โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

5 สิ่งที่อาจช่วยให้ปีหน้าดีกว่าปีนี้ - บอร์นเก้าสาม (เพจเท่าที่รู้)

TALK TODAY

เผยแพร่ 20 ธ.ค. 2562 เวลา 03.18 น. • บอร์นเก้าสาม (เพจเท่าที่รู้)

เผลอแป๊ปเดียว เดือนสุดท้ายของปีแล้ว แม้จะทำไม่ได้ตามเป้าหมายทุกอย่างก็ตาม แต่ถ้าไม่เปล่าประโยชน์จนเกินไป อย่างน้อย 12 เดือนที่ผ่านมาก็น่าจะมีสิ่งที่เราเรียนรู้ได้เหมือนกัน เลยลองคัดให้เหลือสัก 5 ข้อนี้ ซึ่งจริง ๆ แล้ว ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่น่าจะช่วยให้ชีวิตเราดีขึ้นได้ในปีหน้า ถ้าลองคิดตามดูนะครับ

1. คิดได้ให้ลงมือทำทันที อย่ามีข้อแม้

ถ้าสมมติเราทุกคนมีสิทธิเลือกพลังพิเศษอะไรสักอย่างมาใส่ตัวได้ ผมอยากบอกว่า “พลังของการทำทันที” มีพลังกว่า “พลังของการตั้งใจจะทำ” ครับ ถ้าสู้กันตัวต่อตัว คนที่ถือครองพลังชนิดแรก ชนะขาดลอยแน่นอนแบบทิ้งไม่เห็นฝุ่นเลย

ลองฝึกตัวเองให้เป็นคนที่ล้มเหลวได้จากการลองผิดลองถูก หรือฝึกตัวเองให้เป็นพวกลงมือทำ แม้มันยังไม่พร้อม 100% ดูครับ ที่ผ่านมา ผมเชื่อว่าหลายคน (รวมทั้งผม) ติดกับดักกับความคิดที่ว่า เรายังไม่พร้อม เรายังไม่มั่นใจ เรากลัวว่าทำอะไรออกไปแล้วมันจะยังไม่ดี ไม่เจ๋ง ไม่ประสบความสำเร็จ นั่นแหละ พอคิดอย่างนี้ 12 เดือนที่ผ่านมา ก็เลยมีหลายอย่างที่เราน่าจะ “ลองทำ” ดูก่อน แต่ทุกวันนี้เราก็ยังไม่ได้ลงมือทำเลย เพราะแค่คิดว่า “ยังไม่พร้อม”

ยุคนี้เป็นยุคที่ปลาเร็วกินปลาใหญ่ คนที่คิดได้แล้วลงมือทำทันที แม้ว่าเขาจะยังไม่พร้อม ทุกวันนี้เขาได้เรียนรู้และพัฒนาจนมันดีขึ้น ในขณะที่คนที่ตั้งท่าว่าจะทำ รอเวลา จนถึงตอนนี้อาจจะยังไม่ได้เริ่มอะไรเลย และโลกเราหมุนเร็วขึ้นทุกวันครับ สิ่งที่เราว่าจะลองทำปีนี้อาจจะไม่ดีเท่าลงมือทำในปีที่แล้วก็ได้

2. เวลาของเรายังเดินช้าอยู่ แต่ของพ่อแม่เราเดินเร็วขึ้นทุกวัน

ผมเชื่อว่าหลายคนรักครอบครัว แต่บางทีครอบครัว พ่อแม่เหมือนเป็นของตาย หมายถึงว่ายังไงเขาก็อยู่กับเรา กลับไปก็เจอ คิดถึงเมื่อไหร่ก็ไปหา หรือบางทีเราก็คิดว่าเราจะขยันตั้งใจทำอะไรสักอย่างให้สำเร็จ แล้วเดี๋ยวมีเงินเราจะได้ไปดูแลเขาได้ แต่ลืมอะไรไปหรือเปล่าครับ ว่าแม้มีเงินมากเท่าไหร่ มันก็ซื้อเวลาเพิ่มไม่ได้

จัดเวลาให้ความสำคัญกับคนที่สำคัญในชีวิตเราตอนนี้ เวลาเราเดินไม่เท่ากัน เราคิดว่าเรามีเหลืออีกเยอะ แต่พ่อแม่เรานับถอยหลังมากขึ้นทุกวัน วันที่เรามีพร้อมทุกอย่าง แล้วคิดว่าอยากมีเวลากับเขาเยอะๆ อาจจะเป็นวันที่เราต้องมานึกเสียใจก็ได้ เพราะเราเอามันไปใช้นอกบ้านซะเกือบหมดแล้ว จะเอาแต้มบัตรเครดิตไปแลกเป็นเวลากลับคืนมาก็ไม่ได้

อย่ามัวให้ความสำคัญกับคนนอกบ้านก่อนคนในบ้านนะครับ ไม่งั้นมันอาจจะเป็นสิ่งที่เราเสียใจไปตลอด

3. อดีตคือสิ่งที่หลุดมือไปแล้ว อนาคตยังเป็นอากาศ ที่มีอยู่จริงคือปัจจุบัน

หลายคนคงเคยได้ยินมาแล้วว่า คำว่า Present แปลได้ทั้ง ของขวัญและปัจจุบัน นั่นมันให้ข้อคิดเราได้ง่ายๆ ว่าตอนนี้ เวลานี้ เดี๋ยวนี้ ทุกสิ่งที่เรายังมีโอกาส คือของขวัญในชีวิต

ปัจจุบันมันอาจจะไม่ใช่ความฝันที่หรูหราอลังการเหมือนอนาคต มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราโหยหาคิดถึงเหมือนอดีต แต่มันเป็นสิ่งที่เราจับต้องได้ มีจริงและอยู่กับเราจริง

ที่ผ่านมาจะผิดพลาดขนาดไหน จะสูญเสียอะไรไป จะหวังอยากได้อะไรมา ไม่สำคัญเท่าตอนนี้เรายังมีชีวิตอยู่ ยังหายใจ ยังมีโอกาส สิ่งที่เรามีอยู่สำคัญกว่าสิ่งที่หายไปและสิ่งที่ยังไม่ได้มา ถ้าเราไม่คิดให้ได้ว่าปัจจุบันคือของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับเราแล้ว เราจะกลายเป็นคนที่ทุกข์ได้สม่ำเสมอไม่ว่าจะเจออะไร ไม่ว่าจะผ่านอะไรมา หรือว่าเหลืออะไรอยู่

มีความสุขกับตอนนี้ดีกว่าครับ หันมาสนใจกับสิ่งที่มีอยู่ คนที่ยังอยู่ล้อมรอบตัวเรา สองมือที่เรามี งานที่เรายังได้ทำ เมื่อวานเป็นบทเรียน ส่วนพรุ่งนี้คือผลผลิตของตอนนี้

4. พอดีเป็นส่ิงที่ทำกันได้ยากที่สุด แต่ก็ต้องทำ เพราะมันดี

อย่าทำตัวเยอะเกินไป มันไม่ดี เรื่อยๆ เฉื่อยๆ ก็ไม่ดี รักใครสักคนก็เอาที่พอดี หัดยับยั้งใจตัวเองบ้าง ทุ่มเทมากไปจนหมดใจหมดตัว แต่เขาไม่เห็นหัวเราเลย แล้วใครพัง

ทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำ สุดท้ายเพื่อเอาเงินที่ได้มาจ่ายค่ารักษาสุขภาพ

ทุกอย่างในชีวิต ทำให้พอดี กะเอาก็ได้ครับ ว่ามากไปไหม ลดลงหน่อย น้อยไปไหม เพิ่มอีกนิด ถามเพื่อนสนิทดูสักหน่อย “เฮ้ย แกว่าชั้นเยอะไปเปล่าวะ” แล้วลองฟังมันดูบ้าง เพราะเวลาเราอินกับอะไร เรามักทุ่มเทให้สิ่งนั้นมากจนเอียง กว่าจะคิดได้ สูญเสียกันไปเท่าไหร่แล้ว มีสติอยู่เสมอ คอยทบทวนอยู่เรื่อยๆ ว่า “เอาเท่าที่พอดี”

5. ปัญหาบางเรื่อง เป็นแค่เรื่องที่เรา “ใส่ใจ” กับ “ไม่ใส่ใจ”

บางเรื่องที่เราทุกข์ใจ รู้สึกระทม ไม่ใช่เพราะว่าโดนใครเอาไม้เบสบอลหวดเข้าที่หน้าแข้งแล้วมันเจ็บปวดหรอก แต่เป็นเรื่องที่เราดันไปใส่ใจกับเรื่องที่ไม่ควรใส่ใจซะมากกว่า

พอโตขึ้นแล้ว เราต้องหัดมีตัวกรองให้กับชีวิต เพราะยิ่งเราเจอคนเยอะ เรายิ่งกระทบกระทั่งกันมากขึ้น แล้วยิ่งยุคนี้ ไม่เจอหน้ากัน เห็นแค่คอมเม้นท์บนโลกออนไลน์ก็กระทบกระทั่งกันได้แล้ว นั่นยิ่งแล้วใหญ่

อย่างแรกเราต้องรู้สำนึกตัวเองอยู่เสมอ ตัวเรามีเรื่องต้องเรียนรู้ไหม อะไรที่เราต้องปรับปรุง อะไรที่เรายังพัฒนาได้ คำเตือน คำด่า คำต่อว่า คำเหน็บแนมที่เราเจอ พอกรองออกมาแล้ว มีเนื้อหาเหลือที่เป็นประโยชน์แก่ชีวิตเราเท่าไหร่ ก็เอาเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นกรองมันเป็นกากแล้วทิ้งไป

ถ้าเราใส่ใจแค่กับเรื่องที่ควรใส่ใจ แล้วก็ไม่ใส่ใจในเรื่องที่มันกวนความคิดให้ขุ่น กวนใจให้ขม กวนหัวให้ร้อนได้ เราจะตัดปัญหาและความทุกข์ออกไปจากชีวิตได้เยอะเลย เพราะมันเป็นเรื่องแค่ว่า “อย่าไปใส่ใจกับเรื่องที่ไม่ควรใส่ใจ” เท่านั้นเอง

ข้อดีของช่วงเวลาที่เราเรียกกันว่า “ปีใหม่” ก็คืออย่างน้อยเราได้รู้สึกว่า ตอนนี้เรากำลังจะก้าวจากอะไรที่มันเก่า ๆ ไปสู่สิ่งใหม่ ๆ แล้วนะ เหมือนมันเป็นจุดสตาร์ทเริ่มต้น และมีเส้นชัยคือสิ้นปีหน้า ซึ่งจริง ๆ เราก็ก้าวไปข้างหน้ากันทุกวันนั่นแหละ แต่อย่างน้อย ได้มีอะไรเป็นจุดเริ่มและแรงจูงใจให้ชีวิตทำอะไรใหม่ ๆ มันก็ดีนะ

หวังว่าทุกคนจะมีปีที่ดีที่ผ่านมานะครับ มันคงไม่ได้ดีที่สุด แต่มันดีในการที่เราได้เติบโตขึ้น ได้เรียนรู้ ได้ล้มแล้วก็ลุก แล้วก็ล้มแล้วก็ลุกอีก จนเราฉุกคิดได้ว่า ล้มก็ไม่แย่นะ เดี๋ยวเราก็ลุกใหม่ได้ และปีหน้าเราคงได้เก็บเกี่ยวอะไรใหม่ ๆ จากประสบการณ์ที่หว่านไว้ในปีนี้นะครับ สุขสันต์ปีใหม่ล่วงหน้าครับ

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0