นายกสมาคมอ้อยชลบุรี ชี้น้ำตาลขึ้นราคา 4 บาท มีผลดีต่อชาวไร่อ้อย หากไม่ขึ้นราคาคาดว่าอนาคตจะไม่มีคนปลูกอ้อย
เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม นายจิรวุฒิ สิงห์โตทอง นายกสมาคมกลุ่มอาชีพการเกษตรชลบุรี เปิดเผยถึงกรณีราคาน้ำตาลขึ้นกิโลกรัมละ 4 บาทว่า เกิดผลดีกับเกษตรกรผู้ปลูกอ้อย หากไม่มีการขึ้นราคา เชื่อว่าในอนาคตจะไม่มีคนปลูกอ้อย เพราะปลูกไปก็ขาดทุน เนื่องจากต้นทุนการปลูกอ้อยสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นราคาปุ๋ย ราคายากำจัดศัตรูพืช รวมทั้งค่าน้ำมัน ทุกอย่างมีต้นทุนที่สูงหมด ประกอบกับช่วงปี 2566 อ้อยประสบภัยแล้ง ผลผลิตหายไป 30-40 เปอร์เซ็นต์ หากน้ำตาลไม่ขึ้นราคา 4 บาท จะทำให้ชาวไร้อ้อยลดพื้นที่การเพาะปลูกทั้งหมด เพราะปลูกไปก็ขาดทุน ไม่ปลูกดีกว่า
นายจิรวุฒิกล่าวว่า สำหรับราคาค่าอ้อยเบื้องต้นในปีการผลิต 2566/2567 จะอยู่ที่ราคาประมาณตันละ 1,580 บาท จากการที่ขึ้นราคาน้ำตาลกิโลกรัมละ 4 บาท หากเปรียบเทียบกับราคาอ้อยในปีที่ผ่านมามีราคาตันละ 1,150 บาท การขึ้นราคาน้ำตาลครั้งนี้ จะทำให้เกษตรอยู่ได้ ยอมรับว่าในอดีตที่ผ่านมา ช่วงที่มีการปลูกอ้อยมากที่สุด มีกำลังผลิตมากถึง 139 ล้านตัน ล่าสุดคาดว่าเหลือประมาณ 75 ล้านตัน เมื่ออ้อยมีผลผลิตน้อยจากเคยมีผลผลิตได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ขณะนี้เหลือผลผลิตประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ ถึงแม้ว่าอ้อยจะราคาดี แต่ได้ผลผลิตน้อย เกษตรกรชาวไร่อ้อยก็ยังอยู่ยากเหมือนกัน
“การที่ขึ้นราคาน้ำตาลครั้งนี้ ถือว่าเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยให้อยู่ได้ ไม่เช่นนั้นทุกคนคงเลิกปลูกอ้อย เพราะปลูกไปก็มีแต่ขาดทุน ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน แม้ผมเองก็ยังอยากเลิกปลูกอ้อยเหมือนกัน ปลูกไปแล้วไม่ได้ราคา” นายจิรวุฒิกล่าว และว่า ขณะนี้ทุกประเทศที่ปลูกอ้อยก็ประสบปัญหาเหมือนกันจากภัยแล้ง อาทิ บราซิล หากมีการเพิ่มราคาน้ำตาลกิโลกรัม 4 บาท ก็จะทำให้เกษตรกรหันมาปลูกอ้อยเพิ่มมากขึ้น เพราะถือว่ายังพอมีกำไร
นายจิรวุฒิกล่าวถึงกรณีส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคว่า ในเรื่องหากมองไปแล้ว จะเห็นมีคนป่วยเป็นโรคเบาหวานจำนวนมาก และแพทย์ส่วนใหญ่จะห้ามไม่ให้ผู้ป่วยบริโภคน้ำตาลอยู่แล้ว จึงไม่เกิดผลกระทบแต่อย่างใด ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนคือ ผู้ผลิตน้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง ถือว่าเป็นของฟุ่มเฟือยไม่บริโภคก็ได้ จึงเชื่อว่าการขึ้นราคาน้ำตาลในครั้งนี้ ไม่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคแต่อย่างใด แต่จะเกิดผลดีต่อเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยมากกว่า
