FootNote : เก้าอี้ เลขาธิการ นายกรัฐมนตรี "เผือกร้อน" ในมือ "พีระพันธุ์"

FootNote : เก้าอี้ เลขาธิการ นายกรัฐมนตรี "เผือกร้อน" ในมือ "พีระพันธุ์"

ความหงุดหงิดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อประสบเข้ากับคำถามถึงความชัดเจนตั้งแต่เรื่องยุบสภา กระทั่งความชัดเจนในพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้น

เมื่อเกิดขึ้นและย้อนหวนขบคิดอย่างจริงจังก็จะเข้าใจในรากฐานและความเป็นมาของการคาดคั้น

เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็น นายกรัฐมนตรี

เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สำแดงออกอย่างเด่นชัดยิ่งว่าต้องการ "ไปต่อ" ในทางการเมือง แม้จะเหลือเวลาอีกเพียง 2 ปี ตามกรอบที่รัฐธรรมนูญกำหนด

ถามว่าเมื่อลงจากเครื่องบินหลังเข้าร่วมประชุมที่เบลเยี่ยม เหตุใด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องชักสีหน้า เมื่อปะเข้ากับคำถามในเรื่องความชัดเจนต่อพรรครวมไทยสร้างชาติ

คำตอบ 1 เพราะมีคำมั่นจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าจะตอบทุกความข้องใจ คำตอบ 1 เพราะมีข่าวยืนยันจากพรรครวมไทยสร้างชาติในความมั่นใจทางการเมือง

เป็นความมั่นใจภายหลังมีการนำอดีตส.ส.กว่า 40 คน เข้าพบและสนทนากับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

เด่นชัดว่าข่าวนี้ "สื่อ" มิได้ "มโน" ขึ้นอย่างเลื่อนลอย ว่างเปล่า

แม้การออกมาปฏิเสธภายหลังของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ในความจำเป็น แต่สื่อทุกสำนักย่อมรู้ดีอย่างที่สุดว่า รากฐานความเป็นมาของข่าวคืออะไร

ในที่สุดแล้ว คือการบริหารจัดการที่ยังไม่ลงตัวระหว่างพรรครวมไทยสร้างชาติกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

เนื่องจากกลยุทธ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ที่ 2 เดือนข้างหน้าก่อนถึงเดือนมีนาคม 2566 ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติมีความจำเป็นต้องเตรียมความพร้อม

ยิ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปล่อยเวลาเนิ่นนาน ยิ่งก่อภาวะลังเลไม่แน่ใจในหมู่แฟนานุแฟน จึงปรากฏข่าวเรื่อง 40 อดีตส.ส. จึงปรากฏภาพการถ่ายภาพคู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ความชัดเจนต่างหากคือคำถาม คือความต้องการอย่างรีบด่วนเพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ไปต่อทางการเมือง

การแต่งตั้ง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อาจเป็นช่องทางหนึ่งในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับพรรครวมไทยสร้างชาติ

แต่ความแหลมคมอยู่ที่บทบาทเป็นจริงซึ่งจะตามมา

เพราะเป็นบทบาทที่อยู่ในสายตาไม่ว่าจะมองจากพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะมองจากพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์

ทุกพรรคล้วนต้องการชิง "ความได้เปรียบ" ต่อกันทั้งสิ้น