โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ร้านหนังสือที่ไม่ได้ขายแค่หนังสือ - เพจปั่นเรื่องเป็นภาพ

TALK TODAY

เผยแพร่ 16 ก.ย 2562 เวลา 09.09 น.

ผมเป็นพวกบ้าการ์ตูนญี่ปุ่น อาจไม่ถึงขั้นจะเรียกว่าเป็นโอตาคุ แต่ก็มีของสะสมต่างๆไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการ์ตูนที่วางนอนอยู่บนชั้น

หรือฟิกเกอร์โมเดลที่นอนอยู่ในกล่องไม่ยอมแกะสักที หรือหนังสือภาพวาดลายเส้นของอาจารย์นักเขียนการ์ตูนชื่อดัง เมื่อผมมีโอกาสได้ไปญี่ปุ่น จึงนับเป็นสวรรค์ของผมในการที่จะไปค้นหาของสะสมเหล่านี้

ครั้งหนึ่งผมไปดูงานที่ญี่ปุ่นกับพวกพี่ที่ออฟฟิศ โดยในครั้งนั้นเรามากันแค่ 5 คน เวลาจะไปไหนเราจึงมักไปด้วยกันหมด เพื่อไม่ให้หลง หรือ เสียเวลารอไปรอมากัน 

หลังจากที่พวกผมดูงานที่โตเกียวกันเสร็จแล้ว ช่วงบ่ายเราจึงมีเวลาฟรีเดย์ พวกเราจึงวางแผนจะไปเดินเล่นดูของกัน โดยผมอยากไปร้านหนังสือ และไปร้านฟิกเกอร์ ส่วนพี่ผู้ชายอีกคนอยากไปดูพวกแผ่นเพลง นาฬิกาข้อมือกับหูฟัง ส่วนพี่ผู้หญิงไม่ได้ต้องการดูอะไรเป็นพิเศษ แค่อยากหาของกินอะไรอร่อยๆ พวกเราจึงตัดสินใจไปเดิน      แถวอากิฮาบาระกัน 

ด้วยเพราะย่านอากิฮาบาระ ตั้งอยู่ใจกลางโตเกียว เป็นแหล่งช้อปปิ้งชื่อดังที่มีจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ดังที่สุดในโตเกียว ถ้าที่นี่ไม่มีขายก็ยากที่จะหาเจอที่อื่น ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่นี่มีมากกว่า 100 ร้าน ตั้งเรียงรายกันอยู่ตามถนน มีสินค้าหลากหลายประเภท ทั้งคอมพิวเตอร์ กล้องถ่ายรูป ทีวี มือถือ นาฬิกา กีตาร์ แผ่นเสียง หูฟัง 

และอากิฮาบาระไม่ได้มีดีแค่เครื่องใช้ไฟฟ้ายังเป็นสวรรค์ของเหล่าโอตาคุด้วย เพราะมีทั้งการ์ตูน เกมส์ฟิกเกอร์ และของสะสมหายากที่ไม่สามารถหาได้ที่อื่น อีกทั้งยังเป็นแหล่งหาชุดคอสเพลย์เของวัยรุ่นอีกด้วย

รวมถึงยังมีร้านอาหารอร่อยๆหลายร้านอยู่รอบๆย่านนี้ ที่อากิฮาบาระจึงเรียกได้ว่าเป็นแหล่งให้เราเจอวัฒนธรรมสนุกสนานของญี่ปุ่นแบบเต็มสูบเลยก็ว่าได้ 

พวกเรานั่งรถไฟสาย JR Yamanote Line มาลงที่อากิฮาบาระ ผมตื่นเต้นกับร้านค้า ร้านขายของที่อยู่ตามถนนและอยากเข้าตึกไปดูของแทบทุกร้าน แต่ผมอดเปรี้ยวไว้กินหวาน 

ผมให้พี่ผู้ชายไปดูพวกเครื่องนาฬิกา กับหูฟังที่ตึกขายเครื่องใช้ไฟฟ้าก่อน ใช้เวลาไม่นานนักพี่เขาก็ได้ของมาเสร็จสรรพเรียบร้อย ที่นี่ก็ถึงตาผม ผมเลือกเข้าร้านหนังสือที่ละร้าน บางร้านก็มีเกมส์ตู้ให้กดเล่น  

ผมเดินมาสะดุดร้านขายหนังสือร้านหนึ่ง จึงบอกพวกพี่ขอเข้าร้านนี้ ร้านนี้มีหนังสือขายหลากหลายมีทั้งการ์ตูนและนิยาย รวมทั้งหนังสือภาพลายเส้นนักเขียน ผมใช้เวลาเดินดูอยู่พักหนึ่งจึงขอพวกพี่ขึ้นไปดูของต่อที่ชั้นบนพี่ผู้ชายขอตามไปกับผมด้วย ส่วนพี่ผู้หญิงขอดูหนังสืออยู่ชั้นล่างต่อ

ที่ชั้น 2 จะขายพวกนักสือมืองสอง ผมหยิบหนังสือบางเล่มขึ้นมาดูก็เห็นว่าหนังสือมือสองที่นี่สภาพดีมากและบางเล่มก็เป็นหนังสือหายาก แล้วผมก็เจอหนังสือสูจิบัตรลายเส้นของ อาจารย์ ทาเคฮิโกะ อิโนะอุเอะคนวาดการ์ตูน 

สแลมดั้ง และ Vagabond อันโด่งดัง มันเป็นหนังสือรวมผลงานนิทรรศการ The Last Mangaนิทรรศการที่ว่าด้วยตอนจบของการ์ตูน Vagabond (จนปัจจุบันก็ยังไม่จบ เพราะอาจารย์ได้หยุดเขียนไป) ภายในเล่มจะมีภาพวาดลายเส้นสุดเฉียบของอาจารย์ พร้อมทั้งเบื้องหลังในการทำงานจัดนิทรรศการ 

มันเป็นเล่มที่ผมตามหานานมาก ร้านขายทั่วไปไม่มี ในอีเบย์ก็ขายราคาไปไกลมาก แต่ร้านนี้ขายราคาถูกมาก ผมแทบไม่ต้องคิดนานเลย ผมคว้าเล่มนี้ทันที และไม่คิดว่าจะเจอในร้านที่ขายหนังสือมือ 2 แบบนี้

หลังจากจ่ายเงินซื้อหนังสือเสร็จผมกับพี่ผู้ชายเดินขึ้นชั้น 3 ไปดูของต่อ ชั้น 3 จะขายพวกฟิกเกอร์โมเดลต่างๆ มีทั้งแบบมือหนึ่งสภาพใหม่เลย กับมือสองสภาพดีมาขาย ผมเดินดูก็เห็นมีโมเดลเก่าเก็บหายากหลายตัว แต่เห็นราคาแล้วแทบต้องถอยทันที พี่ผู้ชายสนใจฟิกเกอร์ เซนต์เซย่า เซ็ตโกลด์ครอส 

แต่ชั่งใจว่าจะเอาดีไม่เอาดี เพราะมีปัญหาเรื่องราคากับเรื่องจะยัดลงกระเป๋าเดินทางยังไงด้วย ภายหลังพี่เขาจึงตัดใจ เดินขึ้นชั้น 4 กับผม 

ชั้น 4 เป็นร้านขายแผ่นเสียง มีขายทั้งศิลปินญี่ปุ่นเองและศิลปินต่างชาติ ผมกับพี่เดินผ่านๆ ใช้เวลาไม่นานก็เดินขึ้นไปยังชั้น 5

ที่ชั้น 5 เป็นชั้นที่ขายแผ่นหนัง มีทั้งหนังเก่า หนังใหม่ หนังของญี่ปุ่นเอง และหนังต่างประเทศก็มี ผมหยิบแผ่นหนังขึ้นมาดูราคา เห็นว่าราคาแพงกว่าในไทยเยอะมาก แถมยังเป็นซับภาษาญี่ปุ่นเสียส่วนใหญ่

ผมกับพี่ผู้ชายจึงข้ามขึ้นไปเดินดูของชั้น 6 ต่อ พอเดินขึ้นมาถึงผมกับพี่ตกใจตาโตมาก เพราะที่ชั้นนี้ขายหนังผู้ใหญ่ 18+ ทั้งชั้น มีจัดแบ่งแยกตามชื่อดาราที่เล่น พวกเราเดินดูแล้วก็ขำกัน นึกไม่ถึงว่าจากร้านหนังสือที่เราเห็นที่ชั้นล่างด้านบนจะมีขายหนัง 18+ ด้วย 

โชคดีที่พวกพี่ผู้หญิงไม่ได้เดินตามขึ้นมาด้วย ผมกับพี่จึงเดินดูเล่นๆเอาฮากันตามประสาผู้ชาย ผมกับพี่ขำกับการแบ่งประเภทหนังของที่นี่มีการแยกแบบหนังซอฟท์เด็กๆ เด็กนักเรียน ขั้นธรรดา ออฟฟิศ แม่บ้าน แม่หม่าย สาวแก่ สาวอ้วน ไปยังประเภทซาดิสม์ ดูแล้วประเทศนี้เขาจริงจังมากแม้กระทั่งเรื่องแบบนี้ 

ทันใดนั้นผมก็ได้ยินคนเรียกชื่อผมกับพี่ พวกเราหันไปก็เห็นพวกพี่ผู้หญิงตามเราขึ้นมาเพราะเห็นพวกผมขึ้นมานานมาก พวกเขาหิวข้าวแล้วจึงกะขึ้นมาตาม แล้วก็มาเห็นพวกผมเดินดูอยู่ชั้นหนังผู้ใหญ่ พวกเขาเข้าใจว่านี่เองคือสาเหตุที่ชวนกันขึ้นมาสองคนและหายต๋อมกันไปนาน 

เอาจริงๆผมกับพี่ไม่มีใครรู้มาก่อนเลยว่าชั้นบนของร้านนี้จะมีขายหนังผู้ใหญ่ด้วยซ้ำ ใครจะไปคิดว่าจากร้านหนังสือ ร้านการ์ตูนที่ชั้นล่าง ซึ่งทาร์เก็ตมันต้องเป็นเด็ก เป็นวัยรุ่นชัดๆ พอมาชั้นบนกลายมาเป็นขายเฉพาะผู้ใหญ่ซะได้ จึงสรุปได้ว่าร้านนี้ร้านเดียวดึงกลุ่มเป้าหมายเข้ามาได้ครบหมด 55555  

ก่อนจะกลับลงไปข้างล่างผมเลือบเห็นบันไดยังมีให้ขึ้นไปยังชั้น 7 อีกชั้น ผมสงสัยว่าชั้น7 นั้นมันจะขายอะไรที่เหนือกว่าชั้น 6 นี้ไปอีกน่าาาาา….

ติดตามบทความของ *ปั่นเรื่องเป็นภาพ *ได้บน  LINE TODAY ทุกวันจันทร์

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0