ลมหนาวที่โชยๆ มาในช่วงนี้ คงทำให้ใครหลายคนเหงาตามๆ กันไป และที่เคยได้ยินเขาพูดๆ กันว่า “ความเหงาฆ่าคนได้” เห็นทีว่าคราวนี้จะมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ช่วยยืนยันอีกเสียงว่าประโยคนี้เป็นจริง!
จากงานวิจัยกว่า 218 ผลงานในประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้เชี่ยวชาญพบว่าความเหงาหรือคนที่ชอบปลีกตัวแยกจากสังคม สามารถทำให้บุคคลผู้นั้นมีอายุขัยสั้นกว่าคนทั่วไปถึง 50% ซึ่งเมื่อเทียบกับความเสี่ยงของผู้ป่วยโรคอ้วนที่อยู่ที่ 30% แล้ว นักวิจัยคอนเฟิร์มเลยว่าความเหงานี่แหละเป็นปัญหาสุขภาพที่หลายๆ คนชอบมองข้ามไปแต่อันตรายยิ่งนัก
ดร. จูเลียน โฮลท์-ลันสตาด ศาสตราจารย์ประจำภาควิชาจิตวิทยาของมหาวิทยาลัยบริคแฮม ยัง ที่นำทีมการทำวิจัยเรื่องนี้ บอกเอาไว้ว่าการที่เรามีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนมนุษย์ในชีวิตประจำวันถือว่าเป็นความต้องการขั้นพื้นฐานของทุกคน ซึ่งมีความสำคัญมากต่อความเป็นอยู่ที่ดีและการอยู่รอด “ยกตัวอย่างเช่นเคสของทารกแรกเกิดที่ถูกแยกไปดูแลในหน่วยพิเศษ เด็กๆ เหล่านี้จะมีโอกาสเสี่ยงที่จะเสียชีวิตสูงมากเพราะขาดการคอนแทคท์กับมนุษย์ด้วยกัน หรืออย่างเวลาที่เราถูกทำโทษตอนเด็กๆ การกักบริเวณก็ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือ” เพราะมันทำให้คนๆ นั้นรู้สึกแย่และต้องปรับตัวเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากสังคม
นอกจากนี้ นักวิจัยยังเชื่อว่าความเหงานี่แหละคือตัวการที่ทำให้อาการป่วยจากโรคอื่นๆ แย่ลงได้ อ้างอิงจากวิจัยของ University of Texas ในบรรดาคนที่ป่วยเป็นโรคไข้หวัดธรรมดา คนที่มีคู่จะหายจากอาการเจ็บป่วยได้ดีกว่าคนโสด และจากเซอรเวย์ล่าสุดโดย Gransnet เว็บไซต์โซเชียลมีเดียของผู้สูงอายุบอกว่ามากกว่า 75% ของผู้สูงวัยในสหราชอาณาจักรไม่เคยพูดกับใครว่าตัวเองเหงา และส่วนมากป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งทั้งสองอย่างย่นระยะเวลาบนโลกของพวกเขาให้สั้นลง
“โรคเหงา” อาจจะฟังดูเป็นอะไรที่แปลก แต่จริงๆ แล้วในวงการแพทย์ต่างประเทศเริ่มให้ความสำคัญกับอาการนี้มากๆ สิ่งที่เราควรทำนอกจากการใส่ใจคนรอบข้างแล้วก็คือการหันกลับมาดูแลใจตัวเองด้วยว่าเรารู้สึกโดดเดี่ยวหรือขาดอะไรไปรึเปล่า อย่าปล่อยให้ความเหงาครอบงำ! เพื่อสุขภาพกายและใจที่ดีของเราละกันเนอะ