อย่างที่รู้กันว่าหลายเมืองในแถบสเปนใต้ได้รับอิทธิพลด้านต่างๆ จากชาวมัวร์ สถาปัตยกรรมและศิลปะในเมืองจึงออกไปทางลูกผสมฝรั่งแขกที่สวยงามแปลกตากว่าโซนใดของยุโรป
ถ้าอยากชมสิ่งก่อสร้างยิ่งใหญ่อลังการที่มีทั้งเก่าแก่และล้ำสมัย ชื่นใจบรรยากาศสนุกรื่นเริงแบบละติน อินประเพณีวัฒนธรรมสู้วัวของท้องถิ่น คิดว่า Seville (เซวิลล์) คือคำตอบอย่างแน่นอน
Seville หรือ Sevilla (เซบีญา) ในภาษาสแปนิช คือเมืองหลวงของแคว้นปกครองตนเอง Andalusia ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ Guadalquivir ทางตะวันตกเฉียงใต้ของสเปน โดยมีประชากรทั้งหมดประมาณ 1.5 ล้านคน ซึ่งถือเป็นเมืองใหญ่อันดับ 4 ของประเทศ
เมืองเก่าแก่ที่มีกลิ่นอายแบบแขกมัวร์ผสมกับยุโรปแห่งนี้ผ่านร้อนผ่านหนาวมายาวนานกว่า 2,200 ปี โดยชาวโรมันเป็นผู้เริ่มก่อตั้งเมือง ก่อนที่ต่อมาจะถูกแขกมัวร์จากแอฟริกาเหนือเข้ายึดครองยาวนานร่วม 800 ปี จนพัฒนากลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการค้าสำคัญในคาบสมุทรไอบีเรีย
ด้วยเขตเมืองที่มีขนาดใหญ่ ทำให้การเที่ยวในเมืองต้องใช้การเดินสลับกับรถสาธารณะที่มีทั้งรถเมล์ รถราง และรถไฟใต้ดิน สถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ส่วนมากอยู่ในเขตเมืองเก่ามรดกโลกขององค์การ UNESCO ที่กินอาณาเขตถึง 4 ตารางกิโลเมตร โดยมีจุดเช็คอินห้ามพลาด อาทิ
- Plaza de España (Spain Square) จัตุรัสขนาดมหึมาที่ได้ชื่อว่าสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป สร้างขึ้นเมื่อปี 1928 สำหรับจัดงานแฟร์ระดับโลกอย่าง Ibero-American Exposition of 1929 โดยมีลักษณะเป็นอาคารสไตล์ Renaissance Revival งดงามอลังการเป็นรูปโค้งครึ่งวงกลม
- Palacio de San Telmo (Palace of San Telmo) คฤหาสน์งดงามที่สร้างมาตั้งแต่ปี 1682 นอกแนวกำแพงเมืองเพื่อใช้เป็นโรงเรียนสอนเด็กกำพร้าของเหล่าทหารเรือ ปัจจุบันกลายเป็นที่ทำการรัฐบาลของแคว้น Andalusia
- Plaza de Toros de la Real Maestranza de Caballería de Sevilla สนามกีฬาสู้วัวกระทิงที่เก่าแก่ที่สุดในสเปนสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1761 มีอายุกว่า 260 ปี ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้เข้าชมด้านในได้
- Catedral de Sevilla (Seville Cathedral) มหาวิหารขนาดใหญ่ที่สุดของสเปนและใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก ใช้เวลาก่อสร้างนานกว่า 120 ปีกว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 1528 มีความยาว 135 เมตร กว้าง 100 เมตร สูง 42 เมตร และมีพื้นที่ถึง 11,520 ตารางเมตร โดดเด่นด้วย La Giralda หอระฆังสูง 104.1 เมตร ภายในวิหารมีที่บรรจุศพของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส นักเดินเรือชาวอิตาเลียนผู้ค้นพบทวีปอเมริกา
- Archivo General de Indias (General Archive of the Indies) หรือ Casa Lonja de Mercaderes บ้านมรดกโลกซึ่งเป็นแหล่งค้าขายแลกเปลี่ยนในสมัยโบราณที่ออกแบบโดย Juan de Herrera ในสถาปัตยกรรมแบบสแปนิชเรอเนสซองส์
- Real Alcázar de Sevilla (Royal Alcázar of Seville) พระราชวังหลวงที่เป็นมรดกโลกมาตั้งแต่ปี 1987 ซึ่งนับเป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของสถาปัตยกรรม Mudéjar ในคาบสมุทรไอบีเรีย โดยผสมผสานสไตล์โรมาเนสก์ โกธิค และเรอเนสซองส์ เป็นองค์ประกอบของโครงสร้าง ปัจจุบันเป็นพระราชวังที่เก่าแก่ที่สุดแห่งเดียวของยุโรปที่ยังคงถูกใช้เป็นพระราชวังอยู่
- Barrio de Santa Cruz (Jewish Quarter) ย่านชุมชนชาวยิวในสมัยก่อน บริเวณนี้เป็นเขตเมืองเก่าแก่ที่มีถนนแคบๆ ในบรรยากาศคลาสสิกน่าเดินเล่นและนั่งพักจิบกาแฟ
- Setas de Sevilla อาคารโมเดิร์นหน้าตาประหลาดที่สร้างเสร็จเมื่อปี 2011 ผลงานการออกแบบโดย Jürgen Hermann Mayer สถาปนิกชาวเยอรมัน มีความกว้าง 150 เมตร ยาว 70 เมตร และสูง 26 เมตร ถือว่าเป็นอาคารโครงสร้างไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
การกลับมาเที่ยว Seville เป็นรอบที่ 2 นี้ทำให้เรายิ่งตกหลุมรักเมืองนี้ขึ้นไปอีก เพราะความลงตัวกลมกล่อมของศิลปะวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม และผู้คนที่เป็นมิตร เลยขอยกให้เป็นเมืองติดท็อปลิสต์ในใจของพวกเราเพิ่มขึ้นอีกเมืองอย่างเป็นทางการครับ
ที่พักแนะนำ: abba Sevilla hotel โรงแรมระดับ 4 ดาว ในเขตศูนย์กลางเมืองติดกับอาคาร Setas เลย จุดเด่นที่สุดของที่นี่คือวิวจาก rooftop ที่มองไปเห็นสิ่งก่อสร้างแลนด์มาร์คสำคัญได้ทั่วเมือง ส่วนห้องพักก็สะอาดเรียบร้อย แบ่งสัดส่วนได้ดี เรียกว่าดีงามทุกอย่างจริงๆ
การเดินทางมา: รถไฟจากเมืองหลักต่างๆ ในแคว้น Andalusia สามารถมาได้ทั้งหมด จากเมือง Córdoba ใช้เวลาประมาณ 45 นาที จากเมือง Málaga ใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง หรือถ้ามาจากเมืองหลวงกรุง Madrid ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 40 นาที
เรามีบริการรับ #วางแผน เที่ยวเองในยุโรปด้วยนะครับแอดไลน์มาได้ที่ @tieweng หรือคลิ๊ก https://lin.ee/sh9Vr5q รายละเอียดเพิ่มเติม https://bit.ly/3zif4RE
*ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงข้อมูลและรูปภาพเพื่อนำไปเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต