โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

1 เดือน 5 ประเทศในทวีปแอฟริกา การผจญภัยลุยเดี่ยวของนักเดินทางสาวไทยคนนี้!

LINE TODAY

เผยแพร่ 30 ม.ค. 2562 เวลา 07.13 น.

เรื่องโดย @mint.nisara

ท่วงท่าที่เรียบร้อย กับการแต่งตัวสายมูจิของเธอคนนี้ น่าจะทำให้หลาย ๆ คนเดาค่อนข้างยากว่าจริง ๆ แล้ว ภายใต้ลุคของกราฟิกดีไซเนอร์อิสระทั่ว ๆ ไป เธอคือนักผจญภัยตัวฉกาจและนักเดินทางสายลุยเดี่ยว 

เราได้อ่านบันทึกการเดินทางของพริมผ่านบล็อกของเธอและนั่นคือจุดเริ่มต้นของนัดหมายวันนี้ที่ LINE TODAY ขอเชิญเธอมานั่งพูดคุยแบบยาว ๆ เพราะเราอยากรู้เรื่องของเธอว่าการตะลุยเดี่ยวเที่ยวแอฟริกามา 1 เดือนมันเข้มข้นซะขนาดไหน!

พริม - ภัณฑิรา โกมลกิตเจ้าของเพจ Primintheair

ภาพจากเพจ Primintheair
ภาพจากเพจ Primintheair

ทำไมถึงต้องเป็น “แอฟริกา”

ถ้าถามใครต่อใคร จุดหมายของการท่องเที่ยวแรก ๆ ที่ทุกคนนึกถึงคือประเทศอะไรก็ได้ แต่ไม่ใช่ในทวีปแอฟริกาแน่นอน สำหรับพริมแล้วกลับไม่ใช่ เพราะแอฟริกาคือ dream destination ที่เธอตั้งใจไปเลย 

“เราอยากไปแอฟริกามาหลายรอบมากตั้งแต่เรียนจบ และทุกทีที่ดูทริปไปแอฟริกาจะรู้สึกว่ามันแพงมาก ไปทัวร์อาทิตย์นึงก็แสนกว่า ๆ ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน พอเสิร์ชดูห้องโรงแรมก็แพง ราคา 3,000 บาทต่อคืน แต่ได้ห้องเหมือนเป็นค่ายลูกเสือ แทบจะเอาเตียงไปตั้งอยู่กลางดินเลย ถ้าโรงแรมสวย ๆ หน่อยก็จะแพงกว่านั้น ทุกอย่างแพงหมดเลย ค่าเที่ยวก็แพง ทุกครั้งเราเลยไปจบที่ยุโรปตลอด เพราะไปเที่ยวฝั่งนั้นในราคาหลักหมื่นได้สบาย ๆ 

แต่มีอยู่วันนึงไปเจอตั๋วถูกพอดี ประมาณ 16,000 บาท ไปกลับ ก็เลยอยากไป แล้วก็มีเพื่อนอีกคนที่สนใจอยากไปด้วย ไปกันสองคนก็น่าจะโอเค คุยไปคุยมาสักพัก เพื่อนก็ต้องถอนตัวเพราะได้งานที่ฟิลิปปินส์พอดี เราก็คิดอีกครั้งว่าจะไปดีมั้ย เพราะเอาจริงว่าแอฟริกาก็ดูน่ากลัวสำหรับการไปคนเดียวอยู่ มันไม่เหมือนญี่ปุ่นหรือเกาหลีที่คนก็หน้าตาเอเชียคล้ายกัน วัฒนธรรมใกล้กัน ที่เราสามารถทำตัวกลมกลืนไปได้แล้วรอด แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าไปก็ไป! เพราะใจเราเองก็อยากไปมานานมากแล้ว เลยซื้อตั๋วแล้วก็แพลนทริปเลย”

ภาพจากเพจ Primintheair
ภาพจากเพจ Primintheair

จากที่ตั้งใจจะไปแค่ 2 อาทิตย์ กลายเป็นทริปลุยเดี่ยว 1 เดือน

“ไม่คิดจะชวนเพื่อนคนอื่นไปด้วยหรอ” เราถามพริม “เราก็อยากนะ แต่แอฟริกามันไม่เหมือนชวนเพื่อนไปหัวหินอะ มันดิบ มันต้องใช้เวลามาก ๆ ถ้าเพื่อนเป็นฟรีแลนซ์แล้วทำงานจากคอมก็ไม่รู้ว่าที่นั่นจะมีอินเตอร์เนทให้ใช้รึเปล่า” พริมตอบซึ่งเราก็เห็นด้วย และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้เธอตัดสินใจลุยเดี่ยว “ตอนแรกดูพวกเคนย่า แทนซาเนีย เพราะอยากเห็นสัตว์เยอะ ๆ และคิดว่าไปแล้วยังไงก็ต้องได้เจอ เห็นเพื่อนไปแล้วถ่ายรูปช้างแบบใกล้รถมาก ๆ เราก็ถามว่าต้องถ่ายยังไง ใช้เลนส์อะไรถ่าย เค้าบอกแค่ว่าใช้มือถือธรรมดานี่ล่ะ เราก็โอเค แพลนเอาไว้ แต่พอดูไปดูมา ที่นามิเบียก็มีทะเลทรายน่าสนใจ มีน้ำตกที่ซิมบับเวด้วย มีที่เที่ยวอีกเยอะมาก ๆ ซึ่งแค่ 2 อาทิตย์ไม่พอแน่ ๆ เราก็เลยขยายทริปเป็น 1 เดือนในงบที่เท่าเดิม เลยต้องไปแบบประหยัด ๆ”

ภาพจากเพจ Primintheair
ภาพจากเพจ Primintheair

แค่เริ่มต้นก็อยากยอมแพ้แล้ว

“กลัวเหมือนกันนะ เหมือนเวลาไปที่อื่นที่มันง่าย ๆ เราก็จะไม่ต้องเตรียมตัวอะไรเยอะ เพราะรู้อยู่แล้วว่าจะเจออะไรบ้าง หรือว่าถ้าไม่รอดก็ไปหาซื้อของหรือหาตัวช่วยที่นั่นก็ได้ พออันนี้ที่เราแทบไม่รู้อะไรเลย มันเลยกลัวไปหมด” พริมเล่าถึงตอนเริ่มต้นการเดินทางตั้งแต่ที่สนามบินว่าเธออยากยอมแพ้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว “เราร้องไห้เลยอะ ร้องแบบไม่อายใครแล้วเพราะกลัวมาก ไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องไปเจอกับอะไรบ้างและก็ไม่แน่ใจว่าเราจะจัดการกับมันได้ด้วยรึเปล่า เป็นครั้งแรกที่เดินไปสุดสนามบิน ทั้งแถวมีแต่คนแอฟริกันบ้านเค้า ตัวใหญ่ ๆ แล้วเราเป็นคนเดียวที่ยืนตัวซีด ๆ อยู่ แล้วก็มีผู้หญิงผิวสีเดินเข้ามาขอฝากของโหลดเข้ากระเป๋าไปด้วย เราก็คิดไปทันทีเลยว่ามันต้องมียาเสพติดหรือเรื่องอะไรอย่างนี้แน่เลย ตอนนั้นก็ตกใจมาก แบบแค่เริ่มต้นก็รู้สึกไม่ปลอดภัยแล้ว แต่โชคดีที่มีพ่อกับแม่ไปส่งแล้วก็ให้กำลังใจว่า เฮ้ย ทำได้อยู่แล้ว เราก็เลยโอเค ไปก็ไป พอขึ้นเครื่องมาเจอคนจีนเต็มไปหมด รู้สึกอุ่นใจมากตอนที่โดนแซงเข้าห้องน้ำไปเพราะนี่เป็นกิจกรรมที่คุ้นเคย”

ลุยเดี่ยว 5 ประเทศกับกิจกรรมบู๊ที่สุดใน 1 เดือน

พริมใช้เวลาเตรียมตัวสำหรับทริปนี้แค่ประมาณ 1 เดือน ซึ่งเธอบอกว่าข้อมูลในภาษาไทยหาอ่านค่อนข้างยากเพราะคนไทยยังไม่ค่อยนิยมไปกัน ต้องเสิร์ชหาจากเว็บไซต์ต่างประเทศ ระหว่างที่วิ่งวุ่นกับการเตรียมเอกสาร ฉีดวัคซีน เธอก็ได้แพลนการเดินทางออกมาเป็น 5 ประเทศภายใน 1 เดือนข้างหน้า เริ่มต้นจากซิมบับเว แซมเบีย บอตสวานา นามิเบีย และไปจบที่แอฟริกาใต้

ภาพจากเพจ Primintheair<b> </b>
ภาพจากเพจ Primintheair 

ซิมบับเว – “เราไปประเทศนี้เพื่อน้ำตก Victoria Falls เลย ซึ่งทุกคนที่มาที่นี่ก็มาเพื่อน้ำตกนี่ กิจกรรมอย่างอื่นก็มีให้เลือกเยอะมาก ๆ เช่นกัน มีอุทยานนู่นนี่นั่น แต่สิ่งที่แปลกใจพอไปถึงก็คือมีแต่นักท่องเที่ยวฝรั่งอยู่เต็มเมืองไปหมดจนเราตกใจว่าเราไปอยู่ไหนมา”

ภาพจากเพจ Primintheair
ภาพจากเพจ Primintheair

แซมเบีย – “ชายแดนของแซมเบียติดกับซิมบับเวเลย ปกติเค้าจะต้องเช่ารถกัน แต่ว่าแท็กซี่แพงมากกกก ประมาณ 5 นาที 30 ดอลลาร์ เราว่าแพงเกินและมันควรจะเดินได้ ก็เลยเดินจาก Victoria Falls ฝั่งที่อยู่ในซิมบับเวข้ามไปส่วนที่อยู่ในพรมแดนของแซมเบีย ดูในแผนที่มันบอกว่าประมาณกิโลสองกิโล แต่เอาเข้าจริงก็ใช้เป็นชั่วโมงเลย ส่วนไฮไลท์ของมันก็คือแอ่งน้ำที่สูงที่สุดในโลก มองลงมาเห็นน้ำตกและวิวของทั้งเมือง เราเลยเดินไปเล่นน้ำแล้วเดินกลับ”

ภาพจากเพจ Primintheair
ภาพจากเพจ Primintheair

บอตสวานา – “ที่นี่มีพื้นที่ชุ่มน้ำที่เวลาเข้าไปอะ เค้าจะมีทางเข้าแบบหรูกับแบบบู๊ ถ้าเกิดใครอยากหรูหน่อยก็จะบินเข้าไปลงในตัวอุทยานเลย ทริปทุกอย่างเลยจะแพง แต่สำหรับคนที่มีงบจำกัดอย่างเราก็ต้องนั่งเรือพายเข้าไป 2 ชั่วโมง จริง ๆ แล้วน้ำมันลึกแค่เข่านะ แต่มันเป็นน้ำทั้งทุ่งเลย เราเลยต้องนั่งเรือเข้าไปยังที่แคมป์ ส่วนการดูสัตว์ที่นี่จะต้องเดินเข้าป่าไปหรือระหว่างที่นั่งเรือเข้าไปในทุ่งก็จะมีพวกฮิปโปกับสัตว์อื่น ๆ อยู่ด้วย”

ภาพจากเพจ Primintheair
ภาพจากเพจ Primintheair

นามิเบีย – “ส่วนใหญ่ที่นี่เป็นทะเลทราย สัตว์จะอยู่ในตัวอุทยานซึ่งถ้าเรานั่งรถเข้าไปก็แทบจะมาล้อมรถเราเลย ซึ่งที่นี่เจ๋งมาก ๆ เพราะสัตว์ทุกตัววิ่งอยู่รอบตัวเราเลย”

ภาพจากเพจ Primintheair
ภาพจากเพจ Primintheair

แอฟริกาใต้ – “แพลนของเราที่นี่คือการไปดำน้ำในกรงกับฉลามขาว อยู่ห่าง Cape Town ไปประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง แต่วันที่ไปดันไม่มีฉลามขาว เค้าบอกว่าช่วงหลัง ๆ ภูมิอากาศมันเปลี่ยนจนเค้าก็คาดเดาอะไรไม่ได้เหมือนกัน เลยได้คูปองจากไกด์ที่เอากลับมาใช้ใหม่ได้ภายใน 2 ปี”

ภาพจากเพจ Primintheair
ภาพจากเพจ Primintheair

สองสิ่งที่ลำบากที่สุดคือห้องน้ำและการกางเต๊นท์

“ห้องน้ำเนี่ย คือมันไม่ได้มีให้ตลอด บางทีก็ต้องในทุ่งบ้าง ในพุ่มบ้าง โดยเฉพาะเวลาที่อยู่ในเขตอันตราย มีสัตว์ป่าอยู่ใกล้ ๆ ไกด์เค้าก็จะบอกว่าให้ทำธุระได้แค่หลังเต๊นท์เท่านั้น มองไปบางทีก็มีอึสัตว์ เราก็เลยคิดว่ามันก็คงเหมือน ๆ กันล่ะวะ ตอนแรก ๆ อายนะ พยายามจะหาใบไม้มาปิด กลัวคนอื่นมาเห็น บางวันเราก็เดินเข้าไปหาที่ทำธุระในพุ่มไม้ลึก ๆ ที่ไกลคนหน่อย ปรากฏว่าโดนหนามเกี่ยว เลือดไหลเลยอะ โดนดึงหัวทั้ง ๆ ที่จะไปแค่เข้าห้องน้ำเอง หลัง ๆ ก็เริ่มชินละ ในที่กว้าง ๆ ก็ได้ ไม่ค่อยคิดอะไรมากแล้วก็ทำเนียน ๆ ไป”

ส่วนเรื่องการกางเต็นท์ มันไม่ใช่เต็นท์ผ้าร่มสำเร็จรูปแบบที่คนนิยมใช้กัน พริมเล่าให้ฟังว่าเต็นท์ที่เป็น ‘บ้าน’ ของเธอระหว่างการเดินทางในครั้งนี้คือเหล็กท่อนที่ต้องประกอบเองทุกคืน “เราเช่าเต็นท์รวมกับแพ็คเกจรถทัวร์เลย แต่เต็นท์ที่ได้มามันมาเป็นแบบท่อนเหล็กที่แบกคนเดียวยังไม่ไหวเลย เราเลือดออกทุกวันเลยเพราะต้องกางเต็นท์ มันใหญ่มากขนาดนอนได้ 3-4 คนเลยแต่เราพักคนเดียวไง เลยต้องเก็บ ต้องกาง ต้องเก็บ ต้องกางแบบนี้ทุกวัน”

ภาพจากเพจ Primintheair
ภาพจากเพจ Primintheair

สิ่งที่คิด vs. สิ่งที่เจอ

“เหมือนเราเรียนมาว่าถ้าเป็นแอฟริกามันต้องร้อน มันต้องกันดาร มันดูไม่เจริญ แต่ความจริงคือเค้าอาจจะแค่ไปถ่ายเจาะชนเผ่านึงแล้วเราก็คิดไปว่าทั้งประเทศต้องเป็นอย่างนั้น” การเดินทางในครั้งนี้ทำให้พริมรู้จักกับแอฟริกามากขึ้นและหลายอย่างก็เซอร์ไพรส์เธอมาก

ภาพจากเพจ Primintheair
ภาพจากเพจ Primintheair

- อากาศ พริมบอกว่าอากาศที่นั่นร้อนน้อยกว่าประเทศไทยซะอีก แถมมีบางตอนที่ต้องค้างในทะเลทราย อุณหภูมิช่วงกลางคืนก็ตกลงไปถึง 0 องศาก็มี “หนาวมากกก เราก็ไม่ได้เตรียมแจ็คเก็ตอะไรไปมาก เอาไปแค่ตัวเดียว กะว่าซาฟารีสุด ปรากฏว่าหนาวมาก เลยเอาชุดว่ายน้ำมาใส่ข้างในให้มันอุ่น ๆ ตอนนั้นคือหาอะไรที่แนบตัวใส่ได้ก็ใส่เลย แต่พอระหว่างวันเดิน ๆ ไปก็ร้อนใหม่ เลยต้องหาที่ถอดออก แถมห้องน้ำในนามิเบียก็เป็นอะไรไม่รู้ ชอบถอดกลอนประตูออก เราเลยต้องเอาเชือกผูกเอวของกางเกงยางยืดที่ใส่ไป เอาไปล่ามกลอนประตูแทน”

- ภาษา “เราเพิ่งรู้ว่าคนยุโรปไปเที่ยวหนักมาก จนมีป้ายบอกทางเป็นภาษาเยอรมันแปะอยู่เลย หลายที่คนก็พูดภาษาเยอรมันเป็นเพราะเคยเป็นเมืองขึ้น และการที่นักท่องเที่ยวไปเที่ยวเยอะ ๆ ก็ทำให้เมืองที่เราไปพวกนี้เจริญขึ้นด้วย จากตอนแรกที่เราเคยคิดว่าบ้านเมืองเค้ากันดาร กลับกลายเป็นว่าไม่เลย เที่ยวต่างจังหวัดบ้านเรา บางทียังต้องเตรียมตัวมากกว่าเลย แถมทุกคนพูดภาษาอังกฤษกันเก่งมากด้วย”

- ความเฟรนด์ลี่ “คนที่นั่นชอบทักทายมาก ๆ ตอนที่เราไปเที่ยวน้ำตกที่แซมเบียก็เดินผ่านผู้ชายคนนึง ขาไปก็ทักแล้วรอบนึง ขากลับเค้าก็ยังนั่งอยู่ที่เดิมแล้วก็ทักอีกแบบ ‘อ้าว เป็นยังไง สนุกมั้ย’ หรืออย่างเด็ก ๆ ที่นั่งอยู่บนรถบัส เวลารถแล่นผ่านเค้าก็พยายามจะโบกมือบ๊ายบาย ถ้าเราไม่บ๊ายบายกลับ คือรถไปไกลมากแล้วนะแต่เด็กก็ยังยื่นตัวออกมานอกรถเพื่อจะรอให้เราโบกมือกลับ เค้าก็พอใจแล้ว คนน่ารักมาก ๆ”

ภาพจากเพจ Primintheair
ภาพจากเพจ Primintheair

สิ่งที่แลกมากับชีวิตดิบ ๆ คือความมหัศจรรย์ของธรรมชาติและการ ‘เลเวลอัพ’ ตัวเอง

“เราเห็นยีราฟอยู่หลังพุ่มไม้ หรืออย่างเวลาขับรถย้ายเมือง เราก็จะเจอสัตว์ออกมาตลอดเวลา ช้างออกมา ยีราฟออกมา เหมือนที่ขับรถไปเที่ยวต่างจังหวัดบ้านเราแล้วเจอวัวหรือหมาสักตัว ที่นี่เป็นอย่างนั้นเลยแต่แค่รอบตัวเราคือสัตว์ป่า มันเหมือนว่าเราเดินเข้าไปในที่ของพวกมันจริง ๆ ซึ่งก็ไม่คิดว่าโลกแบบนี้มันมีอยู่จริง”

นอกจากธรรมชาติ สัตว์ป่า วิวสวย ๆ ที่ทำให้เธอได้ภาพหายากกลับมาเป็นที่ระลึกแล้ว พริมบอกว่า 1 เดือนในแอฟริกาคือโรงเรียนดัดนิสัยเลย “คือบางทีที่เราชอบเดินทางยาว ๆ เพราะมันช่วยเปลี่ยนตัวเองด้วย เราอยากเป็นคนใหม่ การเที่ยวมันทำให้เราปล่อยวางมากขึ้นนะ จากแต่ก่อนที่ละเอียดมาก ๆ พอไปก็รู้สีกว่าตัวเองชิลขึ้น แบบปล่อยไปบ้างก็ดี หรือบางทีเราก็อยากเข้มแข็ง อย่างความคิดที่จะดำน้ำกับฉลามขาว เรากลัวมาก ๆ เลยนะ แค่ดูจากรูปก็ตื่นเต้นแล้ว แต่พอไปถึงตรงนั้นจริง ๆ เราก็รู้สึกว่าเอาชนะความกลัวได้ เราก็ทำได้แล้วหนิ” 

ก่อนจะครบ 1 ชั่วโมงของการเม้าธ์แบบยิงยาวกับพริม เราถามเธอว่าเคล็ดลับในการออมเงินไปเที่ยวของเธอคืออะไร พริมแนะนำให้จัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่ตัวเองชอบรวมไปถึงประเทศที่อยากจะเดินทางไป  "อย่างเราจะพยายามเก็บทริปเล็ก ๆ เอาไว้ในแพลนก่อน เพราะอยากไปเที่ยวทริปใหญ่ ๆ เลยทีเดียว หรือแบบเราที่ชอบเที่ยว เงินที่จะเอาไปช็อปหรือทำอะไรอย่างอื่นก็จะแทบไม่ได้ใช้เลย เก็บเอาส่วนนั้นมาเที่ยวดีกว่า ยังไง ๆ เราว่าถ้าอยากไปเที่ยวจริง ๆ มันไปได้อยู่แล้วแหละ แค่ไปตามงบและเวลาที่เรามี และตามสไตล์ของเราเท่านั้นเอง” เราถามคำถามสุดท้ายว่าถ้ามีโอกาส จะกลับไปอีกไหม ที่แอฟริกา เธอบอกว่า..

“ไปสิ แต่คราวหน้า ขอไม่กางเต๊นท์แล้วนะ”

ติดตามการผจญภัยของพริมได้ที่เพจ Primintheair และอินสตาแกรม @primintheair

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0