เครือข่ายปฏิรูปการประกันตัวเพื่อคนจน ยื่นเสียงสนับสนุนจากประชาชนผ่านแคมเปญ “ต้องไม่มีใครติดคุกเพราะจน” เสนอคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม เพื่อผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบบการฝากขังและปล่อยชั่วคราว หวังลดความเหลื่อมล้ำของคนในสังคม
ทั้งนี้ เรียกร้องให้บรรจุการใช้ระบบประเมินความเสี่ยงช่วยให้ศาลใช้เป็นเครื่องมือในการพิจารณาประกันตัวผู้ต้องหาโดยไม่ต้องใช้เงินเป็นตัวตัดสินให้เป็นหนึ่งในวาระแห่งชาติ ด้วยหลักเกณฑ์นี้จะทำให้ไม่ว่าจะเป็นคนรวยหรือจนก็ต้องใช้แบบตรวจวัดเดียวกัน เนื่องจากการเรียกหลักประกันเป็นเงินไม่สามารถเป็นเครื่องมือในการวัดความเสี่ยงในการหลบหนี หรือกระทำผิดซ้ำได้อีก
อ่านข่าวต้นฉบับ: รณรงค์แคมเปญ“ต้องไม่มีใครติดคุกเพราะจน”เสนอคกก.ปฏิรูปปท.ด้านกระบวนการยุติธรรม
ที่ผ่านมาบ้านเรามักมีคำพูดติดปากว่า “คุกมีไว้ขังหมากับคนจน” กลายเป็นเรื่องชินชาที่คนไทยรับรู้กันมานาน ล่าสุดนายพิสิษฐ์ สุวรรณพิมพ์ อายุ 47 ปี เพิ่งถูกยกฟ้องในคดีร่วมกันวิ่งราวเพชรมูลค่า 15 ล้านบาท หลังจากติดคุกไปแล้ว 7 เดือน ซึ่งนายพิสิษฐ์ไม่ได้ทำผิดอะไรเลย แต่ต้องติดคุกเพราะความจนระหว่างการต่อสู้คดี โดยได้รับค่าเสียหายที่ต้องติดคุกฟรีวันละ 500 บาท รวมเป็นเงิน 105,000 บาท
กรณีนี้ถือเป็นคดีตัวอย่างที่ทำให้หลายคนเชื่อมั่นอย่างหนักแน่นว่า “คุกมีไว้ขังคนจน” เท่านั้น เพราะที่ผ่านมามีคดีอีกมากมายที่กลับไม่ต้องติดคุกเพราะผู้ต้องหาเป็นลูกหลานคนใหญ่คนโตของบ้านเมือง แสดงให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่ชัดเจนที่สุด
ดังนั้นระบบประเมินความเสี่ยงที่กำลังเตรียมผลักดันกันอยู่นี้ก็น่าจะทำให้คนจนหรือผู้มีรายได้น้อยที่กระทำผิดมีความหวังขึ้น ถึงแม้ในท้ายที่สุดคนผิดจะต้องรับผิด แต่ความเท่าเทียมและเสมอภาคก็เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการเช่นกัน