ายที่รู้อยู่แล้วว่าเขามีภรรยาในมือถึง 4 คน แต่เธอยังต้องการกระโดดเข้ามาในห้วงนรกแห่งนี้ รัญชนาไม่คิดว่าเธอที่เป็นรัญชนาในตอนนี้จะทำได้

เอาเถอะ บทในนิยายก็แค่บทในนิยาย ที่ผ่านมาเธอเตรียมพร้อมมาหลายอย่างแล้ว ถ้าชีวิตนี้ของเธอไม่อาจจะหาสามีดีๆที่รักเพียงเธอได้ อย่างนั้น…สู้ไม่มีสักคนเลยเสียยังจะดีกว่า!

ไอ้บทโศก บทร้องไห้น้ำตาท่วมที่น้อยใจสามีไม่รัก สามีรักหญิงอื่นมากกว่า บทแบบนี้เธอจะไม่รับมันเอาไว้เด็ดขาด!

“อึ่ก!” ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร รัญชนาใช้เวลาเพื่อทบทวนสิ่งที่ตนเองรู้กระทั่งความเย็นราวกับน้ำแข็งแนบมาที่หน้าผากของเธอ หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อเธอลืมตาก็ได้เห็นว่าคนที่เข้ามาปลุกเธอก็คือบุคลากรของห้องวิจัย

“การปลุกพลังเสร็จสมบูรณ์แล้ว รบกวนตามมาให้ข้อมูลด้วย” ผู้คนไม่ได้สนใจว่าเธอนั้นตื่นลืมตาดีหรือยังด้วยซ้ำ แม้ว่าเธอจะเจ็บปวดจากการปลุกพลัง แต่นั่นไม่เรียกว่าเป็นความเจ็บปวดสำหรับคนที่ผ่านสถานการณ์ความเป็นความตายมามากมายแล้ว

รัญชนากัดฟันทน เดินตามอีกฝ่ายไปยังห้องทำงาน ที่นั่งถูกจัดเอาไว้แบบลวกๆ แต่เดิมแล้วมันเป็นสถานที่นั่งทำงานของบุคลากรห้องวิจัยนี่แหละ นานทีพวกเขาจะมีแขกมาให้ข้อมูล กระนั้นแขกเหล่านี้ก็ไม่ใช่บุคคลสำคัญอะไรจนทำให้พวกเขาต้องรับรองเป็นอย่างดี

“นั่งลง”

“ค่ะ”

“ชื่อ”

“รัญชนาค่ะ”

“อืม ตอนนี้อายุเท่าไร”

“ตอนนี้อายุ 27 ค่ะ”

“ที่ผ่านมา 2 ปีทำอะไรบ้าง เอาชีวิตรอดยังไง”

“ที่ผ่านมา ฉันซ่อนตัวในคอนโดค่ะ ในห้องมีอาหารแห้งค่อนข้างมากเนื่องจากเป็นพวกที่ทำงานเช้าและกลับมาเย็น ยังมีพวกขนมหวานอีกด้วยค่ะก็เลยอยู่รอดได้ แต่สองเดือนก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรกินเลยค่ะ ถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือคงจะอดตาย”

รัญชนาให้ข้อมูลคร่าวๆที่ตนเองพบ แน่นอนว่าเธอไม่จำเป็นต้องบอกพวกเขาหมดทุกอย่างก็ได้ เช่น…เธอฆ่าซอมบี้หน้าห้องยังไงเพื่อที่จะเพิ่มพลังของตนเองให้มากที่สุดก่อนมาที่นี่ หรือแม้แต่การที่เธอไปขโมยของจากห้องซอมบี้ที่อยู่ไม่ไกลเพื่อใช้เป็นอาหาร

หากเป็นรัญชนาตัวจริงตามนิยาย มันก็คงจะเป็นคำตอบแบบที่เธอว่าจริงๆนั่นแหละ ทว่าทันทีที่เธอรู้ว่าตนเองเป็นใคร รัญชนาผู้ไม่ต้องการให้คนอื่นเป็นขาทองคำ แต่ต้องการ “มี” ขาของตนเองที่กลายเป็นทองคำ เธอย่อมต้องฝืนทำสิ่งต่างๆที่ไม่เคยทำมากมาย แม้แต่การ “ฆ่า” พวกปีศาจระดับต่ำเหล่านั้น

ปีศาจระดับต่ำที่อยู่รอบๆก็คือ “ซอมบี้มนุษย์” พวกมันส่วนใหญ่อยู่ในระดับ 0 ที่จะให้สสารกลับคืนมาเล็กน้อยหลังจากถูกฆ่าไป แม้ว่าซอมบี้มนุษย์จะวิวัฒนาการได้ กระนั้นก็ไม่เคยมีตัวไหนที่มีระดับสูงเกินกว่าระดับ 3 เลย ดังนั้นพวกมันจึงถูกจัดให้เป็นกลุ่มปีศาจระดับต่ำที่สุดอยู่

แต่ที่เรียกว่าปีศาจระดับต่ำนั้นมีเหตุผลเช่นกัน ตอนนี้เป็นช่วง 3 ปีแรกของวันสิ้นโลก ภายใน 3 ปีนี้ มนุษย์จะรู้จักแค่ปีศาจระดับต่ำเหล่านี้เท่านั้น พวกเขาสร้างปราการเหล็กของตนเองขึ้นมา พยายามยึดพื้นที่ของมนุษย์คืน ทว่า…พวกเขาไม่ได้รู้เลยว่าตนเองกำลังเข้าใกล้หายนะมากขึ้นอีกก้าวเช่นกัน

โดยหลังจากที่พวกเขาพ้นเขตปีศาจระดับต่ำไปแล้ว ยังมีปีศาจระดับกลางที่เป็นสัตว์กลายพันธุ์มากมายรอพวกเขาอยู่ ซึ่งสำหรับนักอ่านแล้ว มันเป็นภาคสองที่โหดหิน โหดเสียยิ่งกว่าโหด และไม่อาจจะเรียกว่าวันสิ้นโลกได้อีกต่อไป มันควรจะเรียกว่าจุดจบของมนุษย์ชาติมากกว่า เพราะสุดท้ายสิ่งที่จะอยู่รอด…บางทีไม่ควรเป็นมนุษย์ด้วยซ้ำ!

เอาเถอะ เรื่องพวกนั้นเป็นแค่เรื่องในอนาคตเท่านั้น ก่อนจะจบภาคแรก พระนางยังวนเวียนอยู่ในปราการเหล็กนี้ ทั้งยังต่อสู้แค่กับพวกซอมบี้เท่านั้น หากรัญชนาต้องการจะมีชีวิตรอด เช่นนั้นเวลาอีก 1 ปีที่เหลือนี่แหละจะเป็นเครื่องพิสูจน์

“แล้วปลุกพลังอะไรได้” ครานี้บุคลากรมองมาที่เธอตาไม่กระพริบ เห็นได้ชัดว่าเขากำลังตรวจสอบว่าหญิงสาวจะโกหกหรือเปล่า และใช่! รัญชนารับมือกับเรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องโกหก

“เป็นพลังบาเรียค่ะ”

“พลังบาเรีย? อธิบายรายละเอียดเพิ่มเติม เช่น สามารถสามารถบาเรียได้ขนาดไหน? ปกป้องอันตรายได้ขนาดไหน? และอื่นๆ ยิ่งให้ข้อมูลมากเท่าไร พวกเราก็จะยิ่งจัดกลุ่มของคุณได้มากขึ้นเท่านั้น ถ้าระดับของคุณสูงพอ อาจจะได้รับงานที่ดีและมีค่าตอบแทนที่ดีด้วยก็ได้”

“เข้าใจแล้วค่ะ ความสามารถของฉันก็คือบาเรียที่จะใช้ป้องกันก็ได้ค่ะ แต่ขนาดของมันในตอนนี้แค่ 30 ลูกบาศก์เซนติเมตรเท่านั้น”

“บาเรีย 30 ลูกบาศก์เซนติเมตร? แปลว่าเป็นบาเรียที่มีรูปทรง?”

“ใช่ค่ะ เป็นเหมือนกล่องสี่เหลี่ยม ถ้าฉันเรียกมาจะอยู่ได้ประมาณ 10 วินาทีเท่านั้นค่ะ”

“อืม….นี่อาจจะเป็นเพราะระดับต่ำอยู่” พนักงานหน่วยวิจัยพึมพำกับตนเอง ตอนแรกที่รู้ว่าอีกฝ่ายมีพลังบาเรีย เขาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา พลังบาเรียนั้นจะเป็นประโยชน์แน่นอนสำหรับการล่า แต่เมื่อได้ยินว่าขนาดของมันเล็กเกินไป แถมยังมีรูปทรงสี่เหลี่ยมอีกด้วย เขาก็ไม่รู้สึกแล้วว่ามันเป็นความสามารถพิเศษอย่างที่คิด

แน่นอนว่ามันไม่ได้แย่เมื่อเทียบกับคนอื่นๆล่ะนะ หลังจากนั้นเขาก็ถามอะไรอีกสองสามคำแล้วก็ปล่อยให้รัญชนาออกมา

“อีก 2 วันมารับบัตรประจำตัวนะ หลังจากที่ได้รับบัตรประจำตัวแล้วจะสามารถรับภารกิจได้ ภารกิจมีอยู่ที่อาคารกลาง ซึ่งจะเป็นภารกิจที่มีผลตอบแทนเป็นอาหารและของใช้ต่างๆตามที่อยากได้ ขอให้โชคดี…อ้อ อย่าลืมรักษากฎระเบียบในการอยู่ที่นี่ด้วย ไม่อย่างนั้นเธออาจจะถูกโยนออกไปให้ซอมบี้กินเป็นอาหารว่างก็ได้”

………………………………………………………

บทที่ 2 วันแรกที่ตรอกมืด

บทที่ 2 วันแรกที่ตรอกมืด

หลังจากที่ถูกโยนออกมาจากอาคารวิจัยแล้ว รัญชนาก็ได้มีเวลาเป็นส่วนตัวอีกครั้ง เธอมองดูด้านหน้าที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย บางส่วนกำลังทำภารกิจรักษาความปลอดภัยอยู่ บางส่วนก็เป็นนักล่า และบางส่วนก็เป็นคนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าเหมือนกับเธอ

รัญชนาเห็นคนที่เพิ่งมาพร้อมกัน 2-3 คนเดินเตร็ดเตร่ไปทั่วด้วย พวกเขาน่าจะเพิ่งถูกส่งออกมาจากอาคารวิจัยเหมือนกัน และไม่รู้ว่าจะต้องไปที่จุดไหนของปราการนี้กันแน่ ซึ่งถ้าอ้างอิงตามเนื้อเรื่องในนิยาย นางเอกคนที่ 5 คนนี้จะต้องกินและนอนอยู่แถวๆถนนรอบๆอาคารวิจัยแห่งนี้เกือบเดือน นั่นก็เพราะเธอไม่รู้ว่าจะต้องไปอยู่ที่ไหน และต้องทำอย่างไร

มันเป็นเรื่องปกติของคนมาใหม่ และเป็นเรื่องปกติของคนที่อยู่ก่อนด้วย หลายคนอยู่มานานแล้ว แต่พลังของพวกเขานั้นไม่ดีจนเข้าขั้นแย่ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีที่พักเป็นของตนเอง และใช้ถนนรอบๆปราการนี้เป็นแหล่งพักพิง

“นั่นเป็นพวกคนใหม่ใช่ไหม? เห็นสองสามวันมานี้มีพวกคนใหม่เข้ามาเพิ่มอีกเยอะเลยนี่ ห้องวิจัยก็ใจดีนะ ยังจะฉีดสารกระตุ้นให้พวกมันอีก ที่จริงน่าจะปล่อยให้พวกมันตายๆไปซะยังจะดีกว่า”

“จริงด้วย พวกคนมาใหม่ส่วนใหญ่ก็ชอบสร้างปัญหาทั้งนั้น ครั้งนี้เป็นพวกที่ช่วยเหลือมาจากคอนโดใหญ่ด้วยใช่ไหม? พวกลูกคุณหนูอะไรแบบนี้หรือเปล่า คอนโดนั่นสมัยก่อนราคาเกือบ 4 ล้าน เหอ เหอ เหอ ไม่รู้ว่าวันสิ้นโลกสอนอะไรมาบ้าง ถ้ายังติดนิสัยเอาแต่ใจและคิดว่าจะใช้เงินเพื่อควบคุมทุกอย่างล่ะก็…นั่นคงเป็นความคิดที่ผิดแล้ว”

“ครั้งก่อนที่ถูกช่วยมา ขนาดไม่ใช่คนร่ำรวยอะไรแท้ๆ กลับสร้างปัญหาใหญ่โต บอกว่าผู้ชายควรจะปกป้องผู้หญิงบ้างล่ะ บอกว่าต้องการใช้กฎหมายกับพวกเราที่เห็นคนลำบากแล้วไม่อยากช่วยบ้างล่ะ ไม่รู้ว่าสมองพวกโง่นั้นมีอะไรบ้าง”

“นี่ดูสิ ผู้หญิงคนนั้นค่อนข้างดูดีเลยนะว่าไหม? อีกไม่นานคงจะถูกพวกคนใหญ่คนโตรับไปเลี้ยง”

“ไหนๆ จริงด้วย! ผิวพรรณเหมือนกับยังไม่เคยอยู่ในวันสิ้นโลกแบบพวกเราเลย น่าหมันไส้ชะมัด”

“ฮ่าๆ อะไรกัน? นี่เธออิจฉาคนสวยๆหรอ? ถ้าอิจฉานัก ทำไมไม่เกิดมาเป็นคนสวยเองเลยล่ะ”

“หืม? แล้วแกอยากตายมากนักใช่ไหม?” คนพูดสองคนหยอกล้อกันไปมา สุดท้ายก็พากันเดินผ่านไป ทิ้งให้รัญชนายืนพิงกำแพงเงียบๆอย่างนั้น

บางที…คนอื่นๆอาจจะเป็นเหมือนกับที่สองคนนี้กำลังพูดถึงก็ได้ ทันทีที่มาถึงปราการใหญ่ พวกเขาคงจะคิดว่าที่นี่ก็คือสถานที่ปลอดภัย เป็นเหมือนบ้านเมืองของตนเองซึ่งเต็มไปด้วยความหวัง แต่พวกเขาไม่ได้รู้เลยว่า…ที่นี่แหละคือของจริง! ที่นี่แหละคือสถานที่ที่จะสอนให้พวกเขาได้รู้จักกับวันสิ้นโลก!

ตอนที่อยู่คอนโดหรูที่อีกฝ่ายพูดถึง อย่างน้อยๆพวกเขาก็มีที่นอนที่อุ่นสบาย พวกเขามีประตูห้องที่แข็งแรงและปลอดภัย ถ้าไม่ใช่ปัญหาเรื่องอาหารการกิน พวกเขาก็มีความสุขดี

แต่ทันทีที่ถูกช่วยเหลือให้จากมา นอกจากจะไม่มีอาหารให้กินเช่นที่คาดหวังแล้ว พวกเขาก็ไม่มีกระทั่งที่ซุกหัวนอนด้วยซ้ำ ดูเหมือนว่าการถูกช่วยมาจะเป็นการพามาทรมานมากกว่า ดังนั้นหลายคนจะเรียกร้องบ้างก็ไม่แปลกอะไร

“เฮ้อ” รัญชนาถอนหายใจกับตนเองเฮือกใหญ่ สถานที่แห่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของหายนะที่ผู้คนจะต้องเผชิญ แต่กลับเป็นสถานที่แห่งการเริ่มต้นของคนมากมายด้วยเช่นกัน อย่างน้อยๆพวกตัวเอกก็เป็นหนึ่งในนั้น

ดวงตาเรียวคมมองไปรอบๆ ใบหน้าของเธอค่อนข้างโดดเด่น ไม่แปลกที่พวกนักล่าหลายคนเดินผ่านไปผ่านมาแล้วจะสนใจเธอ ถ้าไม่ใช่เพราะในปราการมีกฎควบคุมความเป็นสัตว์ป่าของพวกเขา บางทีการอยู่รอดของผู้หญิงในปราการนี้คงจะเป็นศูนย์ไปแล้ว

“โอ้ คนสวย เพิ่งมาอยู่ที่นี่ใช่ไหม? เป็นยังไงบ้างล่ะ ยังไม่มีที่อยู่ล่ะสิ หิวบ้างหรือเปล่า” ชายคนหนึ่งที่มองดูอยู่นานและเห็นว่ารัญชนายังไม่มีที่ไป เขาก็เข้ามาพูดคุยด้วยทันที

แม้ว่านี่จะเป็นการพูดคุยที่เสี่ยงดวงไปเสียหน่อยก็เถอะ แต่ก็ดีกว่าไม่ได้ลองใช่ไหม? ถ้าฟลุคขึ้นมา เขาอาจจะได้ผู้หญิงสวยๆไปชื่นชมก่อนใครก็ได้ ถึงในอนาคต…ผู้หญิงสวยๆแบบนี้จะต้องการไปหาคนที่แข็งแกร่งกว่า มีทรัพยากรมากกว่าก็ไม่เป็นไร

“อ่า…คงจะกลัวพี่สินะ ไม่ต้องกลัวหรอก ที่จริงพี่น่ะเป็นคนที่รู้จักที่นี่ดีกว่าใครๆเลยนะ พี่อยู่มานานแล้ว ตั้งแต่วันแรกๆของการก่อตั้งปราการเลย ถ้าติดตามมากับพี่ล่ะก็…รับรองว่าจะมีความสุขสบายแน่นอน มีอาหารให้กิน มีที่นอนให้นอน ไม่สนใจหรือ?”

ชายร่างใหญ่ที่ดูสกปรกมอมแมมพยายามหว่านล้อม แม้สภาพของเขาจะไม่น่าดู ทว่าในความเป็นจริงแล้ว เขาคงจะมีชีวิตที่ไม่แย่มากนักในวันสิ้นโลกแบบนี้

ดูจากพุงที่ค่อนข้างยื่นของเขา เห็นทีว่าจะเป็นคนที่อยู่ที่นี่ตั้งแต่ช่วงแรกๆของวันสิ้นโลกอย่างแท้จริง งานบางอย่างเช่นงานเดินหนังสือ งานตรวจสอบคนเข้าปราการ งานง่ายๆพวกนี้จะยกให้กับคนที่อยู่มาก่อนในช่วงแรกๆของปราการ ส่วนคนที่เพิ่งเข้ามาภายหลัง ถือเป็นพวกที่เข้ามารับผลประโยชน์ ไม่แปลกที่จะต้องพยายามกว่าคนอื่นเป็นเท่าตัว

คนรอบๆเห็นว่าชายคนนี้พยายามจะชักจูงให้หญิงสาวตามตนเองไปอยู่ด้วย หลายคนก็อิจฉาและไม่พอใจ แต่หลายคนก็ส่ายหน้า ชายร่างใหญ่คนนี้เข้ามาในช่วงเวลาที่ไม่ค่อยดีจริงๆ เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้เพิ่งเข้ามาใหม่และยังไม่รู้จักความโหดร้ายของปราการนี้ดีพอ ต่อให้คนจะพูดมากแค่ไหน ทว่าสุดท้ายแล้วก็ไม่มีทางจะได้รับความเห็นชอบแน่

ถ้าเป็นพวกเขา คงจะรอให้เนื้อตัวของอีกฝ่ายสกปรกมอมแมม หรือไม่ก็รีบวิ่งมาคุกเข่าขอให้ตนเองรับไปเลี้ยงดูนั่นแหละ ตอนนั้นคนที่จะชนะก็คือพวกเขาอย่างแท้จริง

ก็นะ…พวกผู้หญิงน่ะ ถ้าไม่รู้จักนรกเสียหน่อย ก็คงจะไม่พยายามปีนไปหาสวรรค์หรอก

“ขอบคุณสำหรับข้อเสนอนะคะ แต่ฉันมีที่ที่จะไปแล้วค่ะ” รัญชนาไม่ได้แสดงท่าทางรังเกียจออกมาเหมือนกับที่ผู้คนโดยรอบคาดหวัง หญิงสาวมีความสงบนิ่งมากกว่าที่คิด ดังนั้นท่าทางโอ่อ่าและเย่อหยิ่งนี้จึงทำให้ชายร่างใหญ่ประหม่าอยู่บ้าง

“มีที่จะไปแล้วงั้นหรอ? อ่า…นั่นสินะ แล้วที่ไหนล่ะ”

“…………..” รัญชนาไม่ได้ตอบกลับไป เธอเพียงมองเขาด้วยสายตาเงียบๆ ผู้หญิงผมสั้นตรงเช่นเธอเมื่อไม่ได้พูดหรือยิ้ม มันจะทำให้คู่สนทนารู้สึกประหม่าอยู่บ้าง ก็นะ…สมแล้วที่เธอเป็นถึงลูกสาวของประธานบริษัทใหญ่ ที่มีมารดาเป็นถึงอดีตนักแสดงดังน่ะ ใบหน้าที่โฉบเฉี่ยวได้รูป เมื่อรวมเข้ากับดวงตาที่ผ่านการวางอำนาจมาเกือบ 27 ปี ไม่แปลกที่จะทำให้คนรู้สึกกดดันได้

ด้วยฐานะของหญิงสาวที่เป็นถึงลูกสาวสุดที่รักของประธานบริษัทใหญ่ ไม่แปลกที่จะมีหลายคนจดจำเธอได้ และหนึ่งในนั้นก็คือพระเอกของเรื่องด้วยเช่นกัน

ราวกับเป็นภาพความฝันของเขามาตลอด พระเอกที่ทำงานประจำอยู่ในบริษัทเครือเดียวกับที่เป็นบริษัทใหญ่ของพ่อเธอ เขาเคยเห็นเธอเพียงครั้งเดียว แต่กลับฝังแน่นอยู่ในใจเสมอมา แม้แต่วันสิ้นโลกแบบนี้ เขาก็ยังจดจำเธอได้ และความปรารถนาที่จะได้ครอบครองผู้หญิงสูงศักดิ์ก็ทำให้เขาเข้าหารัญชนา ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้มีความรักใคร่ใดๆกันมาก่อนเลยก็ตาม

ไม่แปลกที่จะมีดราม่าในนิยายช่วงหนึ่งเกี่ยวกับตัวละครที่เป็นรักฝังใจของเขาเช่นรัญชนาคนนี้ หลายคนไม่เห็นด้วยที่พระเอกจะรักผู้หญิงคนนี้มากเกินไป แต่หลายคนก็บอกว่ามันเป็นความรู้สึกที่อยู่ในส่วนลึกมานานแล้ว เป็นความปรารถนาที่จะเอาชนะ หลายคนก็บอกว่าบางที…มันก็แค่ของใหม่ที่เพิ่งได้รับมาก็เท่านั้น

แต่ไม่ว่าจะเหตุผลแบบไหนก็ตาม นางเอกอย่างรัญชนาค่อยๆเข้ามามีบทบาทในเรื่องมากขึ้น และสุดท้ายก็ฝ่าฟันอุปสรรคไปพร้อมกับพวกเขา ภาคแรกเธอโดนถล่มเละเทะก็จริง แต่ภาคสองได้แสดงให้เห็นแล้วว่าผู้หญิงคนนี้ถูกนักเขียนสร้างขึ้นมาอย่างมีคุณภาพจริงๆ

ภาคแรกเพราะเธอปรากฏตัวหลังวันสิ้นโลกไปแล้ว 2 ปี พวกตัวละครเอกมากมายพัฒนาไปมากแล้ว รัญชนาเป็นเพียงตัวถ่วงของเรื่องเท่านั้น กว่าที่เธอจะพัฒนาฝีมือและเพิ่มความแข็งแกร่งไล่ตามทุกคนได้ นั่นก็ผ่านไปอยู่ในภาคที่สองแล้ว กระนั้น…รัญชนาที่เป็นผู้อ่านนิยายทั้งหมดมา จะปล่อยให้ความรู้ที่มีปรากฏขึ้นมาช้าเกินไปได้อย่างไร

โดยเฉพาะถ้าความรู้เหล่านั้นจะทำให้เธอกลายเป็นคนแข็งแกร่งจนอยู่คนเดียวก็ยังได้น่ะ!

“ผู้หญิงเขาปฏิเสธแล้วก็ปล่อยไปได้แล้ว” คนหนึ่งร้องบอกหลังจากที่ทนมองไม่ไหว

แม้จะรู้ว่าผู้หญิงแบบนี้คงจะขายตนเองให้ใครในสักวัน กระนั้นเขาก็ไม่อาจจะยอมรับได้ หากผู้หญิงคนนี้ยอมขายร่างกายที่งดงามนั่นให้กับผู้ชายที่ดูสกปรกคนนี้

“ชิ! เอาล่ะๆ วันนี้พี่ก็แค่ลองมาชวนดู เอาไว้วันหลังถ้าน้องคนสวยอยากได้รับความช่วยเหลือก็มาหาพี่ก็แล้วกันนะ พี่ผ่านเส้นทางนี้อยู่ตลอดนั่นแหละ” เขายังไม่วายที่จะทิ้งความหวังเอาไว้ ถึงจะรู้ว่าถ้าพลาดวันนี้ไปแล้วก็คงจะไม่มีโอกาสอีก ที่นี่ไม่ได้มีคนใหญ่คนโตแค่เขาเสียหน่อย คนสวยๆแบบนี้ พวกคนที่แข็งแกร่งชอบจับไปเล่นสนุกด้วย ไม่มีทางเหลือมาถึงเขาหรอก

หลังจากที่ชายร่างใหญ่หายไปจากสายตาแล้ว คนอื่นๆยังคงมองมาที่รัญชนาอีกหลายครั้ง กระนั้นหญิงสาวก็ไม่ได้แสดงท่าทางเคอะเขินออกไปแต่อย่างใด เพียงยืนสงบนิ่งที่เส้นถนนคนเดินอย่างนั้นราวกับหุ่นปั้นที่งดงาม

เวลาผ่านไปกระทั่งดวงตะวันเริ่มลดแสงของตน โคมไฟมีจุดขึ้นเป็นระยะๆ กระนั้นก็ไม่ได้ส่องสว่างไปทั่วบริเวณ เนื่องจากไฟเป็นทรัพยากรที่หาได้ยาก พวกเขาไม่มีทางมาจุดตามถนนที่ไม่มีคนเดินผ่านไปผ่านมาแล้วเช่นนี้หรอก ไม่แปลกที่มันจะเต็มไปด้วยความมืดเช่นนี้

รัญชนาที่รอเวลานี้มาตลอดค่อยๆเคลื่อนไหว เธอเดินอย่างเชื่องช้าและระมัดระวัง ออกจากจุดเดิมที่ยืนอยู่ ร่างกายผอมบางหายเข้าไปในตรอกของซอยตามความทรงจำ ยิ่งเดินไปมากเท่าไรก็ยิ่งได้ยินเสียง “แปะ” “แปะ” มากขึ้นเท่านั้น เสียงฝีเท้าของคนที่เดินไปเดินมาทำให้รัญรู้ว่าตนเองมาได้ถูกทางแล้ว

ที่นี่ก็คือ “ตลาดมืด” ของปราการเหล็กนั่นเอง ที่เรียกว่าตลาดมืดก็เพราะว่าพวกผู้ล่าส่วนใหญ่มักจะพากันมาที่นี่หลังตะวันดับแสงไปแล้ว มันไม่ใช่สถานที่ที่ผิดกฎอะไร แต่เพราะมันมีกฎเป็นของตนเองต่างหาก ดังนั้นผู้คนจึงได้มาที่นี่

ตราบเท่าที่พวกเขามาในตลาดมืดแห่งนี้ จะไม่มีใครสนใจว่าพวกเขาเป็นใครมาจากไหน ทุกคนจะต้องหยิบเสื้อคลุมด้านนอกร้านและสวมมันเข้ามา หลังจากนั้นจะไม่มีใครได้เห็นว่าพวกเขาเป็นใคร สามารถร่วมสนุกและแลกเปลี่ยนทรัพยากรกันที่นี่โดยที่จะไม่มีปัญหาใดๆตามมา

พวกเขาจะไม่พูดคุยเพื่อไม่ให้เสียงกลายเป็นสิ่งจดจำ เมื่อเข้ามาแล้วจะเลือกช่องของตนเองหนึ่งช่องทึบสำหรับผู้ที่ต้องการขาย พวกเขาจะนั่งอยู่ด้านหลังแผ่นเหล็กนั่น วางสินค้าของตนไว้ข้างหน้าแล้วรอให้ลูกค้าเดินเลือกซื้อ การต่อรองมีแค่การยกหมายเลขและสัญลักษณ์ที่เตรียมเอาไว้ให้แล้วขึ้นมา ถ้าตกลงกันได้ จะมีเครื่องหมาย / ให้กับพวกเขา แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็จะยกป้าย X ขึ้นมา โดยคนๆนั้นสามารถเสนอสิ่งแลกเปลี่ยนได้ตลอดเวลา จนกระทั่งมีคนอื่นต้องการแข่งซื้อกับพวกเขา ถ้าให้ราคาที่มากกว่าได้ อย่างนั้นก็จะสามารถขายสินค้านั้นได้เช่นกัน

น่าเสียดายที่ก่อนเข้ามาในปราการนี้ ทุกคนที่มาใหม่จะถูกยึดทุกอย่างที่เป็นของตนเองหมดสิ้น เหลือเพียงเสื้อผ้าที่สวมใส่เท่านั้น ไม่แปลกที่ผู้มาใหม่จะไม่มีโอกาสได้ใช้บริการนี้ เว้นแต่เป็นพวกนักล่าที่มีประสบการณ์มานานแล้วเท่านั้น

แต่สำหรับรัญชนา เธอมีความสามารถพิเศษอย่างอื่นอยู่ไม่ใช่หรือไง?

- ที่กบดานของเสกสรร –

กระดานสีดำและชอล์กเขียนกระดานซึ่งแต่เดิมแล้วมันสามารถเอาไว้ใช้เขียนอธิบายสินค้าที่ตนเองมี ทว่าสำหรับรัญชนาแล้ว เธอไม่ได้มีสินค้าในมือ สิ่งที่เธอรู้ก็คือเส้นเรื่องเดิมของนิยาย และเธอก็วางแผนที่จะใช้ประโยชน์บางข้อมูลนี้เอามาทำให้ตนเองสุขสบายมากขึ้น

อย่างน้อยก็ต้องก่อนที่เธอจะได้รับบัตรประจำตัว ซึ่งนี่เป็นแผนที่ถูกคิดเอาไว้มาตลอด 3 เดือนหลังจากที่เธออยู่ที่นี่

…………………………………………………………..

บทที่ 3 ต่อรองราคา

บทที่ 3 ต่อรองราคา

รัญชนารู้ว่าตอนนี้คนของปราการกำลังตามหา “เสกสรร” คนสารเลวที่ขโมยเอาเมล็ดพันธุ์ตัวอย่าง และรายละเอียดเกี่ยวกับการวิจัยไปทั้งหมดอยู่ และอีกประมาณ 2 วันเท่านั้น พวกเขาจะได้พบเจอชายคนนี้

ซึ่งต่อให้จะตามตัวเจอแล้วก็ตาม พวกเขากลับไม่ได้รับเมล็ดพันธุ์ตัวอย่าง หรือรายละเอียดการวิจัยกลับมาเลย คนที่ชื่อเสกสรรคนนี้เหมือนกับคนสติไม่สมประกอบ อีกฝ่ายมีความเชื่อว่าครั้งนี้พระเจ้าต้องการจะทำลายมนุษย์ทิ้งไป เมื่อเห็นว่ามนุษย์มีแผนการพัฒนาที่ดีขึ้น เจ้าคนชั่วนี้ก็เลยวางแผนที่จะขัดขวาง

เขาได้ทำลายเมล็ดพันธุ์นั้นไปแล้ว และยังทำลายข้อมูลทั้งหมดอีก สุดท้ายนักวิจัยจึงต้องเริ่มต้นใหม่ แม้ว่าพวกเขาจะมีความรู้เดิมอยู่บ้าง ทั้งยังรู้แนวทางในการศึกษา ทว่ากระบวนการวิเคราะห์ที่ต้องเริ่มตั้งแต่ต้นก็ทำให้หัวเสียไม่น้อยเลย

เสกสรรคนนั้นจะต้องตาย และคนที่ไปทำภารกิจตามจับอีกฝ่ายด้วยก็คือรัญชนานั่นเอง ในภารกิจนี้…พระเอกของเรื่องเป็นคนรับหน้าที่หลักไป ไม่แปลกที่เนื้อเรื่องจะเดินมาเจอรัญชนาเสียที หลังจากที่เกริ่นว่าเธอเป็นใครและมาจากคอนโดใหม่เท่านั้นในตอนแรก

ก็อย่างที่รู้กัน นิยายจะเขียนในมุมมองของตัวเอก ดังนั้นเรื่องที่พระเอกเป็นคนดำเนินไป จะต้องบรรยายฉากการพบเจอครั้งแรกของพวกเขาเอาไว้อย่างดีแน่นอน ไม่พ้นว่าจะต้องอึ้งกันไปเกือบสามนาที คนรักทั้งหลายเรียกก็ยังไม่ได้สติ เป็นผลให้ทุกคนรู้ว่าพระเอกมีแววว่าจะหาเมียเข้ามาในฮาเร็มเพิ่ม

ก็นะ….สุดท้ายมันก็เป็นตามสัญชาตญาณของพวกผู้หญิงจริงๆ

ครั้งนี้ รัญไม่ได้วางแผนที่จะไปทำภารกิจนี้อยู่แล้ว ถึงเธอจะไม่ได้คิดว่าตนเองควรต้องหนีหน้าพระเอกและอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ แต่ภารกิจที่กลับมาแล้วไม่ได้รับประโยชน์มากพอก็ไม่ควรค่าที่จะรับทำ ดังนั้นเพื่อให้ตนเองสามารถได้ประโยชน์มากที่สุด เธอขอเปลี่ยนเส้นเรื่องเล็กๆน้อยๆแล้วก็เปลี่ยนมาเป็นของกินก็แล้วกัน

ก๊อก ก๊อก

เสียงสัญญาณหลังจากที่รัญชนาเขียนป้ายนี้มาครึ่งคืนแล้วดังขึ้น แสดงให้เห็นว่ากำลังมีคนสนใจข้อมูลนี้อยู่ หญิงสาวเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ เดิมทีคิดว่าจะต้องรอจนถึงวันพรุ่งนี้เสียอีกถึงจะมีคนมาขอซื้อข้อมูล แม้จะรู้ว่าตลาดแห่งนี้มีคนของปราการมากมาย แต่ก็ไม่ได้คิดว่าคนที่เข้ามาจะเป็นพวกมีความสามารถในการตัดสินใจตั้งแต่แรก

ก๊อก ก๊อก

เธอส่งสัญญาณกลับไป เคาะโต๊ะสองครั้งแสดงให้เห็นว่าเริ่มขานราคาเองได้แล้ว ซึ่งอีกฝ่ายก็รู้กฎนี้เป็นอย่างดี เขาขยับมือแล้วหยิบกระดานแล้วเขียน “100 กรัม” ออกมา นี่เป็นความต้องการที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลกับอาหาร

รัญชนาส่ายหน้า เธอยกป้าย X ให้เขาเห็น แน่นอนว่าอีกฝ่ายรู้อยู่แล้วว่าการซื้อขายแบบนี้จะต้องมีการต่อรอง บางทีข้อเสนอของเขาตั้งแต่แรกก็เป็นข้อเสนอส่งๆเท่านั้น

- 200 กรัม –

- 500 กรัม –

คิ้วของคนตรงหน้าเริ่มขมวดเข้าหากันหลังจากที่เขารู้ว่าคนขายข้อมูลคนนี้ไม่ยอมพอใจที่มูลค่า 500 กรัม ซึ่งเป็นมูลค่าของอาหารจำนวนมากแล้ว บางทีมันน่าจะมากเกินไปสำหรับข้อมูลชุดเดียวด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาสนใจว่าอีกฝ่ายมีข้อมูลเหล่านี้ได้อย่างไร เขาคงจะไม่เสียเวลามาต่อรองอยู่แบบนี้หรอก

ก๊อก ก๊อก

ชายร่างใหญ่หยุดการต่อรองเพียงเท่านี้ เคาะสองครั้งสุดท้ายเพื่อยืนยันว่าเขาจะไม่เพิ่มการต่อรองอีก หากอีกฝ่ายไม่พอใจ เช่นนั้นการต่อรองนี้ก็จะจบลง คำเตือนนี้ทำให้รัญชนาชะงักไป เธอได้เห็นคนตรงหน้าเต็มตา แม้ว่าเขาจะปิดหน้าปิดตาเหมือนกับตนเอง ทว่าดวงตาที่คมเข้มนั้นทำให้เธอต้องทบทวนเสียใหม่

คนตรงหน้านี้เป็นคนมีอำนาจอย่างแน่นอน เขาไม่ได้มีดวงตาสีดำเหมือนกับพระเอกของเรื่อง ทว่าดวงตาของเขาเป็นสีฟ้า เห็นได้ชัดว่าเป็นคนต่างชาติหรือไม่ก็เป็นพวกลูกครึ่ง คนที่ปล่อยออร่าราวกับตัวเอกได้ขนาดนี้ ทั้งยังเป็นลูกครึ่งมีดวงตาสีฟ้าของเรื่อง รัญชนารู้จักเพียงคนเดียว

แน่นอนว่าเธอไม่ได้ฟันธงว่าเขาคือผู้ชายคนนั้นที่เธอรู้จักผ่านหนังสือนิยาย แต่ถ้าเป็นเขาจริงๆล่ะก็…เขาจะต้องสนใจข้อมูลนี้!

- ที่กบดานของเสกสรร + คนขโมยสร้อยรูปหัวใจสีเงิน –

ปัง!!

ราวกับระเบิดที่กำลังจะลงบนหัวของเธอ ชายคนนั้นทุบโต๊ะตรงหน้าจนหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ส่งผลให้ผู้คนมากมายหันมามองที่โต๊ะของพวกเธอเสียแล้ว โต๊ะขนาดใหญ่นี้ถูกทำลายด้วยการฟาดฝ่ามือครั้งเดียว แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนที่แข็งแกร่งขนาดไหน รัญชนาเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อเห็นเช่นนี้

เธอเดาได้ถูกต้อง!

“รบกวนอยู่ในความสงบ อย่าทำผิดกฎ” คนของตลาดมืดเอ่ยเสียงเรียบ แม้ว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งขนาดไหนก็ไม่ควรจะเมินกฎนี้ใช่ไหม?

สายตาของทั้งสองประสานกันอีกครั้ง ดวงตาสีฟ้านั้นมีประกายสังหารอยู่ด้วย ทว่าก็มีความคิดบางอย่างซ่อนอยู่เหมือนกัน เขารู้ว่าคนตรงหน้านั้นเป็นผู้หญิง ถ้าอย่างนั้น…ผู้หญิงที่รู้มากเกินไปคนนี้คือใคร

- 5 กิโลกรัม –

การแลกเปลี่ยนครั้งใหญ่ถูกเขียนออกมาทันที ดวงตาของรัญชนาสั่นไหว นี่คือการเดิมพันของพวกเขาทั้งสองคน สิ่งที่ทำให้เธอกล้าขนาดนี้ก็เพราะ…หากอีกฝ่ายเป็นคนที่เธอคิดจริงๆ อย่างนั้นเธอก็อาจจะถูกโชคครั้งใหญ่แล้วก็ได้

คนๆนี้ เขาเป็นนักธุรกิจชื่อดังเหมือนกัน แต่เรื่องอดีตของเขาไม่สำคัญเท่ากับสถานะปัจจุบันของเขาเอง ในฐานะหัวหน้าหน่วยที่ 7 เป็นหน่วยที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นหลังจากที่เข้ามาอยู่ได้ไม่กี่เดือนเท่านั้น เขาเข้ามาที่ปราการแห่งนี้พร้อมกับคนของเขาเองเกือบ 30 คน และกลายเป็นกลุ่มคนที่แข็งแกร่งอย่างมากในเวลาต่อมา

พระเอกเป็นผู้นำหน่วยที่ 3 ความสามารถในการต่อสู้เกือบจะเท่ากันเลย ถ้าไม่ใช่เพราะหัวหน้าหน่วยที่ 7 มีจุดประสงค์เดียวสำหรับการล่า บางทีเขาอาจจะกลายเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดก็ได้ จะบอกว่าน่าเสียดายก็ได้ หรือจะบอกว่าเขาเป็นคนที่ยึดติดมากๆคนหนึ่งก็ได้

ผู้ชายคนนี้ เขามีชื่อว่า “เวกัส” เขามีน้องสาวคนหนึ่งที่รักและเอ็นดูมากๆ เธอหายไปหลังจากวันสิ้นโลกแล้วพวกเขาก็ไม่ได้พบเจอกันอีกเลย เวกัสคนนี้แข็งแกร่งขึ้นเพื่อน้องสาวคนเดียวเท่านั้น ทุกคนรู้ดีว่าเขาไม่สนใจที่จะทำภารกิจสำคัญๆด้วยซ้ำ แต่ถ้ามีภารกิจบุกเบิกที่ไหน เขาจะอาสาก่อนเป็นคนแรก นั่นก็เพื่อเสี่ยงดวงที่จะตามหาน้องสาวของตนเอง

น่าเสียดายที่เขาเป็นพวกไม่สนใจคนอื่นมากเกินไป ดังนั้นปราการเหล็กไม่อาจจะยืมความแข็งแกร่งของเขาได้ ดังนั้นในนิยาย อีกฝ่ายจึงเป็นตัวปัญหาของพวกตัวเอกก็เท่านั้น

ส่วนน้องสาวของผู้ชายคนนี้…อีกฝ่ายได้จากโลกนี้ไปนานแล้ว ด้วยที่เป็นผู้หญิงคนเดียว เธอจากไปตั้งแต่วันสิ้นโลกแรกๆด้วยซ้ำ เนื้อเรื่องส่วนนี้จะถูกเปิดเผยในช่วงเล่มที่สองของวันสิ้นโลก และการพบเจอกับความผิดหวัง สาเหตุที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ มันจึงทำให้ผู้ชายคนนี้บ้าคลั่งขึ้นมา

ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีหรือเปล่า แต่เวกัสที่กำลังบ้าคลั่งได้สละชีวิตตนเอง เขาอาละวาดใส่สัตว์ซอมบี้และเรียกความสนใจได้สำเร็จ ดังนั้นพวกตัวเอกจึงหนีรอดมาได้โดยทิ้งเขาเอาไว้กับศพของน้องสาวตามลำพัง…

ผู้ชายที่มีบทต้องตายอย่างน่าสมเพช แต่กลับเป็นเครื่องมือที่ให้พวกตัวเอกรอดตายได้นั้น จะว่าน่าสงสารก็น่าสงสาร แต่จะบอกว่าเขาเป็นคนโง่ที่ไม่ปล่อยวางก็คงจะจริง

รัญชนายกป้าย / ให้กับเขา ถือว่าการแลกเปลี่ยนนี้จบลงด้วยอาหารทั้งหมด 5 กิโลกรัม การแลกเปลี่ยนนี้ทำให้คนอิจฉาตาร้อนอย่างมาก พวกเขาแลกเปลี่ยนกันมานาน ได้อาหารแค่ 100 กรัมก็ถือว่าวิเศษแล้ว อีกฝ่ายไม่รู้ว่าแลกด้วยอะไร ทำไมจึงได้รับอาหารมากมายขนาดนั้นตอบแทน!

เวกัสโยนตั๋วอาหารให้กับรัญชนา แสดงให้เห็นว่าเขาแลกเปลี่ยนตั๋วอาหารกับทางปราการเอาไว้มากมายจริงๆ การหยิบตั๋วออกมาใช้ทันที 5 กิโลกรัมนั้นเป็นอะไรที่แปลกมาก แต่ถ้าเป็นกลุ่มคนมากอำนาจ พวกเขาจะพกเท่านี้ก็ไม่แปลกอะไร

- เสกสรรซ่อนตัวอยู่ที่แคมป์ก่อสร้าง หลังโรงเรียนเก่า ถ้าเจอห้องน้ำชายให้เลี้ยวไปทางซ้ายจะเจอที่ซ่อนของพวกเขา – รัญชนาเขียนเรื่องแลกลงไป เนื่องจากกระดานไม่ได้ใหญ่มากพอจะเขียนทุกอย่าง ดังนั้นเธอจึงต้องลบแล้วเขียนข้อมูลส่วนที่สองลงไปใหม่

- สร้อยสีเงินรูปหัวใจ ตอนนี้อยู่ที่ลลิล คนของหัวหน้าหน่วยที่สาม เธอเก็บได้และไม่รู้ว่าเป็นของใคร –

เมื่อรัญชนาเขียนจบประโยค ชายร่างใหญ่ก็แค่นหัวเราะออกมาคำหนึ่ง แม้ว่าหญิงสาวตรงหน้าจะเขียนอธิบายเหตุผลทั้งที่ไม่จำเป็นออกมา แต่เขากลับไม่คิดเหมือนกัน

คนที่เก็บของๆคนอื่นได้แต่ไม่ยอมเอาไปส่งให้ทางการเพื่อประกาศหา เจตนาไม่ใช่ขโมยหรือ? แล้วนี่เป็นเรื่องที่เกิดกับผู้หญิงของหัวหน้าหน่วยที่สามที่แค่เห็นก็รำคาญลูกตาแล้วนั่นอีก เขายิ่งรู้สึกไม่ชอบใจมากขึ้นไปกันใหญ่

ลึกๆแล้วเวกัสกำลังคาดเดาว่าคนที่จะรู้ข้อมูลนี้อาจจะเป็นผู้หญิงสักคนของหัวหน้าหน่วยที่สามก็ได้ อีกฝ่ายมีเส้นสายมาก รับทำงานหลากหลายด้วย ไม่แปลกที่เขาอาจจะรู้ตำแหน่งของไอ้เสกสรรคนนั้นแล้ว อีกอย่าง…คนที่จะรู้ว่าผู้หญิงของหัวหน้าหน่วยที่สามขโมยของคนอื่นเอาไว้จะเป็นใครได้ ถ้าไม่ใช่คนของพวกมันเอง!

บางที หลังจากนี้…เขาควรจะไปทำความรู้จักกับหน่วยที่สามมากขึ้นใช่ไหม? เผื่อจะได้รู้จักผู้หญิงที่เจ้าเล่ห์แสนกลคนนี้

เมื่อการแลกเปลี่ยนเสร็จสิ้น รัญชนาไม่มีเหตุผลที่จะต้องดึงดูดความสนใจไปมากกว่านี้ ข้อมูลที่เธอขายได้มีค่ามากเกินกว่าที่ตั้งใจด้วยซ้ำ หญิงสาวออกมาจากตลาดมืด เดินลัดเลาะไปตามทางและกลับไปยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมของตนเอง เพราะความมืดที่ไม่สามารถมองเห็นใครเป็นใครได้ จึงไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไปหลายชั่วโมงก่อนหน้านี้

เช้าวันต่อมา เหล่านักล่าบางกลุ่มได้ทยอยกลับมารายงานแล้ว บางกลุ่มก็พาคนอพยพมาเพิ่มเติมด้วย บางคนเดินผ่านหน้ารัญชนาและยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจให้ หญิงสาวเพียงปฏิเสธด้วยสีหน้าเย็นชาเท่านั้น เธอยังคงอยู่เช่นนั้นตลอดทั้งวันโดยไม่ได้กินและนอน ก็แค่อดทนจนกว่าจะได้รับบัตรประจำตัวของตนเองเท่านั้น

เวลาแค่ 2 วันไม่ช้าและไม่เร็วเกินไป ในที่สุดก็ถึงวันที่จะรับบัตรประจำตัวของตนเองแล้ว รัญชนารอที่หน้าประตูอาคารวิจัย ทันทีที่มันเปิด เธอก็เป็นคนแรกที่เข้าไปรับบริการ

พนักงานตรวจสอบรายละเอียดและมอบบัตรประจำตัวให้กับเธอ ใช้เวลาทั้งหมดเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้น รัญชนาออกมาจากอาคารวิจัยแล้วตรงไปยังห้องโถงรับภารกิจ ด้วยรูปลักษณ์ที่ค่อนข้างดีของเธอ กับร่างกายที่สะอาดสะอ้าน ทำให้หลายคนถึงกับมองตามด้วยความสนใจ

“สามารถเลือกภารกิจที่กระดานได้เลยนะ หลังจากเลือกแล้วก็มาแจ้ง แล้วก็เริ่มทำภารกิจได้เลย สำหรับของรางวัลภารกิจก็จะมีระบุเอาไว้ให้เห็นด้านล่างอยู่แล้ว ถ้าทำไม่สำเร็จจะมีการลงโทษด้วย ทำภารกิจไม่สำเร็จครบ 3 ครั้งจะถูกลงโทษด้วยการขับออกจากปราการ หรือไม่ก็ต้องไปทำงานที่คุกดำ”

เจ้าหน้าที่ที่ดูแลอาคารรับภารกิจกล่าวเตือน เขาดูแลคนเข้าออกอยู่ตลอดย่อมจำหน้าพวกทำภารกิจเดิมๆได้ สำหรับคนไหนที่เขาคิดว่าน่าจะมาใหม่ก็จะบอกรายละเอียดเผื่อไว้ด้วย

รัญชนาพยักหน้ารับ หากอ้างอิงจากกฎในนิยาย เธอจะได้รับรายละเอียดที่สมบูรณ์มากกว่า แน่นอนว่าในนิยายนั้นอาศัยประสบการณ์และการเดินเรื่องของนักเขียน ไม่แปลกที่มันจะครอบคลุมมากกว่าคำพูดส่งๆของเจ้าหน้าที่เช่นนี้ หญิงสาวกล่าวขอบคุณแล้วเดินไปที่กระดาน ท่าทางของเธอไม่ได้แสดงความเคอะเขินหรือประหม่าแต่อย่างใด แผ่นหลังเหยียดตรงและออร่าที่ปล่อยออกมานั้น ไม่แปลกที่จะทำให้รัญชนากลายเป็นจุดสนใจได้ง่ายๆ

…………………………………….

อ่านต่อนิยายเรื่องนี้

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0