ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยกลายเป็นตลาดสำคัญของคลินิกเด็กหลอดแก้ว ซึ่งให้บริการทั้งคนไทย และต่างชาติ โดยเฉพาะคนจีนที่แห่เข้ามาใช้บริการจำนวนมากจากการปรับเปลี่ยนนโยบายของภาครัฐที่ให้คู่แต่งงานสามารถมีบุตรได้มากกว่า 1 คน ทำให้คลินิกและโรงพยาบาลหลายแห่งได้หันมาให้ความสำคัญกับตลาดนี้ มีการขยายการให้บริการศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก เพื่อรับกับดีมานด์จำนวนมหาศาลที่เกิดขึ้น ทั้ง รพ.เอกชัย เวิลด์เมดิคอล ฯลฯ ตลอดจนกลุ่มทุนจีนเองก็เริ่มทยอยเข้ามาลงทุนเป็นระยะ
ล่าสุด “บอร์เดอร์เลส เฮลธ์แคร์ กรุ๊ป” บริษัทยักษ์ใหญ่ในจีน เจ้าของธุรกิจเทคโนโลยีการแพทย์ มีเดีย โทรคมนาคม มูลค่ารวมกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ได้เข้ามาลงทุนในรูปแบบของการเปิดแฟรนไชส์คลินิกเด็กหลอกแก้ว ภายใต้แบรนด์ XY.life (เอ็กซ์ วาย ดอท ไลฟ์) ให้ผู้ที่สนใจไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคลินิก หรือ รพ.ที่ให้บริการด้านนี้อยู่แล้ว ตลอดจนนักลงทุนที่ต้องการทำธุรกิจนี้ โดยตั้งเป้าให้ไทยเป็นเมืองหลวงของการแช่แข็งเซลล์ไข่ (egg capital)
“ดร.เหวย เซียง ยู” ประธานกรรมการบริหาร และผู้ก่อตั้ง บริษัท บอร์เดอร์เลส เฮลธ์แคร์ กรุ๊ป ผู้ให้สิทธิ์แฟรนไชส์คลินิกเด็กหลอดแก้ว XY.life ฉายภาพว่า ความต้องการของการทำเด็กหลอดแก้ว และการแช่แข็งเซลล์ไข่ (ฝากไข่) มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของหนุ่มสาวรุ่นใหม่ ที่มีแนวโน้มเข้าสู่การสมรสและมีบุตรที่ช้ากว่าคนรุ่นเก่า ส่งผลให้เกิดปัญหาการมีบุตรยากในอนาคต
โดยคนกลุ่มดังกล่าว หรือที่เรียกว่ากลุ่มมิลเลนเนียล อายุตั้งแต่ 18-37 ปี มีอยู่ประมาณ 1,800 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งกว่า 1,000 ล้านคนนั้น มาจากประเทศจีน อินเดีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมื่อพิจารณาศักยภาพของประเทศไทยที่เป็นฮับของการท่องเที่ยว และการท่องเที่ยวทางการแพทย์ในภูมิภาคนี้ จึงวางยุทธศาสตร์ให้ไทยเป็นเซ็นเตอร์ในการรักษาการมีบุตรยาก ตลอดจนการฝากไข่ ผ่านการให้บริการของคลินิก XY.life ที่จะเปิดสาขาแรกในช่วงกลางปีหน้า ให้บริการทั้งเด็กหลอดแก้ว และแช่แข็งเซลล์ไข่
“ดร.เหวย” ระบุถึงโมเดลธุรกิจในไทยว่า จะใช้รูปแบบของการให้สิทธิ์แฟรนไชส์แก่ผู้ที่สนใจ ซึ่งจะใช้เงินลงทุนเริ่มต้นประมาณ 33 ล้านบาท หรือประมาณ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะได้รับเทคโนโลยี เครื่องมือ โนว์ฮาวต่าง ๆ ที่ดำเนินด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ (artifical intelligence) ตลอดจนบล็อกเชน ในการเก็บข้อมูลของลูกค้า เพื่อวิเคราะห์การรักษา วางแผนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
พร้อมกับเครือข่ายคุณหมอที่เชี่ยวชาญในด้านเด็กหลอดแก้วที่มีเน็ตเวิร์กกระจายอยู่ทั่วโลกกว่า 400 คน และการทำมาร์เก็ตติ้ง ที่ปัจจุบันมีทั้งเรียลิตี้โชว์ในจีน และรายการเกมโชว์ในต่างประเทศ เพื่อให้บริการของคลินิกเป็นที่รู้จักมากขึ้น
โดยลูกค้ากลุ่มเป้าหมายคือผู้ที่มีปัญหามีบุตรยาก และคนรุ่นใหม่ที่ต้องการฝากไข่ แบ่งป็นคนไทย 40% ต่างชาติ เช่น จีน อินเดีย อีก 60% สำหรับค่าใช้จ่ายในการมาใช้บริการแช่แข็งเซลล์ไข่ อยู่ที่ประมาณ 100 บาทต่อวัน หรือ 2.95 เหรียญสหรัฐต่อวัน คิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อปีประมาณ 1,000 กว่าเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นราคาที่เข้าถึงง่าย เมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่น ๆ ที่มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 5,000-6,000 เหรียญสหรัฐต่อปี
“แม้ว่าจีนจะเป็นตลาดใหญ่ แต่ด้วยกฎหมายที่ไม่รองรับการแช่แข็งไข่ หรือข้อจำกัดในการทำเด็กหลอดแก้ว ประกอบกับศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นฮับท่องเที่ยวการแพทย์ในภูมิภาค ทำให้เราเลือกที่จะมาตั้ง XY.life ที่นี่”
“ดร.เหวย” ระบุว่า สาขาแรกของ XY.life จะเปิดให้บริการได้ภายในช่วงเดือนมิถุนายน 2562 และตั้งเป้าที่จะขยายสาขาให้ครบ 10 แห่งภายในปีหน้า ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด โดยเบื้องต้นมีแฟรนไชซีที่สนใจเซ็นสัญญา MOU แล้ว 5 ราย
ผู้สื่อข่าวประชาชาติธุรกิจรายงานเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันมี รพ.และสถานพยาบาลที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการให้บริการ ด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ประมาณ 80 แห่ง และเป็นที่นิยมของลูกค้าชาวจีนเข้ามาใช้บริการ เนื่องจากไทย-จีน มีวัฒนธรรมที่ใกล้เคียงกัน อีกทั้งราคาที่ถูกกว่าเมื่อเทียบกับหลาย ๆ ประเทศ เฉลี่ยอยู่ที่ 4-5 แสนบาท และที่สำคัญคืออัตราการตั้งครรภ์ที่สูง ทำให้ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ
เชื่อว่าโอกาสที่หอมหวนในตลาด จะทำให้เราเห็นภาพการเคลื่อนทัพของกลุ่มทุนขนาดใหญ่ทั้งไทยและเทศ เข้ามาปักหลักเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
ความเห็น 0