โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

24 ข้อคิด ปีใหม่ เริ่มใหม่ ชีวิตใหม่ | พศิน อินทรวงค์

พศิน อินทรวงค์

เผยแพร่ 02 ม.ค. 2563 เวลา 03.57 น.

***งานและเงิน***

1. เงินทองทรัพย์สิน เกิดจากการทำงาน หาเงินได้มากน้อย ขึ้นอยู่กับศักยภาพทางความคิด ผนวกกับความเพียร

ทำการงานใด ๆ จงรักในงาน มีวิริยะ ทำด้วยความเบิกบาน ตรวจสอบ วิจัยผลงานอยู่เสมอ จึงเกิดเป็นผลสำเร็จ อย่ามั่วตัดพ้อว่าเงินทองขาดมือ ขาดเงินในมือ เกิดจากสองมือขาดทักษะ เมื่อทักษะเพิ่มพูน โอกาสย่อมเพิ่มพูน เส้นทางที่ตีบตันย่อมเปิดกว้าง โชคชะตาไม่เกี่ยว ทุกสิ่งลิขิตได้ด้วยสองมือทำจริง

2. ปัญหาคือส่วนหนึ่งของการทำงาน งานอะไรหรือที่ไร้ปัญหา วิธีทำให้การงานไร้ปัญหา คือมองว่า ปัญหาไม่ใช่ปัญหา ปัญหามีไว้แก้ ไม่ได้มีไว้กลุ้ม

3. เลิกหาทางลัดเรื่องความสำเร็จ เพราะทางลัดมีแต่ในนิยายเท่านั้น กลับสู่โลกความจริง ทางตรงคือทางลัด ทางลัดคือทางอ้อม ความเหน็ดเหนื่อยคือส่วนหนึ่งของความสำเร็จ ความจริงข้อนี้จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

4. อ่านหนังสือสัปดาห์ละ 2 เล่ม ไม่ใช่เรื่องยาก และใช้เวลาไม่นานอย่างที่คิด หนึ่งเดือนเราจะได้ความรู้จากหนังสือ 8 เล่ม หนึ่งปีเราจะได้อ่านหนังสือ 96 เล่ม สิบปีผ่านไป เราจะได้อ่านหนังสือ 960 เล่ม ขอให้จินตนาการดูว่า เมื่อถึงจุดนั้น เราจะเป็นผู้รอบรู้กว้างขวางแค่ไหน ขณะที่เรานั่ง นอน เล่น ลอยคอลอยชาย มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังขบเคี้ยวความรู้เป็นอาหารว่าง

5. การประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด ที่จริงทุกคนรู้อยู่แล้วว่าทำอย่างไร ทว่า คนส่วนมากเลือกตามใจกิเลส ท้อแท้ก็เลิก ขี้เกียจก็หยุด ไม่รู้ก็จบ นี่คือวิถีของคนจำนวนมาก พันคนไม่สนใจ ร้อยคนคิด สิบคนทำ เหลือเพียงหนึ่งคนเท่านั้นที่ทำจริง ต่อสู้ อดทน จนถึงฝั่งฝัน

6. จงช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ผ่านการงานของเรา หากำไรแต่พอสมควร อย่าให้บ้าเงินทองถึงขั้นกัดกินเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง เมื่อร่ำรวยแล้ว จงทำตนเป็นสะพานให้คนรุ่นหลังได้ต่อยอด ข้ามฝั่ง แม้ยังไม่ถึงขั้นร่ำรวยมหาศาล เราก็มีสิ่งที่แบ่งปันได้เสมอ เวลาส่วนหนึ่งของชีวิตหมดไปด้วยการงาน จงอย่าแยกหนทางพัฒนาจิตใจออกจากการงาน เงินทองคือทางผ่าน แต่มิใช่เป้าหมาย ทำงานด้วยความเสียสละ ปลายทางจะพบกับคุณค่าแท้ของชีวิต

***ครอบครัวและความสัมพันธ์***

1. คนในครอบครัวคือคนใกล้ตัว เราเป็นอย่างไร เขาย่อมรู้ดี ไม่จำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์ คิดอย่างนี้ก็เป็นเหตุให้มีโอกาสตามใจตนเองสูง อยากพูดอะไรก็พูด อยากทำอะไรก็ทำ สิ่งนี้ควรแก้ไข ปรับปรุง ยิ่งอยู่ใกล้ ยิ่งต้องเกรงใจ เห็นใจ เข้าใจ มิใช่เอาความรักของเขามาเป็นเครื่องมือเห็นแก่ตัว พูดจากภาษาดอกไม้กับคนในครอบครัว คือสิ่งดีงามที่ไม่ต้องใช้เงินซื้อหา

2. ปีหนึ่ง ๆ ควรหาเวลาออกไปท่องเที่ยว ท่องเที่ยวให้เหมาะสมกับฐานะ มิใช่ท่องเที่ยวอย่างล้างผลาญเงินทอง ความสุขในครอบครัว ควรเป็นเรื่องเล็ก ๆ แต่สร้างความรู้สึกให้พิเศษ ให้พากันเห็นคุณค่าในสิ่งเรียบง่าย กอดกันบ้าง จูงมือกันบ้าง พูดจาชมเชยกันบ้าง บางครั้งอาจทำกับข้าว ใส่ปิ่นโต ไปกินที่สวนสาธารณะแบบง่าย ๆ ทั้งหมดเพียงใช้ความสร้างสรรค์ผสานด้วยความรัก แล้วความงดงามง่าย ๆ จะกำเนิดเกิดขึ้นภายใต้หลังคาบ้าน

3. หากครอบครัวใดมีปัญหาคาราคาซัง อย่าเพิ่งสิ้นหวัง ยิ่งอยู่กันนาน ปัญหายิ่งสะสมเป็นเรื่องธรรมดา ขอให้คิดเสียว่า ชีวิตคือเรื่องชั่วคราว ตระหนักถึงความจริงข้อนี้ให้มาก แล้วเราจะใช้ทุกเวลานาทีอย่างมีคุณค่า ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ยังไม่ตาย ไม่พรากจากกัน คิดถึงความดีของกันและกันไว้มาก ๆ บางครั้ง ที่เขาทำอย่างนี้ เขาอาจไม่ตั้งใจ แต่เป็นเพราะเขาอ่อนแอเกินไปที่จะเอาชนะกิเลสชั่วร้ายของตนเอง 

ไม่เป็นไร จงเอาชนะกิเลสในใจของเราแทนเขา เป็นไปได้ไหม หากเขาใจร้อน เราก็จะใจเย็นให้มากกว่านี้ เป็นไปได้ไหม ที่เราจะเลิกสนใจการเปลี่ยนแปลงคนอื่น แต่เราจะมุ่งมั่น ฝึกฝน เปลี่ยนแปลงจิตใจของเราเอง เปลี่ยนตนเองเพราะเมตตาคนในครอบครัวของเรา มิใช่เพื่อเพื่อประชัดประชัน คิดให้ดี คำด่า คำว่า คำเดียวกัน มิใช่ทุกคนหรอกนะที่ฟังแล้วรู้สึกโกรธเคือง คนบางคน อาจเห็นความผิดพลาดของคนในครอบครัวเป็นเรื่องน่ารักก็ได้ อะไร ๆ จะดีกว่านี้แน่นอน หากเราขยับขยายพื้นที่ในใจของเราให้กว้างใหญ่ไพศาล

4. พากันคิดดี พูดดี ทำดี อย่าพากันนินทา โอ้อวด พากันไปสร้างกุศล ช่วยเหลือผู้คนเดือดร้อน อย่าเอาแต่พากันใช้ชีวิตหรูหรา ปรนเปรอตนเอง พากันกินใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น มิใช่กินใช้เพื่อสนองความอยาก บริโภคพอดี ๆ ประปา ไฟฟ้า น้ำมัน ดูเผิน ๆ เหมือนใช้เงินของเราซื้อ ซื้อมาแล้วจะทำอย่างไรก็ได้ แต่หากมองให้ลึก สิ่งเหล่านี้คือสมบัติโลก กิน ใช้ อะไร ๆ ให้นึกถึงลูกหลานร่วมโลกภายหน้า ยิ่งบริโภคมาก โลกยิ่งแตกเร็วขึ้น

5. ขอบคุณกันบ้าง ขอโทษ และให้อภัยกันบ้าง เห็นคุณงามความดีของกันและกันบ้าง ระลึกถึงวันดี ๆ ระหว่างกันและกันบ้าง แสดงความรักต่อกันและกันบ้าง คิดให้มาก ว่าวันหนึ่งเราต้องตายจากกัน มันจะดีกว่าไหม ถ้าเราจะอยู่ร่วมกันด้วยความรัก มิใช่ความเห็นแก่ตัว

6. รักเขาให้มากกว่านี้อีกหน่อย

***สุขภาพ และความเป็นอยู่***

1. ดีที่สุดคือการใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติ นอนอย่าดึกมากนัก นอนให้พอ ตื่นให้เช้า มีคนมากมายนอนตื่นสาย โดยที่ไม่รู้เลยว่า ชีวิตจะเปลี่ยนไปมากมายเมื่อตื่นให้เช้าขึ้น ตะวันขึ้น ตะวันตก สายลมพัดผ่าน เหล่านี้คือรหัสลับที่ธรรมชาติพยายามสื่อสารถึงหนทางที่ทำให้คนเรามีสุขภาพที่ดี

2. เรื่องกินเรื่องใหญ่ คนคิดเช่นนี้มักตายเพราะเป็นเบาหวานบ้าง ความดันบ้าง มะเร็งบ้าง กินอะไร กินมื้อไหน ให้กินแต่พอดี ๆ อย่ากินทิ้งกินขว้าง ให้รู้จักคุณค่าของอาหาร รู้จักขอบคุณกุ้ง หอย ปู ปลา มิใช่เพียงพูดว่า มันสดดีจัง เนื้อนิ่มมาก รสชาติหวานลิ้น กรุณาตระหนักถึงความหมายของชีวิตที่ลึกซึ้งไปกว่านั้น เพราะนี่คือชีวิตที่สละเพื่อให้เรามีชีวิต หากไม่คิดอะไรเลย คำว่าอร่อยอาจพาเราดิ่งสู่นรก

3. บ้านช่อง ห้องหอ ควรปัดกว้างเช็ดถูกให้สะอาด สิ่งใดไม่ใช้แล้ว ให้นำไปบริจาค กอดไว้ หวงไว้รังแต่จะทำให้บ้านเป็นรังหนู รกทั้งบ้าน รกทั้งใจที่เป็นโรคขี้เหนียว จงซื้อหาข้าวของเครื่องใช้เท่าที่จำเป็น สิ่งใดไม่จำเป็นก็อย่าซื้อมา เหตุผลแรกคือเปลือง เหตุผลที่สองคือเราจะกลายเป็นโรคบ้าหอบฟาง

4. ต้นไม้ช่วยลดโลกร้อน ควรหาเวลาไปปลูก จงแสดงความเคารพและใส่ใจธรรมชาติ นี่มิใช่หน้าที่ของนักอนุรักษณ์ เพราะเราก็มีส่วนทำลายโลกเหมือนกันกับคนอื่น เราสร้างขยะ เราสร้างมลพิษ เราบริโภคทรัพยากร สิ่งเหล่านี้จึงอยู่ในความรับผิดชอบของเราโดยตรง

5. หากรักร่างกาย อยากให้ร่างกายแข็งแรงไปนาน ๆ ก็ออกกำลังกายบ้าง ทิ้งความขี้เกียจ และข้ออ้างไว้ในถังขยะแห่งการยอมรับ ถ้าดีกว่านั้น ก็ให้ไปตรวจสุขภาพประจำปี ให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ก็หัดปลูกผัก ปลูกพริกกินเอง พึ่งพาตนเองเรื่องอาหารการกินให้มากที่สุด แล้วเราจะรู้ว่า บางครั้ง การหุงหาอาหารของคนโบราณ กับการยกระดับจิตใจ ก็เป็นเรื่องเดียวกัน

6. นานแค่ไหนแล้ว ที่เราไม่ได้ทำกับข้าวไปแจกเพื่อนบ้าน ลองทำดูสิ รู้สึกดีนะ

***การขัดเกลากิเลส และพัฒนาความเมตตา***

1. สิ่งสูงสุดของชีวิตคือความสุข แต่ความสุขจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากจิตใจของเราเต็มไปด้วยกิเลส กิเลสคือความโลภ โกรธ หลง หรือพูดง่าย ๆ ว่าความเห็นแก่ตัว การเอาตนเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล ในการใช้ชีวิต จงระลึกให้มาก ว่าเราเกิดมาเพื่อขัดเกลากิเลส มิใช่บำรุงกิเลส เมื่อไหร่ที่อยากได้ จงตรวจสอบตนเอง เมื่อไหร่ที่โกรธ เกลียด จงตรวจสอบตนเอง เมื่อไหร่ที่คิดเอาแต่ใจ เอาแต่ความรู้สึกของตน จงตรวจสอบตนเอง ความโกรธ ใครบ้างไม่รู้ว่าไม่ดี แต่ใครบ้างที่คิดลด ละ เลิก ด้วยเหตุนี้ คนมีความสุขแท้จึงมีเพียงหยิบมือ คนมีความทุกข์จึงล้นโลก คนรวยก็ทุกข์ คนจน ก็ทุกข์ ใคร ๆ ก็ทุกข์ได้ แต่คนหมดกิเลสไม่มีวันทุกข์ หนทางดับกิเลส กับหนทางแห่งความสุขเป็นเรื่องเดียวกัน เมื่อต้องความสุขแท้ แต่มัวไปหาความสุขเทียมแล้วมันจะพ้นทุกข์ไปได้อย่างไร

2. การขัดเกลากิเลสทำได้ทุกที มิต้องเข้าป่า เข้าวัด เข้าโบสถ์ ขอให้สังเกตใจตนให้ดี ขณะนี้ร้อนหนาวอย่างไร ขณะนี้ใจดี เบิกบาน หรือกำลังใจร้าย อึดอัด เราอยู่กับใจทุกวัน อยู่กับใจทุกที การดูใจ เห็นกิเลสจึงไม่เลือกที่เลือกเวลา โลกนี้มีกิจกรรมมากมาย แต่กิจกรรมที่ประเสริฐ และเป็นประโยชน์ที่สุด ไม่มีสิ่งใดเทียบเท่า การระลึกรู้เท่าทันกิเลสตน

3. ความคิดคือเครื่องนำทาง เป็นสิ่งเปี่ยมพลัง สิ่งที่มีอำนาจเหนือความคิดยังมีอยู่ คือสติ ความคิดคุมชีวิตเรา แต่สติควบคุมความคิดอีกชั้น หากเป็นไปได้ จงเรียนรู้ ฝึกฝน ฝึกเจริญสติให้เชี่ยวชาญ ชำนาญ แล้วชีวิตทุกมิติจะยกระดับขึ้นในคราวเดียว ทำสิ่งใดทั้งปวงในชีวิต เราใช้ตัวของของเราไปทำทั้งนั้น สตินี้เองคือศูนย์กลางแห่งชีวิต จุดไฟแห่งสติไว้กับตัว ชีวิตย่อมสว่างไสว

4. โลก มนุษย์ สรรพสัตว์ล้วนมีความสัมพันธ์โยงใยกัน ลูกเราอิ่มแล้ว ลูกคนอื่นยังหิวอยู่ ก็แบ่งปันให้เขากินบ้าง เราซื้อเสื้อสวย ๆ มาสามตัว ก็แบ่งให้เขาได้สวมใส่ซักหนึ่งตัว ค่าเทอมทั้งปีของเด็กกำพร้าตาดำ ๆ อาจซื้อแว่นตากันแดดอันใหม่ของเราไม่ได้ บำรุงบำเรอตนแต่พอสมควร เปิดตา มองฟ้า ดูโลกกว้าง โลกที่กว้างใหญ่ไปกว่ากะลาของแห่งอัตตาตัวตน มีเพื่อนมนุษย์มากมายกำลังอดยาก ลำบากกาย ชีวิตที่แท้ มิได้ออกแบบให้เราใช้เพื่อกอบโกยทุกอย่าง กินเองบ้าง แบ่งเขาบ้าง ทำเพื่อตนเองบ้าง ทำเพื่อคนอื่นบ้าง ความสมดุลชีวิตเช่นนี้ สิ่งนี้ควรฝึกให้เป็นนิสัย

5. แท้จริงแล้วทุกคนล้วนร่ำรวย บ้างรวยปัญญา บ้างรวยเงินทอง บ้างรวยพละกำลัง ร่ำรวยสิ่งใด จงให้สิ่งนั้น อย่าน้อย รอยยิ้ม กำลังใจ คำว่า อภัย เราให้กันได้ เพราะเป็นของไม่ต้องซื้อหา หัดชื่นชมผู้อื่นให้เป็นนิสัย มิใช่เอาแต่ติติง วิจารณ์ในทางเสียหาย สังคมเป็นอย่างไร มิใช่หน้าที่ของใครคนหนึ่ง เพราะสังคมคือภาพใหญ่ที่เราช่วยกันวาด เราเองก็มีพู่กันเหมือนเช่นคนทั้งโลก

6. เมตตาผู้อื่น เท่ากับเมตตาตนเอง เมตตาคือรักแท้ คือความสุขแท้ จงมีเมตตาแด่ตนเองและเพื่อนมนุษย์

***เนื่องในวาระปีใหม่นี้***

ผมขออวยพรให้ทุกท่านเปี่ยมล้นกำลังใจ กำลังกาย กำลังสติปัญญา นำพาชีวิตของตน ไปสู่หนทางแห่งแสงสว่าง ให้ดอกไม้ในจิตใจของทุกท่าน ได้งอกงาม ส่งกลิ่นสดชื่นไปไกล พรใดในสากลโลกที่ศักดิ์สิทธิ์ พรนั้นจงเกิดแก่ชีวิตทุกท่าน ขอตัวตนของทุกท่านจงกลายเป็นพรอันประเสริฐ 

ขอบคุณสำหรับกำลังใจ และมิตรภาพที่มีให้กันเสมอมา 

สวัสดีปีใหม่ครับ

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0

ความเห็น 3

  • Angle💕🐉⭐️🌈
    เขียนดี แต่ ปฎิบัติ กันได้แค่ไหน เปรียบเสมือน ชอบสวดมนต์ แต่ กิจวัตรประจำวัน ไม่ได้ ทำความดี ไม่เกิดผล
    02 ม.ค. 2563 เวลา 04.49 น.
  • ในการคิดพิจารณาถึงในการดำเนินชีวิตที่ได้ผ่านมาให้อย่างดีแล้ว ก็ย่อมสามารถที่จะทำให้รู้ถึงในสิ่งที่ควรจะแก้ไขหรือว่าปรับปรุ่งเพื่อให้ชีวิตนั้นเป็นไปในทางที่ดีและมีความสุขเกิดขึ้นมาในชีวิตได้อยู่เสมอ.
    02 ม.ค. 2563 เวลา 04.35 น.
  • Tui of Earth
    เป็นบทความที่ดี ชี้ทางให้ผู้ที่กำลังค้นหาบางสิ่งได้เป็นอย่างดี สำหรับคนที่ชีวตดีอยู่แล้วก็คงไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนอะไร แค่เพิ่มอะไรที่ขาดหายไปก็ไม่ยากเย็นอะไร "ขอให้ทั้งปีทุกท่านได้พบแต่สิ่งที่อยากพบ และมีในสิ่งที่อยากมี"
    02 ม.ค. 2563 เวลา 04.15 น.
ดูทั้งหมด