ทำดีกับใคร
ช่วยเหลือเขายามลำบาก
แล้วเขาไม่จดจำ
ได้สิ่งที่ต้องการแล้วหายไปเลย
หรือหนักกว่านั้น
นอกจากไม่ตอบแทน
วันดีคืนดียังกลับมาแว้งกัดเข้าให้อีก
แน่นอนว่าสิ่งที่ต้องเกิดกับใจคุณ
คือ รู้สึกเจ็บช้ำน้ำใจ
และหากเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ราวกับมีเสียงคำรามจากฟ้าเป็นระยะ ๆ ว่า
ชีวิตคุณต้องเป็นอย่างนี้แหละ
ก้มหน้าก้มตายอมรับซะเถอะ
ช่วยใครเมื่อไร เจอดีเมื่อนั้น
คุณก็จะไม่นึกอยากช่วยใครอีก
เพราะรู้ตัวแล้วว่า
อยู่บนเส้นทาง ‘ทำคุณคนไม่ขึ้น’ แน่ ๆ
.
เมื่อมีใจหดหู่ นึกรังเกียจมนุษย์
ไม่อยากมองใครดี
ไม่มีแก่ใจทำบุญให้ทานกับคน
ก็เท่ากับตัดทางสร้างทานบารมีใหญ่ ๆ
เกิดใหม่ก็มีสิทธิ์อัตคัดขัดสน
ไม่มีคนช่วยเหลือเมื่อถึงคราวลำบาก
.
ถ้าเจ็บเกินกว่าจะศรัทธาการช่วยมนุษย์ได้อีก
คิดอย่างนั้นก็แล้วไป ไม่ว่ากัน
เพราะเป็นเรื่องน่าเห็นใจอยู่
แต่หากนี่คือจุดใหญ่ที่ชวนให้สะกิดใจ
สงสัยแบบพุทธขึ้นมาว่า
ฉันเคยไปทำอะไรกับใครไว้
จึงต้องมาอยู่บนเส้นทางแบบนี้?
แล้วถ้าจะออกจากเส้นทางเสวยกรรมแบบนี้
ต้องทำบุญกรรมอันใด
จะช่วยเจือจางบาปเวรเก่า ๆ ลงเสียได้?
นั่นแหละ! จึงเริ่มได้ประโยชน์
จากการเป็นพุทธกันบ้าง
.
เริ่มต้นแรกสุด คือ ทำความเข้าใจ
ที่ทำคุณคนไม่ขึ้นในชีวิตนี้
เพราะชีวิตก่อน ๆ
เคยทำตัวเป็นพวกไม่รู้คุณคนมาก่อน
หรือหนักกว่านั้น คือ เคยหักหลังคนที่มีบุญคุณ
ซึ่งอาจไม่ใช่คนอื่นคนไกล
ไม่ใช่คนที่ให้เงินร้อยล้านพันล้านอย่างที่คิด
แต่เป็นคนให้ชีวิต ให้เลือดเนื้อ
ซึ่งแพงกว่าร้อยล้านพันล้านมากนัก
.
พ่อแม่ผู้ให้เลือดเนื้อกับเรานั้น
แค่ไม่ตอบแทนท่านเลย
ปล่อยปละละเลย ก็นับว่าไม่รู้คุณแล้ว
แต่หนักกว่านั้น
บางชาติอาจรีดไถพ่อแม่ตลอดชีวิต
พูดจาสามหาวร้ายกาจกับพ่อแม่ตลอดเวลา
.
พ่อแม่เป็นแหล่งขยายบุญบาปขนาดใหญ่
ทำอะไรไว้กับพวกท่าน
ก็ขยายผลได้หนักกว่าทำกับคนทั่วไป
แล้วพ่อแม่ก็เป็นรากของชีวิต
บำรุงท่าน ก็เท่ากับบำรุงชีวิต
หลงลืมท่าน ก็เท่ากับหลงลืมรดน้ำพรวนดินให้ชีวิต
ถ้าชีวิตก่อนยังไม่เน่าเสีย
ก็อาจได้มาเห็นผลเน่าเสียเอาในชีวิตนี้เอง
.
เมื่อมองว่าพ่อแม่เป็นของใหญ่
เป็นนาบุญนาบาปอันใหญ่
ก็อาจใช้เป็นโอกาสทดลอง
เช่น ตั้งใจไว้ล่วงหน้าว่า
เมื่อได้อะไรดี ๆ มา จะนึกถึงพ่อแม่ก่อน
เผื่อแผ่ท่านก่อนเสมอ
พูดอะไรให้พวกท่านมีความสุขได้ ให้พูดเต็มที่
พูดอะไรให้พวกท่านระคายใจ ให้มีสติยั้งไว้
แล้วเลือกคำ หรือเลือกวิธีให้ระคายโสตน้อยที่สุด
.
นอกเหนือจากพ่อแม่
ก็ต้องเห็นค่าของคนที่มีบุญคุณอื่น ๆ ด้วย
เมื่อใครทำดีให้ อย่าดูเบา
ให้เห็นค่า ให้จดจำไว้เสมอ
และเมื่อมีโอกาสตอบแทนคุณ ก็อย่าช้า
อย่าตอบแทนด้วยความรู้สึกเสียไม่ได้
แต่ให้ตอบแทนด้วยความคิดว่า
เราจะสร้างจิตสำนึกที่ถูกต้องขึ้นมา
โดยอาศัยเขาเป็นฐาน เป็นที่ตั้ง
ยิ่งทำได้มากขึ้นเท่าใด
ยิ่งสะท้อนว่าจิตสำนึกสูงขึ้นเท่านั้น
.
คิดอย่างนี้ ทำอย่างนี้อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ
นานไปจะกลายเป็นกรรมดีที่มีพลังคงเส้นคงวา
และผนึกรวมกันเป็นกระแสบุญใหญ่
เป็นกรรมใหม่ที่ให้ผลทันตาในชาติปัจจุบัน
อย่างที่เรียกกันว่า ‘ทิฏฐธัมมเวทนียกรรม’
ไม่ต้องรอข้ามภพก่อนจึงเห็นผล
อย่างน้อยจะมีส่วนช่วยเจือจางบาปเก่า
กระแสในตัวคุณจะเปลี่ยนไป
แม้ไม่ลำเลิกบุญคุณให้ใครอึดอัด
เขาก็จะเห็น จะรู้สึกว่า
ตัวคุณเป็นที่ตั้งของความสว่าง
ควรแก่การระลึกถึง ควรค่าแก่การตอบแทน
นึกถึงคุณแล้วทนไม่ได้ที่จะดูดาย เฉยชา
ยิ่งถ้าเห็นคุณลำบาก ก็จะอยากช่วยทันที
หรืออย่างน้อยที่สุด ก็ไม่ใจไม้ไส้ระกำ
ทำมึน จำบุญคุณไม่ได้
อยากกลับมาทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ
แบบเดียวกับลูกเนรคุณ
ที่ประทุษร้ายได้แม้ผู้ให้กำเนิดตน!