โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

การเรียนจบไม่มีอยู่จริง - บองเต่า

THINK TODAY

เผยแพร่ 09 ก.ค. 2562 เวลา 10.53 น.

ผมเคยตั้งเป้าหมายกับตัวเองไว้ว่าชีวิตนี้ผมจะเรียนถึงปริญญาโท ส่วนเรื่องการต่อปริญญาเอกหรือเป็นด๊อกเตอร์นั้นตอนเด็กๆก็เคยคิดว่ามันเท่อยู่เหมือนกัน คนรอบข้างก็เชียร์ให้เรียน แต่เมื่อประเมินชีวิตจริงแล้ว ปริญญาโทน่าจะเป็นเส้นชัยของชีวิตที่เหมาะสมกว่า

ผมจำได้ว่าตอนที่ผมรับปริญญาตอนเรียนจบโทนั้น ผมคิดว่านี่คือการ “เรียนจบ” ของจริงแล้ว ถ้าชีวิตคือการเล่นเกมก็คือจบแบบเคลียร์ 100% ไม่มีภาคต่อ ไม่มีบอสลับ ไม่มีด่านพิเศษแน่นอนแล้ว หลังจากนั้นคือการทำมาหากินรัวๆยันเกษียณแล้ว

แล้วผมก็พบว่าตัวเองคิดผิดอย่างแรง เพราะการ “เรียนจบ” นั้นเป็นคำที่ไม่มีอยู่จริงเลยด้วยซ้ำไป โดยเฉพาะในปีที่ผ่านมาที่ผมตัดสินใจลาออกจากงานเป็นครั้งแรก และเปลี่ยนสายงานเหมือนว่ายน้ำท่าฟรีสไตล์ท่าเดียวมาตลอดชีวิต 

อยู่ดีๆชีวิตก็มาถึงจุดที่แตะขอบสระพลิกตัวแล้วเริ่มเรียนท่าผีเสื้อกันกลางน้ำเลยทีเดียว จากเดิมที่ผมเคยเป็นมนุษย์สายการเงินและการตลาดมาตลอด อยู่ดีๆวันนี้ต้องมาทำความเข้าใจแบบลึกซึ้งกับเทคโนโลยีที่ผ่านมาได้สัมผัสแค่ผิวๆ เริ่มเรียนการเขียนภาษาคอมพิวเตอร์ ภาษาโปรแกรมต่างๆ 

จำได้แม่นว่าครั้งสุดท้ายที่ได้เรียนเขียนโค้ดคือตอนอยู่ ม.5 นู่น จากภาษาที่เคยเป็นเหมือนภาษาต่างดาวที่ไม่ต้องเข้าใจก็ได้ กลายเป็นภาษาที่ต้องเรียนเพื่อใข้ในการทำงานในวันนี้

จากเดิมที่เคยคิดว่าการจบปริญญาโทคือเส้นชัยของชีวิตการศึกษา ตอนนี้เหมือนกลับมาเริ่ม ป.1 ใหม่อีกครั้งตอนอายุสามสิบกว่า

แต่ผมพบว่าการเรียนรู้ในวันที่ตัวเองโตเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้แล้ว มันทั้งง่ายขึ้นและยากขึ้นเมื่อเทียบกับตอนที่เรายังเป็นเด็กที่มีหน้าที่เดียวคือการเรียน ที่มันง่ายขึ้นคือ เทคโนโลยีต่างๆมันช่วยเหลือให้เราเข้าถึงความรู้ใหม่ๆได้เยอะมาก ชนิดที่ว่าอยากรู้อะไรก็แค่ถามกูเกิ้ล ก็จะได้คำตอบออกมารวดเร็วทันใจ 

ลองนึกภาพตัวเองที่ต้องเรียนการใช้โปรแกรม Excel มาเป็นสิบปีกว่าจะใช้ได้คล่องในวันนี้ เอาเข้าจริงเดี๋ยวนี้แทบไม่ต้องใช้ครูสอน เปิด Youtube แป๊บเดียวก็เข้าใจหมดแล้ว แถมความรู้ในยุคนี้มันเยอะและราคาถูกกว่าเดิมมาก คอร์สออนไลน์มีให้เรียนล้นหลามยิ่งกว่าดูหนังใน Netflix ซะอีก แถมคอร์สดีๆที่เปิดให้เรียนฟรีนี่หาง่ายยิ่งกว่าหนังโป๊ซะอีก

แต่ความยากของการเรียนรู้ในวัยนี้ มันมีแค่เรื่องเดียว คือการบังคับให้ตัวเองตั้งใจเรียนนี่แหละ เพราะคอร์สออนไลน์คือการเรียนที่หน้าจอ เนื้อหาถูกแบ่งเป็นบทไว้หมดแล้ว อยากจะเริ่มเมื่อไรก็เริ่ม หยุดเมื่อไรก็หยุด 

แถมไม่มีครูคอยเช็คชื่อ จะหลับ กินหนม ไปเข้าห้องน้ำก็ไม่มีใครว่าแล้ว ซึ่งการจะตั้งสมาธิเรียนให้ผ่านไปได้สักคอร์สนึงโดยที่ไม่จิตหลุด หรือโดนเตียงสูบวิญญาณนี่ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากที่สุดแล้ว

ที่สำคัญคือ การเรียนในวัยสามสิบนี่เราล้วนมีภาระต้องแบกรับมากมาย ไหนจะงานที่ถล่มทลายเข้ามาทุกวัน ไหนจะเสื้อเน่าก็ต้องซัก จานก็ต้องล้าง ไหนจะแฟนที่ต้องคอยเอาใจ ไหนจะร้านกาแฟเปิดใหม่ที่อยากไปมานาน การจะแทรกเรื่องเรียนให้เข้ามาอยู่ในตารางชีวิตที่บีบรัดขนาดนั้น 

ต้องให้ความมานะอุตสาหะสูงกว่าที่คิดมาก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เรามักจะช้อปคอร์สออนไลน์ตุนไว้เรียนได้ยันแก่ แต่แทบไม่มีคอร์สไหนที่เรียนจบเลย

หลังจากลองเรียนออนไลน์มาได้สักพัก ผมพบสูตรการเรียนออนไลน์ให้สำเร็จได้ในที่สุด มันประกอบไปด้วย 3 ปัจจัย ได้แก่

1. วินัย

2. วินัย

3. วินัย

ใช่ครับ จริงๆมันคือปัจจัยเดียวนี่แหละ แต่เราต้องใช้มันเยอะกว่าตอนเป็นนักเรียนถึงสามเท่า มันคือวินัยแบบเดียวกับที่เราต้องหักห้ามใจไม่กินชานมไข่มุกเพราะกลัวอ้วน มันคือวินัยเดียวกับการตื่นเช้าไปฟิตเนสเพราะอยาก

มีหุ่นดีๆให้ทันไปทริปทะเลกับเพื่อนเดือนหน้า แต่คราวนี้เรากำลังต้องสู้กับเตียงหนานุ่ม สู้กับซีรี่ส์เน็ตฟลิกซ์ที่ดองไว้ สู้กับการออกไปเที่ยวแรดนอกบ้านเสาร์อาทิตย์

เมื่อสองเดือนก่อน ผมกัดฟันขังตัวเองเพื่อเรียนคอร์สความยาว 50 ชั่วโมง จนจบคอร์สได้ภายในสามอาทิตย์ ซึ่งรวมถึงช่วงสงกรานต์ที่ขังตัวเองในห้องนอนเพื่อเรียนเจ้าคอร์สนี้วันละ 6 ชั่วโมงด้วย ตอนที่ผมเรียนจบแล้วระบบ

ส่งใบรับรองเป็นไฟล์ PDF มาให้นี่บอกเลยว่าดีใจยิ่งกว่าได้เกียรตินิยมตอนปริญญาตรีซะอีก เพราะถึงเราจะไม่ต้องอดหลับอดนอนอ่านหนังสือสอบแข่งกับคนอื่น แต่ครั้งนี้ผมชนะตัวเองได้ในที่สุด มันเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจมากเลยนะ

และหลังจากที่ผมรู้สึกปลื้มปริ่มดีใจได้ไม่นาน ผมก็พบว่ายังมีคอร์สที่ผมดองไว้อีกเพียบ และทันทีที่ผมกดเริ่มเรียนคอร์สถัดไป ผมก็จะกลับไปเป็นเด็ก ป.1 อีกครั้ง…

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0