พวกเราอยู่ในยุคสมัยอะไรอย่างหนึ่ง
ที่ได้อภิสิทธิ์มีโรคทางใจ
ชนิดที่ยุคอื่น สมัยอื่นมีไม่ได้
เป็นกันไปไม่ได้มากมาย เช่น
.
โรคขาดมือถือลงแดง
การเสพติดมือถือ ไม่ต้องอธิบายมาก
เพราะเดี๋ยวนี้มือถือเป็นแหล่งรวมสิ่งเสพติด
ไม่ว่าจะเป็นเกม แชท รูปแชร์ และอื่น ๆ
คนตรงหน้า ไม่สำคัญเท่าคนในแชท ในเกม
ทะเลมัลดีฟอันกว้างใหญ่ไพศาล
ไม่น่าดูน่าชมเท่ารูปเพื่อนโชว์ร่องก้นแคบ ๆ
แต่ที่เกินระดับเสพติด ถึงขั้นเป็นโรค
คือ วางมือถือไม่ลง แม้ไม่มีกิจธุระ
อันนี้สมองเริ่มทำงานผิดปกติ
จะเห็นได้ว่าวันใด ไม่มีมือถือ
ก็หงุดหงิดราวกับขาดอวัยวะชิ้นสำคัญ
หรือเหมือนไม่ได้กินข้าวกินน้ำ
ทำอะไรไม่เป็นสุขสักอย่าง
หากใครมาขัดจังหวะตอนเล่นมือถือ
จะเห็นเป็นศัตรูตัวร้าย
มีสิทธิ์ทำลายได้กระทั่งชีวิตคนเป็นพ่อเป็นแม่
ซึ่งก็มีข่าวให้เห็นกันแล้วหลายครั้ง
แต่ผู้คนก็ยังไม่เข้าใจ
มองไม่เห็นว่านั่นเป็นโรคทางใจชนิดหนึ่ง
เป็นโหมดการทำงานของสมองที่เข้าขั้นผิดปกติ
เป็นโรคที่กำลังคุกคามผู้คนยุคเราอยู่อย่างน่ากลัว
(ถึงวันนี้มีพ่อค้าหัวใส คิดสิ่งเลียนแบบมือถือขึ้นมา
ทั้งหน้าตา รูปทรง น้ำหนัก
เพียงเพื่อแก้โรคขาดมือถือไม่ได้
ขอจับเสียหน่อยให้เป็นสุข
นี่ก็คือหลักฐานว่า โรคนี้มีตัวตนอยู่จริงๆ
ถึงขั้นมีของหลอกขึ้นมาขาย
เพื่อบำบัดอาการลงแดงกันแล้ว)
.
โรคตัดแฟนเก่าไม่ขาด
การสนใจ ห่วงหา หรือกระทั่งหึงหวงแฟนเก่า
นับเป็นเรื่องปกติของปุถุชนคนเดินดินไม่สิ้นกิเลส
แต่ที่ถึงขั้นเป็นโรค คือ ใส่ใจคิดถึง มีจิตหึงหวง
ขนาดเข้าเฟส เข้าไอจี เพื่อสอดส่องเกิน ๕ รอบต่อวัน
ทั้งที่ไม่ได้คุยกันแล้ว ไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวเขาแล้ว
บางคนไปบอกเลิกเขาเอง แต่ก็เกิดอารมณ์เพี้ยน
มีความขัดข้องใจ โกรธหน้ามืดหูตาร้อน
เมื่อเห็นรูปคู่กับแฟนใหม่
ซึ่งถ้าเขาเอามาแกล้งร่อนให้ดูก็น่าเห็นใจ
แต่นี่ดันทะลึ่งไปแอบดูของเขาเอง แล้วโวยวายเอง
อดอยากรู้ไม่ได้ว่า จะมีสเตตัสไหนบ่นถึงเราไหม
มีคำไหนส่อว่า พาดพิงเพื่อประชดอะไรฉันหรือเปล่า
พูดง่าย ๆ ว่าโรคนี้ เอาชีวิตที่มีตัวตนในปัจจุบัน
ไปว้าวุ่นอยู่กับชีวิตที่ไม่มีตัวตนแล้วในอดีต
คนทั่วไปอาจมองเป็นเรื่องธรรมดาของคนทำใจไม่ได้
แต่สำหรับคนในแวดวงเจริญสติ
จะมองเป็นโรคทางใจที่เป็นพิษเป็นภัย
บั่นทอนสติ บันทอนสุขภาพจิต
บั่นทอนพละกำลังในชีวิตไม่ใช่น้อย ๆ
.
โรคเสพติดอารมณ์ด่าโลก
คำว่า ‘ด่าโลก’ หมายถึงด่าได้หมดไม่มีเว้น
เก่งขนาดเห็นหน้าใครแค่แวบเดียว
ก็จับจุดด่าได้จัง ๆ ถนัดถนี่แล้ว
พูดง่าย ๆ ที่ถึงขั้นนับว่าเป็นโรค
คือ รู้สึกเมามันกับอารมณ์อยากด่า
มากกว่าจะพิจารณาว่าใครควรโดนหรือไม่ควรโดน
ขอให้คิดว่าคนปกติ
จะหาทางเชื่อมต่อเฉพาะกับโลกส่วนที่ตัวเองชอบใจ
แต่คนเป็นโรคนี้ จะหาช่องทางเชื่อมกับโลกที่ตัวเองเกลียด
จะได้ด่าคน จะได้ระบายอารมณ์ยักษ์อารมณ์มารที่แน่นหัว
ทรมานอกทรมานใจกันเสียหน่อย
เกลียดใครก็คลิกไลค์เขา หรือเข้าหาจุดอัพเดทใหม่ ๆ ของเขา
จะได้ตามเข้าไปจิก ตามเข้าได่า ตามเข้าไปราวีกันไม่เลิก
เมื่อเสพติดอารมณ์ด่าโลกมากเข้า
สมองก็ทำงานผิดปกติ
และยิ่งทำงานผิดปกติมากขึ้นเท่าไร
ก็ยิ่งมองโลกในแง่ร้าย มองผู้คนแต่ในด้านลบมากขึ้นเท่านั้น
ในทางจิตวิทยา ถือว่าเป็นการบั่นทอนสุขภาพกายสุขภาพจิต
ในทางศาสนา ถือเป็นการสะสมอกุศลกรรมเป็นอาจิณ
บรรจุคำด่าทอลงสมองเต็มเอี้ยด
จนไม่เหลือพื้นที่ให้คำดี ๆ ที่มีความเป็นกุศล
ใช้สายธารแห่งความความฉลาดทั้งหมด
ไปกับการสร้างวาทะเสียดแทงใจคนอื่น
ซึ่งเท่ากับสร้างภูเขาแห่งความโง่ขึ้นมาทับอกตัวเองตาย
.
โรคอยากซื้อของลดราคา
ความอยากมีในสิ่งที่ยังไม่มี
นับเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์
แต่ปัจจุบันเทคนิคการตลาดแบบหั่นราคา
ซึ่งมีให้เห็นทั่วโลกออนไลน์
บีบให้คนยุคเรารู้สึกว่า ‘ต้องซื้อ’
แม้จะไม่อยากได้ ไม่จำเป็นต้องมี
ถ้าไม่ซื้อ ณ เวลานั้น ถือว่าพลาด
ถือว่าปล่อยโอกาสทองให้หลุดมือ
ถือว่าเสียเปรียบชาวบ้านชาวเมือง
ซึ่งอะไรพรรค์นี้ หากเกิดขึ้นแค่ครั้งสองครั้งก็ไม่เป็นไร
แต่ส่วนใหญ่พอเกิดขึ้นแล้วครั้งหนึ่ง
ก็จะเกิดการติดใจ และจดจำช่องทางนั้น ๆ
อยากแวะเวียนไปรับโอกาสทองชนิดนั้นซ้ำอีก
กว่าจะรู้ตัวว่าเป็นโรคติดป้ายหั่นราคา
บ้านก็เต็มไปด้วยข้าวของที่ไม่จำเป็นต้องมี
แต่มาตั้งระเกะระกะราวกับเป็นขยะ
ที่คุณจ่ายเงินเพื่อเอามากองไว้รกหูรกตาเปล่า
.
โรคทางใจยุคไอทีนั้น
ส่วนใหญ่แค่รู้ตัวว่าเป็นโรค
ก็บำบัดตัวเองให้หายได้
อาจด้วยการค่อย ๆ ละ ค่อย ๆ เลิก ค่อย ๆ คุมเวลา
หรืออาจจะด้วยวิธีหักดิบ ทิ้งขว้างมันไปเฉย ๆ
ไม่เสียดาย คล้ายถ่มเสลดสกปรกออกจากปากได้
.
ปัญหาคือ คนจะไม่นิยามว่า
มันเป็นโรคทางใจ มันคือภัยของชีวิต
มันคือไฟเผาจิตวิญญาณให้หม่นไหม้ย่อยยับ
เมื่อไม่ให้คำนิยาม ก็ไม่เกิดการตระหนักรู้
เมื่อไม่เกิดการตระหนักรู้
ก็ไม่มีแก่ใจสำรวจ
ไม่เกิดสติสังเกตว่าใจตัวเอง
ออกอ่าวไปไกลถึงไหนแล้ว
นั่นแหละ! หลายคนถึงเป็นโรคทางใจยุคไอทีกันจนตาย!
.
.