(1พ.ค.67) กรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลกรณีบริษัทแอสตร้าเซเนก้ายอมรับว่า"วัคซีนโควิด"มีผลข้างเคียงทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือด และเกล็ดเลือดต่ำนั้น
รศ.ดร.นพ ชาตรี ชัยอดิศักดิ์โสภา อาจารย์หน่วยโลหิตวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า มีรายงานภาวะลิ่มเลือดอุดตันและเกล็ดเลือดต่ำ (VITT) หลังฉีด"วัคซีนโควิด"-19 อยู่ 2 ชนิด โดยกลไกที่ทำให้เกิดภาวะ VIIT เพราะองค์ประกอบของวัคซีนบางส่วนที่ทำให้ร่างกายผู้รับวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา แล้วไปกระตุ้นเกล็ดเลือด ทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตัน และเกล็ดเลือด
อุบัติการณ์ทั่วไปพบได้ 1 : 100,000 ในกลุ่มประชาชนทั่วไป พบน้อยมากในกลุ่มผู้สูงอายุ (มากกว่า 65 ปี) มีเพียง 1 : 1,000,000 ประชากร และในกลุ่มที่น้อยกว่า 55 ปี พบได้ 1 : 50,0000 มักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และพบได้
สำหรับอาการมักเกิด ใน 1-2 สัปดาห์หลังจากฉีดเข็มแรก แต่ยังสามารถพบได้ภายใน 30 วันหลังฉีด โดยอาการขึ้นกับพบว่ามีลิ่มเลือดที่บริเวณใด พบบ่อยที่สุดบริเวณหลอดเลือดดำของสมอง รองลงมาคือในหลอดเลือดดำในท้อง ส่วนในบริเวณอื่น ๆ พบได้น้อยกว่า
การวินิจฉัยประกอบด้วย 3 องค์ประกอ บคือ
ต้องมีภาวะลิ่มเลือดอุดตัน หากสงสัยจะส่ง CT Scan
ต้องมีปริมาณเกล็ดเลือดต่ำกว่าปกติ
มีการสร้างภูมิคุ้มกันมาต่อต้านเกล็ดเลือดของตนเอง
สำหรับการรักษาจะให้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด และระวังภาวะแทรกซ้อนต่างๆ และยับยั้งการสร้างภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติด้วยการให้ยา Intravenor Immunoglobulin (IVIG)
ทั้งนี้คาดว่าภายหลังจากการออกมายอมรับของบริษัทผู้พัฒนาวัคซีนแล้ว จะเริ่มมีการเก็บรวบรวมข้อมูลในเรื่องนี้เพื่อทำการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง