โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

เจ้าที่มาต้อนรับ - พุธนี้ผีดุ

LINE TODAY ORIGINAL

เผยแพร่ 08 ก.ย 2563 เวลา 18.37 น. • หลานสาวน้าป๋อง

"เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงปี 2012 เป็นช่วงที่โรงแรมชื่อดังแห่งนี้ในย่านสาทรเพิ่งเปิดตัว และลูกพี่ลูกน้องที่เราสนิทก็ตัดสินใจไปจองโรงแรมนี้เพื่อจัดงานแต่งงาน 

ตอนแรกเราก็รู้กันคร่าว ๆ ว่าพื้นที่ที่โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่มันเป็นพื้นที่เก่า แต่ด้วยความที่โรงแรมก็เพิ่งสร้างเสร็จ ทุกอย่างใหม่เอี่ยมเราก็ไม่ได้คิดอะไร

เจ้าสาวที่เป็นญาติคนสนิทของเราก็ชวนให้ไปนอนค้างที่โรงแรม เพราะกว่างานแต่งงานเสร็จก็ดึกละ แล้วเขาก็ไม่อยากให้เราขับรถกลับบ้านมืด ๆ เราก็โอเค ตกลงว่าจะไปนอนกันซึ่งห้องที่เจ้าสาวเปิดให้เป็นห้องแบบสวีท เลย์เอาต์ของมันคือเปิดประตูหลักเข้าไปจะเจอกับอีก 2 ประตู ประตูทางซ้ายไปห้องนอน และทางขวาไปห้องรับแขก เจ้าบ่าวเจ้าสาวนอนให้ห้องนอนใหญ่ ส่วนเรากับเจ้ ๆ อีก 2 คนก็นอนเตียงเสริมในห้องรับแขกกัน

พิธีก็เริ่มไป พอจบช่วงที่เป็นทางการก็มีปาร์ตี้เล็ก ๆ กว่าเราจะเสร็จงานทุกอย่างแล้วกลับขึ้นมาที่ห้องพักก็เกือบ ๆ เที่ยงคืนได้ แต่ตอนนั้นห้องรับแขกที่ควรจะเป็นห้องนอนของเรายังไม่พร้อม ตัวเราก็ต้องโทรไปเรียกพนักงานโรงแรมให้มาช่วยเซตเตียงเสริมให้ กว่าจะเรียบร้อยก็ตี 1 แล้ว คือดึกมาก ๆ 

ด้วยความเหนื่อยเราก็หลับกันไปเรียงกัน 3 คนโดยที่ตัวเราเป็นคนที่นอนอยู่ฝั่งที่ใกล้ประตูห้องมากที่สุด ทั้งคืนก็หลับสนิทมาก ๆ นะ ปิดไฟ ปิดทีวีแล้วสลบไป ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรประหลาดเลยจนประมาณช่วงกลางดึก เราสะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียงคนกดกริ่งที่หน้าห้อง

“ติ๊งหน่องๆ” กริ่งดังแค่รอบเดียว ตอนนั้นเราก็สะลึมสะลือตื่นขึ้นมา ตอนนั้นอารมณ์คือประมาณว่าอะไรวะ ไม่แน่ใจว่ามันคือเสียงโทรศัพท์หรือเสียงนาฬิกาปลุกหรือเสียงกริ่งจริง ๆ ก็มองไปหาญาติอีก 2 คนที่นอนห้องเดียวกัน ตอนนั้นทุกคนหลับปุ๋ยมาก ไม่มีใครโดนปลุกขึ้นมาด้วยเสียงกริ่งเลย เราก็เลยเดินไปที่ประตูของห้องรับแขกเพื่อที่จะเช็กว่าคนที่กดกริ่งคือใคร

สิ่งที่เราเห็นผ่านตาแมวตรงประตูก็คือผู้ชายใส่สูทสีขาว อาจจะเป็นเพราะเราตัวเตี้ยด้วยมั้ง มุมที่เห็นเลยเป็นภาพของผู้ชายใส่สูทยืนรออยู่หน้าตาประตูห้องรับแขก แต่เห็นตั้งแต่ช่วงคอลงไป 

เราก็ตัดสินใจอยู่สักพักว่าจะเปิดหรือไม่เปิดดีเพราะตอนนั้นก็แอบดึกแล้วและก็มั่นใจด้วยว่าไม่ได้มีใครโทรเรียกพนักงานหรือรีเควสต์ขออะไร เพราะทั้งห้องก็หลับกันไปหมดแล้ว สุดท้ายเลยเดินไปเรียกเจ้ที่นอนข้าง ๆ เพราะไม่แน่ใจว่ามีอะไรฉุกเฉินหรือเปล่า เจ้ก็หันมาบอกเราให้นอนต่อ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยโทรลงไปถามรีเซปชั่นว่าเขามีอะไร 

เราก็เลยโอเค ล้มตัวลงไปนอนต่อแต่พอหลับตาไปได้สักพัก มันก็คิดขึ้นมาได้ว่า…

“เชี่ยยยย เขาจะเข้ามาได้ยังไง… !!!” 

เพราะห้องมันมีประตู 2 ชั้น กว่าจะมาถึงประตูหน้าห้องรับแขกจะต้องมีคีย์การ์ดเพื่อเข้าประตูหลักก่อน

ตอนนั้นเรากับเจ้คนที่ตื่นขึ้นมาก็เริ่มกระตุกละว่ามันแปลก ๆ มองหน้ากันเลิ่กลั่กแต่เราก็พยายามไม่คิดอะไรมาก กลับไปนอนต่อ

วันรุ่งขึ้นเราก็ไปคุยกับห้องฝั่งญาติเจ้าบ่าวว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เขาก็เล่าให้ฟังว่าห้องเขาหนักกว่าเราอีก ในห้องมีเสียงลมพัดฟิ้ว ๆ อยู่รอบห้องตลอดทั้งคืน เหมือนเวลาที่เราอยู่ข้างนอกแล้วลมเป่าวี้ด ๆๆ แต่ไม่มีใครเปิดหน้าต่างทิ้งเอาไว้นะ

ทุกคนก็ไม่ได้อะไร เก็บของและเช็กเอาต์ออกจากโรงแรม คำถามอย่างเดียวที่คาใจเราก็คือผู้ชายสูทสีขาวคือใคร และทุกอย่างก็ถูกเฉลยตอนที่เรากำลังวนรถออกจากโรงแรม 

เราขับรถขึ้นมาจากที่จอดรถโรงแรมแล้วผ่านต้นไทรใหญ่ ๆ ที่มีศาลเจ้าตั้งอยู่ ซึ่งตรงนั้นก็มีชุดที่มีคนเอามาถวายแขวนเอาไว้

มีทั้งชุดผู้หญิงกับผู้ชาย ซึ่งชุดผู้ชายอะ….ก็คือสูทสีขาวแบบที่เราเห็นเป๊ะ ชุดนั้นเลย

พอเราโทรไปเล่าให้ญาติ ๆ ฟังทุกคนก็บอกตรงกันว่าน่าจะเป็นเจ้าที่ของที่โรงแรมนั่นแหละที่มาแสดงความยินดีกับบ่าวสาวแต่ดันเข้าห้องผิด

อาจจะเป็นเพราะว่าลูกพี่ลูกน้องของเราเป็นคู่แรกที่มาจัดงานที่นี่ด้วยแหละ เขาเลยมาต้อนรับเป็นพิเศษ 

เพียงแค่เรานี่ล่ะที่เป็นคนได้เจอ…"

ติดตามอ่านเรื่องชวนขนหัวลุกตอนใหม่ได้ในคอลัมน์ "พุธนี้ผีดุ" ทุกวันพุธ บน LINE TODAY

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0