โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ศาลฯยืนตามชั้นต้นยกฟ้อง"หมวดจรูญ"ปิดฉากหวย30ล้าน

สยามรัฐ

อัพเดต 20 ต.ค. 2563 เวลา 17.10 น. • เผยแพร่ 20 ต.ค. 2563 เวลา 17.10 น. • สยามรัฐออนไลน์
ศาลฯยืนตามชั้นต้นยกฟ้อง

"ศาลอุทธรณ์ภาค 7"พิพากษายืนตามศาลชั้นตั้น ให้ยกฟ้อง"หมวดจรูญ"ในคดีมหากาพย์"หวย30 ล้าน" หลัง"ครูปรีชา" เป็นโจทก์ยื่นฟ้องในข้อหายักยอกทรัพย์ รับของโจร

เมื่อวันที่ 20 ต.ค.63ที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรี ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ได้นัดฟังคำพิพากษาในคดีมหากาพย์ ลอตเตอรี่ 30 ล้านบาท ในคดีที่ นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือหมวดจรูญ ในข้อหายักยอกทรัพย์ รับของโจร

ในเวลา 08.40 น. ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือหมวดจรูญ และภรรยา เดินทางมาพร้อมกับ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความ หรือทนายตั้ม โดยลุงจรูญและภรรยารวมถึงทนายตั้มมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส

โดย ร.ต.ท.จรูญ กล่าวว่า โดยส่วนตัวเฝ้ารอวันนี้มานาน ซึ่งตนก็เชื่อว่าศาลจะให้ความเป็นธรรมกับตนเองได้ และหากในวันนี้ศาลมีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ตนก็คงจะใช้สิทธิในการดำเนินคดีกับทางคู่กรณี ทั้งในส่วนของตัว นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา ทนายความ และพยานของครูปรีชา ที่ให้การไม่ตรงกับความเป็นจริง หลังจากที่ตนเป็นฝ่ายถูกกระทำมานาน

จากนั้น ในเวลา 09.00 น. ครูปรีชา พร้อมด้วย นางสาวรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือเจ๊บ้าบิ่น และนางสาวพัชริดา พรมตา หรือเจ๊พัช แม่ค้าลอตเตอรี่พยานปากสำคัญ ได้เดินทางมาถึงที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรี แต่กลับไม่พบว่า นายวรยุทธ บุญวงศ์ใส หรือทนายวรยุทธ เดินทางมากับครูปรีชาด้วย รวมทั้ง นางปณัญชยา สุขพูล หรือเจ๊เกียว ก็ไม่ได้เดินทางมาเช่นกัน

ด้าน ครูปรีชา กล่าวว่า ในวันนี้ที่ทนายวรยุทธไม่ได้เดินทางมาด้วย เนื่องจากติดคดีอยู่ที่ศาลอื่น ซึ่งนัดไว้ก่อนหน้านี้แล้ว โดยส่วนตัวที่เดินทางมาวันนี้ก็ยังคงมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ และยังยืนยันว่าเป็นเจ้าของสลากชุดที่ถูกรางวัลจริง ความจริงก็คือความจริง ส่วนหลังจากฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 7 เสร็จเรียบร้อยแล้วตนจะทำอย่างไรต่อไปนั้น ตอนนี้ก็ยังไม่ได้มีการวางแผนเอาไว้ และไม่ได้คาดคะเนว่าผลคำพิพากษาจะออกมาเป็นอย่างไร
ทั้งนี้ หลังจากให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเสร็จเรียบร้อย ครูปรีชาพร้อมด้วยเจ๊พัช เจ๊บ้าบิ่น และทีมทนายความ จึงได้เดินทางขึ้นไปยังห้องพิจารณาคดีที่ 7 เพื่อรับฟังคำพิพากษาของศาลต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลได้กำหนดจำนวนผู้เข้าร่วมรับฟังคำพิพากษาในคดีดังกล่าวไว้ด้วย โดยอนุญาตให้ทนายความฝ่ายละ 3 คน ผู้ติดตามฝ่ายละ 9 คน (รวมโจทก์และจำเลย) และผู้สื่อข่าว 2 คน เข้าร่วมรับฟังเท่านั้น นอกจากนี้ไม่อนุญาตให้นำเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดเข้ามาภายในห้องพิจารณา ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาอ่านนานพอสมควร

ล่าสุด เมื่อเวลา 10.50 น. ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ได้มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น เนื่องจากศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ดังนั้นศาลอุทธรณ์จึงเห็นด้วยกับศาลชั้นต้นพิพากษายืนให้ยกฟ้อง

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0