มีหลายวิธีในการชี้วัดความเป็นสุดยอดของยนตรกรรม โดยที่เรื่องของความเร็วสูงสุด หรือ Top speed นั้นก็เป็นตัวชี้วัดอย่างหนึ่งที่ชัดเจนว่ารถคันไหนเจ๋งจริง และ 10 รายชื่อรถที่ถูกนำมารวบรวมในครั้งนี้ พวกมันจัดเป็นรถเวอร์ชั่นโรงงาน (ที่ไม่ได้ผ่านการโมดิฟายใดๆ เป็นพิเศษ) ที่เร็วที่สุดในโลกใบนี้ โดย มีทั้งรถรุ่นที่ผ่านการรับรองสถิติความเร็วอย่างเป็นทางการแล้ว และรถรุ่นที่ทางแบรนด์เคลมความเร็วเอาไว้ แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ ถ้าพร้อมแล้วเรามาดูรายชื่อรถทั้ง 10 คันกันเลย
รุ่นรถ Top speed Hennessey Venom F5 301 mph (484 km/h) (อ้างว่า) SSC Tuatara 300 mph (484 km/h) (อ้างว่า) Koenigsegg Agera RS 278 mph (447 km/h) Hennessey Venom GT 270 mph (435 km/h) Bugatti Veyron Super Sport 268 mph (431 km/h) Bugatti Chiron 261+ mph (420+ km/h) (อ้างว่า) Rimac Concept Two 258 mph (415 km/h) (อ้างว่า) SSC Ultimate Aero 256 mph (412 km/h) Aston Martin Valkyrie 250 mph (402 km/h) (อ้างว่า) Tesla Roadster 250 mph (402 km/h) (อ้างว่า)
Hennessey Venom F5 [[[484 km/h]]]
เมื่อพูดถึงเรื่อง Top speed แบรนด์ซุปเปอร์คาร์อย่าง Hennessey Performance Engineering นั้นมาแรงแซงคู่แข่ง โดยรถรุ่นก่อนหน้าอย่าง Hennessey Venom GT ได้ถูกบันทึกความเร็วสูงสุด (อย่างไม่เป็นทางการ) เอาไว้ที่ 270 mph (434 km/h) กับการวิ่งทดสอบในปี 2014 ทำให้มันขึ้นเป็นจ้าวความเร็วอยู่ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่ใน 3 ปีต่อมา Hennessey ก็ได้ตัดสินใจท้าทายขีดจำกัดของตัวเองอีกครั้ง
โดยการอัพเกรดล่าสุดภายใต้ชื่อรุ่น Hennessey Venom F5 ได้ทำสถิติใหม่เอาไว้ที่ 301 mph (484 km/h) ทำให้มันมีรายชืออยู่ในอันดับหนึ่งของรถที่เร็วที่สุดในโลก ณ เวลานี้ และเพื่อทำความเร็วให้ได้ในระดับนี้ Hennessey ต้องคิดใหม่ทำใหม่ด้วยโครงรถคาร์บอนไฟเบอร์ และเลือกใช้ขุมพลังของเครื่อง Twin-turbo V8 ขนาดความจุ 7.4 ลิตร สร้างม้าได้ถึง 1,600 ตัว และผลลัพธ์ออกมาน่าอัศจรรย์มาก มันสามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 249 mph และลดความเร็วกลับเป็น 0 mph ได้ในระยะเวลาที่น้อยกว่า 30 วินาที โดยที่ Hennessey Venom F5 ยังไม่ได้ยืนยันความเร็วสูงสุดกับ Guinness Book of World Records ดังนั้น รถที่เร็วที่สุดของโลกในเวลานี้ "อย่างเป็นทางการ" ก็ยังคงเป็น Koenigsegg Agera RS
SSC Tuatara[[[484 km/h]]]
Shelby SuperCars (SSC) แบรนด์รถที่สานต่อความสำเร็จจากซุปเปอร์คาร์รุ่นก่อนอย่าง Ultimate Aero ที่ทำความเร็วสูงสุดได้ 256 mph (412 km/h) ในปี 2007 ซึ่งกว่าที่รถรุ่นสานต่อความสำเร็จจาก Ultimate Aero จะเปิดตัวสู่สายตาชาวโลกนั้นก็กินเวลายาวนานหลายปี แต่ในตอนนี้ทาง SSC พร้อมแล้วสำหรับการอวดโฉมรถแรงตัวล่าสุด
SSC Tuatara นั้นตั้งเป้าไว้ที่ความเร็วระดับ 300 mph (484 km/h) และเพื่อให้เป็นไปตามเป้า ซุปเปอร์คาร์รุ่นล่าสุดมาพร้อมกับเครื่องยนต์ Supercharged V8 ขนาดความจุ 5.9 ลิตร ซึ่งเป็นงานออกแบบเครื่องยนต์ของทาง SSC เอง และขุมพลังที่ร้อนแรงดุจดังปีศาจนี้สามารถผลิตม้าได้ถึง 1,750 ตัว ด้วยเชื้อเพลิงแบบ E85 และผลิตม้าได้ 1,350 ตัวด้วยเชื้อเพลิงเบนซิน 91 ขุมพลังทั้งหมดถูกส่งผ่านไปยังล้อหลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด โดยน้ำหนักตัวของ Tuatara นั้นอยู่ที่ 2,750 ปอนด์ (1.247 ตัน) โดยทาง SCC เคลมว่า รถคันนี้อากาศพลศาสตร์ดีกว่ารถของคู่แข่งอย่าง Hennessey Venom F5, Bugatti Chiron และ Koenigsegg Agera โดยมี ค่าสัมประสิทธิ์แรงฉุดของอากาศ (Drag coefficient) ที่ต่ำเพียง 0.27
SSC ทำการผลิต Tuataras เพียงจำนวน 100 คันที่โรงงานในเมือง West Richland รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา โดยคาดว่าจะมีการจัดส่งรถให้ลูกค้าในปี 2019
Koenigsegg Agera RS [[[447 km/h]]]
Koenigsegg Agera RS เป็นรถที่เร็วที่สุดในโลก "อย่างเป็นทางการ" แล้วทำไมรายชื่อของมันถึงอยู่ในอันดับ 3 ของการจัดลำดับในครั้งนี้หล่ะ?
เมื่อมองในมุมของตารางสเปค Hennessey Venom F5 ดูเหมือนว่าจะน่าประทับใจกว่า เพราะมีการเคลม Top speed เอาไว้ที่ 301 mph (484 km/h) เอาชนะสเปคของรถทุกๆ คันในตลาด แต่ Hennessey ยังไม่ได้ทำการทดสอบเพื่อยืนยันว่าทำได้ตามตัวเลขที่คุยไว้หรือไม่ แต่ Koenigsegg Agera RS ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่าทำ Top speed ได้สูงถึง 278 mph (447 km/h) ทำให้ Agera RS เป็นจ้าวความเร็วในโลกแห่งความจริง (ไม่ได้แรงแค่ในตารางสเปค)
เพื่อทำการทดสอบความเร็วของรถคันนี้ ทาง Koenigsegg ได้ร้องขอให้หน่วยงาน Nevada Department of Transportation ของสหรัฐอเมริกา ทำการปิดถนนเป็นระยะทางตรงยาว 11 ไมล์ (17.7 กม.) เพื่อวัดพลังกล้ามเนื้อของซุปเปอร์คาร์สัญชาติสวีเดน 1,160 แรงม้าคันนี้ มันทำ Top speed ได้ 284.55 mph (457.9 km/h) ในการวิ่งครั้งแรก และ 271.19 mph (436.4 km/h) ในการวิ่งครั้งที่สอง ทำให้ได้ความเร็วเฉลี่ยที่ 278 mph (447 km/h) ในที่สุด
Hennessey Venom GT [[[435 km/h]]]
Hennessey Venom GT ผ่านการทดสอบความเร็วที่ 270.4 mph (435 km/h) กับการลงวิ่งที่ศูนย์อวกาศเคนเนดีในปี 2014 แต่เป็นการทดสอบวิ่งจับความเร็วในทิศทางเดียว ซึ่งถือว่าเป็นขั้นตอนการทดสอบความเร็วที่ไม่ครบถ้วน เนื่องจากการทดสอบความเร็วตามมาตรฐานนั้นต้องจับความเร็วทั้งในขาวิ่งไปและวิ่งกลับ แล้วมาหาค่าเฉลี่ยความเร็วเพื่อชดเชยผลกระทบที่เกิดจากสภาพลม
และด้วยความที่ Venom GT นั้นมีขั้นตอนในไลน์การผลิตที่ใช้แรงงานและฝีมือมนุษย์ค่อนข้างมาก ทำให้มีข้อถกเถียงว่า Venom GT นั้นควรจัดประเภทให้เป็น "รถโรงงาน" หรือ Production car หรือไม่ แต่เมื่อมองในเรื่องของ Top speed แล้ว ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นรถที่มหัศจรรย์ แต่อย่างไรก็ดี รถของ Hennessey นั้นไม่ได้ผ่านการรับรองความเร็วโดย Guinness Book of World Records
Bugatti Veyron Super Sport [[[431 km/h]]]
Volkswagen เข้าซื้อกิจการของแบรนด์ซุปเปอร์คาร์ Bugatti ด้วยเป้าเหมาเพียงอย่างเดียว คือการสร้าง "รถโรงงานที่เร็วที่สุดในโลก" โดยรถรุ่น Bugatti Veyron ทำสำเร็จตามเป้า ด้วยราคาที่สูงลิบถึง 1.7 ล้านดอลลาร์ (55.3 ล้านบาท) ด้วยเครื่องยนต์ Quad-turbocharged W16 ผลิตม้าได้ 1,000 ตัว ทำให้มันเป็นซุปเปอร์คาร์เวอร์ชั่นรถโรงงานในระดับสุดยอด
แต่ Bugatti Veyron ก็โดนรถรุ่น SSC Ultimate Aero แย่งชิงตำแหน่งไปในที่สุด ทำให้ทางแบรนด์ต้องกอบกู้ชื่อเสียงด้วยรถในเวอร์ชั่น Veyron Super Sport อัพเกรดเพิ่มพลังให้มีม้า 1,200 ตัว พร้อมทั้งมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของอากาศพลศาสตร์ ทำให้เพิ่ม Top speed ไปได้อีกไม่น้อย
ด้วยความเร็วสูงสุด 268 mph (431 km/h) จากการวิ่งในสนามทดสอบของทาง Volkswagen ที่อยู่ในเมือง Ehra-Lessein ประเทศเยอรมนี ทำให้เมื่อครั้งหนึ่ง Veyron Super Sport เคยได้รับการบันทึกจาก Guinness Book of World Records ว่าเป็นรถโรงงานที่เร็วเป็นอันดับสองของโลก โดยมีข้อมูลที่น่าสนใจคือรถรุ่น Veyron Grand Sport Vitesse เป็นรถรุ่นเปิดประทุนที่ทำความเร็วได้สูงที่สุดในโลกที่ 254 mph (409 km/h)
Bugatti Chiron [[[420+ km/h]]]
Bugatti Veyron เป็นความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ของโลกวิศวกรรมยานยนต์ ซุปเปอร์คาร์ที่มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมมากจนคุณ James May ผู้จัดรายการ Top Gear เปรียบเทียบมันกับเครื่องบินคองคอร์ด และในตอนนี้ Chiron ก็ได้รับคบเพลิงต่อจาก Veyron แล้ว
ชื่อรุ่นของรถนั้นได้แรงบันดาลใจมาจากนักแข่งรถชาวฝรั่งเศสที่มีนามว่า Louis Chiron โดยซุปเปอร์คาร์คันล่าสุดของ Bugatti นั้นได้รับการพัฒนาจาก Veyron ในทุกๆ ด้าน มันทำความเร็วได้ถึง 261 mph (420 km/h) โดยการเซ็ตอัพรถในแบบที่สามารถวิ่งบนท้องถนนได้อย่างถูกกฎหมาย โดยรถที่ผลิตม้าได้สูงถึง 1,500 ตัว ทำให้ Chiron เปรียบเหมือนสัตว์ร้ายที่ถูกล่ามโซ่ไว้ แต่เมื่ออยู่ในสนามแข่ง Bugatti มีเป้าที่จะทลายโซ่ทิ้ง และในตอนนี้ Top speed ที่แท้จริงของ Chiron เวอร์ชั่นสนามแข่งนั้นยังไม่เปิดเผย ถึงแม้รถค้นถูกสร้างขึ้นในสไตล์ของรถแข่ง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องขับโดยนักแข่งรถมืออาชีพแต่งอย่างใด เพราะมันได้ถูกออกแบบให้ฉลาดพอที่จะปรับแต่งกลไกของรถให้เหมาะกับความเร็วของรถที่เพิ่มขึ้น หรือลดลงโดยอัตโนมัติ เพื่อให้ได้สมรรถนะในการขับขี่สูงสุด
และมีน้อยคนที่จะได้ครอบครอง Bugatti Chiron เพราะทางแบรนด์ได้ปิดไลน์การผลิตเมื่อผลิตรถครบจำนวน 500 คัน และแต่ละคันนั้นมีราคาเหยียบ 3 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 97 ล้านบาท)
Rimac Concept Two [[[415 km/h]]]
ในปี 2016 แบรนด์รถสัญชาติโครเอเชีย Rimac Automobili เรียกร้องความสนใจจากชาวโลกด้วย Concept One ซุปเปอร์คาร์พลังงานไฟฟ้า และในงาน Geneva Motor Show ปี 2018 ทางบริษัทได้เปิดตัวรถที่เร็วกว่าเก่าในชื่อรุ่น Concept Two
และทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับ Concept Two นั้นดูเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ โดยทาง Rimac เคลมว่ามอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัวสามารถสร้างพลังได้สูงถึง 1,914 แรงม้า และให้แรงบิดสูงสุดที่ 1,696 ปอนด์-ฟุต และสามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 km/h ในเวลาเพียง 1.85 วินาที ทำให้มันเป็นรถที่อัตราเร่งดีที่สุดในโลก โดย Top speed เคลมเอาไว้ที่ 258 mph (415 km/h) และเลือกใช้แบตเตอรี่ขนาด 120-kilowatt-hour ที่ให้ระยะวิ่ง 404 ไมล์ (650 กม.) ตามมาตรฐานการทดสอบแบบล่าสุดของ European Driving Cycle
และจะไม่มีใครสามารถพิสูจน์คำกล่าวอ้างของ Rimac ได้จนกว่าจะถึงปี 2020 โดยทางแบรนด์มีแผนจะผลิตรถในจำนวนจำกัดเพียง 150 คัน สำหรับตลาดทั่วโลก และราคาค่าตัวคาดว่าน่าจะเกิน 1 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 32.5 ล้านบาท) โดยล่าสุด Rimac ได้รับเงินลงทุนจาก Porsche ก็มีความเป็นไปได้ที่ทางแบรนด์อาจจะผลิตรถที่ราคาจับต้องได้ง่ายกว่านี้ในอนาคต
SSC Ultimate Aero [[[412 km/h]]]
SSC Ultimate Aero เคยครองตำแหน่งรถโรงงานที่เร็วที่สุดในโลก โดยมันทำสถิติความเร็วไว้ที่ 256 mph (412 km/h) ในปี 2007 เฉือนเอาชนะ Bugatti Veyron ในเวอร์ชั่นที่ไม่ใช่ Super Sport ไปได้
และเพื่อที่จะทำ Top speed ให้สูงได้ในระดับนั้น มันเลือกใช้ขุมพลังจากเครื่อง Twin-turbocharged V8 ขนาด 6.3 ลิตร สร้างม้าได้ถึง 1,287 ตัว โดยที่ไม่มีระบบอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะใดๆ ที่ช่วยเหลือนักขับให้ควบคุมรถคันนี้ได้ง่ายขึ้น ทำให้ค่อนข้างจะเป็นรถที่ขับได้ยากสำหรับนักขับที่ไม่มีประสบการณ์
Aston Martin Valkyrie [[[402 km/h]]]
Aston Martin จับมือกับ Red Bull Racing เพื่อสร้าง Valkyrie ซุปเปอร์ที่นำเทคโนโลยีของรถสูตร 1 มาใช้งานอย่างเต็มที่ โดยรายละเอียดของตัวรถเวอร์ชั่นสมบูรณ์ยังไม่ถูกเปิดเผยออกมาในเวลานี้ รายละเอียดคร่าวๆ ที่พอรู้คือมันใช้เครื่องยนต์ V12 ขนาด 6.5 ลิตร วางกลางตัวเครื่อง โดยมีการปรับแต่งให้สร้างม้าได้ 900 ตัว ซึ่งเป็นสเปคที่น่าประทับใจเลยทีเดียว แต่ความโดดเด่นที่แท้จริงของรถคันนี้อยู่ที่ เครื่องยนต์ V12 นั้นเป็นส่วนหนึ่งของขุมพลังแบบ Hybrid ที่มีระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเข้ามาเกี่ยวด้วย โดย Aston Martin คาดการณ์ว่า Valkyrie จะมีขุมพลังรวมสูงถึง 1,130 แรงม้า เพียงพอที่จะทำ Top speed ได้ถึง 402 km/h เราก็ต้องมาลุ้นกันว่า ตัวจริงเสียงจริงของ Aston Martin Valkyrie จะทำได้อย่างที่คาดหรือไม่
Tesla Roadster [[[402 km/h]]]
เจนเนอร์เรชั่นที่สองของ Tesla Roadster รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้านั้นมีตารางสเปคที่น่าสนใจนมากๆ เมื่อเทียบกับรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นอื่นๆ โดยเร่งความเร็วจาก 0-100 km/h ในเวลาเพียง 1.9 วินาที และจาก 0-100 mph ในเวลา 4.2 วินาที และเคลมว่า Top speed สูงถึง 402 km/h โดยที่ยังไม่มีการยืนยันเรื่องสถิติความเร็วแต่อย่างใด ความพิเศษคือแบตเตอรี่มีความสามารถในการจ่ายพลังงานสูงถึง 200kWh ทำให้เป็นกุญแจหลักที่ผลักดันไปสู่ศักยภาพใหม่ของรถพลังงานไฟฟ้า โดยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่สุดที่สามารถเลือกได้ในรถรุ่นอื่นอย่าง Model S หรือ Model X ก็มีขนาดเพียงครึ่งเดียวของ Tesla Roadster
นอกจากเรื่องอัตราเร่งและความเร็วที่น่าเหลือเชื่อแล้ว Elon Musk เคลมว่า สามารถวิ่งได้ไกลถึง 620 ไมล์ (1,000 กม.) ต่อรอบการชาร์จเลยทีเดียว และเราต้องรอดูกันว่า Tesla จะทำได้จริงหรือไม่เมื่อมีการผลิตออกมา
